ตอนที่ 678 หยิบสมุดโน้ตออกมาบันทึก

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“บอกเขาว่า ช่วงนี้อาการเวยเวยไม่เหมาะที่จะเจอเขา ให้เขารอก่อน อีกสามวันค่อยคิดเรื่องขอโทษ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนจงใจทรมานเย่ต้าเชียน เธอรู้ว่าช่วงสามวันต่อจากนี้เย่ต้าเชียนจะยิ่งทรมานหนักกว่าเดิม

 

 

ผลลัพธ์ที่ต้องการคือแบบนี้นี่แหละ เขาสร้างบาดแผลในใจให้เวยเวยมาตั้งนาน ถึงเวลาที่จะให้เขาได้ลิ้มรสอาการหวาดผวาเพราะความกลัวจนเก็บไปฝันร้ายแล้ว

 

 

“แต่เขาบอกว่าตอนนอนแค่หลับตาก้ได้ยินเสียงหมาเห่าแล้ว เขาตกใจมาก แม้แต่แม่ฉันยังบอกว่าได้ยิน”

 

 

“หมาเห่า?” โรงพยาบาลมีหมาด้วยเหรอ?

 

 

“ใช่ เขาตกใจกลัวมาก เห่าหอนตอนดึกๆ เมื่อวานซืนกับเมื่อวานมีเสียงหมาเห่าตลอด ประมาณเที่ยงคืนก็เริ่มแล้ว แต่ละครั้งก็สามนาทีบ้าง ห้านาทีบ้าง อีกทั้งยังมีแค่ห้องพวกเขาเท่านั้นที่ได้ยิน! ไม่ใช่เสียงจากโทรทัศน์ด้วย แม่ฉันก็ได้ยิน เหม่ยเหวย ไม่งั้นก็ให้เขาไปขอโทษเถอะ”

 

 

“ไม่ได้ ให้เขาทนไปก่อน”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตัดสายทิ้งทันที แต่กลับเอาแต่คิดเรื่องเสียงหมาเห่า

 

 

ตึกโรงพยาบาลกลางมีตั้งหลายชั้น เย่ต้าเชียนพักอยู่ชