อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าแท่นเทพนิรมิตโดยการนำทางของหลิวหั่ว

บนแท่นบูชาหินโบราณ วัตถุทั้งหลายทุกแสงสีขาวปกคลุม ลอยอยู่กลางอากาศ

นักพรตที่สวมชุดหรูหราหลายคนยืนอยู่บนแท่นบูชา จ้องมองสิ่งของเหล่านั้น บ้างก็ทำหน้าครุ่นคิด บ้างก็มีแววตาค้นหา

“หอดิ้นทองของเรามีประวัติมาหลายพันปีแล้ว จนถึงบัดนี้ ก็สะสมวัตถุบรรพกาลได้เพียงสามสิบห้าชิ้นเท่านั้น ทุกชิ้นที่นี่ล้วนมีมูลค่ามหาศาล รอคอยคนที่มีวาสนาต่อพวกมัน” หลิวหั่วอธิบายยิ้มๆ

อันหลินมองวัตถุที่ลอยล่องกลางอากาศเหล่านั้น ในใจก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เริ่มก้าวเข้าไปหาแท่นหิน

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีผู้หญิงโฉมงามสะคราญ ลักษณะสูงศักดิ์ สวมชุดสีแดงคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า “เหล่าจง ข้าต้องการโบราณวัตถุชิ้นนี้!”

ชายชราคนหนึ่งบนแท่นหินพยักหน้า ใช้วิธีพิเศษเปิดแสงสีขาวออก หยิบวัตถุโบราณให้หญิงชุดแดง

“ชายชราคนนั้นเป็นผู้พิทักษ์โบราณวัตถุของเรา นามว่าเหล่าจง สตรีผู้นั้นเป็นองค์หญิงรองแห่งราชวงศ์เหยียนเหอแห่งแคว้นเทียนเหอเรา นามว่าเหยียนเมิ่ง” หลิวหั่วแนะนำ

อันหลินตกใจเล็กน้อย ราชวงศ์เหยียนเหอเป็นหนึ่งในเก้าราชวงศ์ ไม่คิดว่าราชนิกุลจะมาเสี่ยงโชคที่มีด้วยเหมือนกัน

วัตถุโบราณที่เหยี่ยนเมิ่งเลือก เป็นกระสวยทองที่ดูเก่าแก่ไม่ธรรมดา

นางทำทุกวิถีทางอยากหลอมกระสวยทองชิ้นนี้ แต่กระสวยทองไร้การตอบสนอง

มีเพียงพลังงานเก่าแก่ แผ่ริ้วคลื่นเบาบางออกมาเป็นระลอกๆ อย่างต่อเนื่องเท่านั้น

หลิวหั่วกล่าวยิ้มๆ ว่า “สิ่งที่ถูกเรียกว่าวัตถุบรรพกาล ย่อมเป็นวัตถุที่มีปัญญา มันจะเลือกคนที่เข้าใจมันมากที่สุด ใช้กำลังครอบครองมันจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม หากลบล้างจิตวิญญาณทิ้งไป จะกลายเป็นเศษขยะทันที สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับวาสนา…”

“เหอะ ของบ้าอะไรกันเนี่ย!” เหยียนเมิ่งวางกระสวยทองลงอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็หยิบหินปราณออกจากแหวนมิติ ยื่นให้เหล่าจงแล้วไปเลือกวัตถุบรรพกาลชิ้นอื่นต่อ…

เมื่อเห็นภาพนี้ หลิวหั่วก็ส่ายหน้าแล้วหันมองอันหลิน พูดยิ้มๆ ว่า “สหายอันหลิน เจ้าจะลองดูหน่อยไหม จ่ายแค่หนึ่งหินปราณ เจ้าสามารถเลือกโบราณวัตถุได้ตามใจชอบเลย”

อันหลินพยักหน้า หนึ่งหมื่นหินวิญญาณต่อหนึ่งครั้ง ดูจากกำลังทรัพย์ในตอนนี้ของเขาแล้ว ถือว่าไม่เท่าใด ที่สำคัญต้องดูอัตราความสำเร็จ…

หลิวหั่วมองอันหลินสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับคิดอย่างร่าเริง ปลาอ้วนพีตัวนี้จะจ่ายเงินเท่าใดกันแน่…

ที่นี่มีแค่เศรษฐีตัวจริงเท่านั้นที่เข้ามาได้ ขณะเดียวกันก็เป็นโรงเชือดเศรษฐี ขอให้อันหลินเป็นคนโง่เงินหนาจะดีที่สุด ลองวัตถุบรรพกาลทั้งสามสิบห้าชิ้นให้ครบ เช่นนั้นหอดิ้นทองของพวกเขาก็จะมีรายได้ถึงสามแสนห้าหมื่นหินวิญญาณ และเขาก็จะได้ส่วนแบ่งถึงสามหมื่นห้าพันหินวิญญาณ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

“อันหลิน แค่ลองครั้งสองครั้งก็พอแล้ว อย่าสิ้นเปลืองเงิน” สวีเสี่ยวหลานกลัวว่าอันหลินจะอาศัยความมั่งคั่งเล่นจนเสพติด จึงส่งกระแสจิตเตือน

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะลองความยากดูก่อน” อันหลินพยักหน้า ยื่นหนึ่งหินปราณให้เหล่าจง เริ่มเดินไปหาวัตถุบรรพกาลที่ลอยล่องกลางอากาศ

คนที่เลือกวัตถุบรรพกาลบนแท่นหิน รวมอันหลินแล้วก็มีสามคน

นอกจากเหยียนเมิ่งแล้ว มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดหนังสัตว์สีม่วงคนหนึ่งกำลังตั้งใจเพ่งมองวัตถุบรรพกาลกลางอากาศเช่นกัน

อันหลินมองวัตถุที่อยู่ภายในผ่านม่านแสงสีขาว ชิ้นแรกเป็นตำราโบราณเล่มหนึ่ง

เขาขบคิด แม้ความรู้จะเปลี่ยนแปลงชะตาได้ แต่หากเป็นอักษรโบราณเขาก็อ่านไม่ออก ไม่เข้าใจ เช่นนั้นก็เปล่าประโยชน์ไม่ใช่เหรอ ฉะนั้นมองข้ามไปได้เลย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมองแสงดวงที่สอง มันเป็นกระบี่โบราณเล่มหนึ่ง

อืม เขามีกระบี่อยู่แล้ว ขอผ่าน

ชิ้นที่สาม ชิ้นที่สี่…

เขาไล่มองทีละอย่าง จากนั้นก็ข้ามไปทุกอย่าง ต้องเลือกวัตถุที่ตัวเองใจเต้นเป็นการเริ่มต้นที่ดี ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบกับวัตถุบรรพกาลต่างหากเป็นการเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบที่สุด

จากนั้นเขาก็เห็นพู่ห้อยหยกชิ้นหนึ่ง

พู่ห้อยหยกชิ้นนี้เป็นสีคราม แม้จะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน มันก็ยังเปล่งประกายชวนฝัน

เมื่อมองมัน ก็ทำให้รู้สึกราวกับเห็นท้องทะเล

อันหลินชี้พู่ห้อยหยก พูดเสียงดังว่า “เหล่าจง ข้าต้องการวัตถุโบราณชิ้นนี้”

“เหล่าจง ข้าต้องการวัตถุโบราณชิ้นนี้” เสียงอ่อนหวานดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน

อันหลินชะงัก หันมองข้างๆ เห็นเหยียนเมิ่งที่ชะงักไปเช่นเดียวกัน

การอบรมบ่มเพาะที่ดีงาม รวมถึงความคิดเลดี้เฟิร์สที่มีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำให้อันหลินตอบสนองทันทีทันใด พูดเสียงร้อนรนว่า “เหล่าจง ข้าพูดก่อน!”

“เหล่าจง ข้าพูดก่อนต่างหาก!” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกัน

เหล่าจง “…”

ทั้งคู่ต่างก็นิ่งอึ้งไป จ้องกันด้วยแววตาที่เหมือนจะมีประกายไฟแตกเปรี้ยะๆ

เมื่อเห็นทั้งสองคนเชือดเฉือนกัน หลิวหั่วกับเฮยมู่เองก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนยื้อแย่งกันมาส่งเงินให้ถึงที่

เหยียนเมิ่งยืดหน้าอกใหญ่สะบึม พูดเสียงเย็นว่า “เจ้าเป็นใคร ไม่รู้จักหลักการมาก่อนได้ก่อนหรือ ข้าเลือกอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เจ้ามาใหม่ไม่รู้จักยอมหน่อยหรือ”

“เหอะ แล้วแต่เจ้าเถอะ ให้เจ้าก่อนแล้วกัน อย่างไรเสียเจ้าเลือกไปก็เปล่าประโยชน์” อันหลินคิดไปคิดมา เป็นปรปักษ์กับองค์หญิงก็ไม่มีความหมายอะไร จึงแสดงความเมตตายอมให้สักครั้ง

“เจ้า…” เหยี่ยนเมิ่งโมโหจนหน้าอกสั่น “วันนี้ข้าจะต้องเอาพู่ห้อยหยกชิ้นนี้กลับไปให้ได้ เจ้าฝันไปเถอะ!”

เหยี่ยนเมิ่งรับพู่ห้อยหยกสีครามที่เหล่าจงยื่นมาให้อย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง จากนั้นก็หลอมมัน

เพื่อการหลอมในครั้งนี้ นางใช้ทั้งไม้อ่อน ไม้แข็ง วิธีสังเวย ใช้ค่ายกลกระตุ้น…วิทยายุทธทุกแขนงถูกใช้จนหมดเกลี้ยง ทำเอาอันหลินตกตะลึง รู้สึกเปิดโลกทัศน์อย่างมาก

แต่ทว่าก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ผ่านไปครู่ใหญ่ พู่ห้อยหยกสีครามยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

เหยียนเมิ่งสิ้นหวังแล้ว วางพู่ห้อยหยกลงอย่างเซื่องซึม

“ฮ่าๆ ๆ ถึงตาข้าแล้ว” อันหลินหยิบพู่ห้อยหยกขึ้นอย่างตื่นเต้น

เหยียนเมิ่งเหลือบมองอันหลินแล้วแสยะยิ้ม “ตื่นเต้นขนาดนี้ไปไย แม้แต่ข้ายังทำไม่ได้ เจ้ายังคิดจะหลอมมันอีกหรือ ฝันชัดๆ”

อันหลินไม่สนใจเจ้าคนวิปลาส กำพู่ห้อยหยกแล้วเริ่มตั้งใจวิเคราะห์

เขาหลอมตามวิธีดั้งเดิมก่อน เป็นอย่างที่คิด ไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่นิด

เหยียนเมิ่งหัวเราะดังลั่น

นางไม่ไปเลือกวัตถุบรรพกาลแล้ว มองดูอันหลินพยายามดิ้นรนอยู่ตรงนี้

วิชาญาณทิพย์!

นัยน์ตาของอันหลินกลายเป็นสีขาวโพลน นิ้วแตะพู่ห้อยหยก ข้อมูลนับไม่ถ้วนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในสมอง

‘ดวงใจแห่งสมุทร สร้างจากหัวใจของอิลลาว ศาสดาพยากรณ์แห่งทะเลตะวันตก มีพลังสั่งการอสูรทะเลตะวันตก ข้อบกพร่องคือ สูญเสียปัญญาไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน พลังงานติดขัดแห้งเหือด จำต้องสังเวยด้วยเลือด ใช้พลังธาตุน้ำ จะสามารถซ่อมแซมส่วนที่บกพร่องได้…’

ข้อมูลละเอียดขนาดนี้เชียวเหรอ! อันหลินตะลึงงัน

นี่ยังใช่วิชาญาณทิพย์ที่วิเคราะห์ได้แค่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อยอยู่หรือเปล่า

วิชาญาณทิพย์น่าเชื่อถือขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร!

เขาสะกดกลั้นความสงสัย กัดนิ้วแล้วหยดเลือดลงบนพู่ห้อยหยกสีคราม ขณะเดียวกันก็ใช้พลังธาตุน้ำกับมันด้วย

เมื่อเหยียนเมิ่งเห็นการกระทำของอันหลินก็ชะงักไป จากนั้นก็ขำพรืด “ฮ่าๆ ๆ ใช้เลือดยืนยันตัวตนหรือ เจ้าคิดว่ากำลังทำพันธะสัญญากับสัตว์เลี้ยงอยู่หรือ ไม่ใช้สมองเลย อายบ้างไหมเนี่ย”

แต่ทว่า เพิ่งสิ้นเสียงของเหยียนเมิ่ง พู่ห้อยหยกในมืออันหลินก็ส่องแสงสีครามเจิดจ้า

พลังมหาศาลดุจทะเลกว้าง กระเพื่อมไปทั่วบริเวณพร้อมกับกลิ่นอายเก่าแก่

อันหลินพบว่าพู่ห้อยหยกในมือเกิดสายใยวิเศษบางอย่างกับตนเอง มันเป็นการเชื่อมต่อทางจิตใจ พู่ห้อยหยกยอมรับเขาแล้ว!

เหยียนเมิ่งเบิกตากว้าง บัดนี้ปากที่หัวเราะเมื่อครู่นี้อ้ากว้าง ยัดแอปเปิลเข้าไปได้ทั้งลูก

เฮยมู่ หลิวหั่วและหวงสือก็ยืนนิ่งกับที่ จ้องพู่ห้อยหยกในมือของอันหลิงไม่วางตา

“เกิดอะไรขึ้น” เหล่าจงมองภาพตรงหน้า เนื้อตัวเริ่มสั่นเทาแล้วร้องเสียงหลง

ติ้ง พู่ห้อยหยกส่งเสียงดังกังวาน มันช่างเป็นความรู้สึกที่สบายอุรา เบาสบายและลิงโลดใจ

จากนั้นมันก็ลอยรอบอันหลินอย่างเริงร่า สุดท้ายก็มาคลอเคลียตรงหัวใจเขาอย่างแนบแน่น

ต่อให้คนโง่เห็นฉากนี้ ก็รู้ว่าพู่ห้อยหยกยอมรับเขาแล้วจริงๆ…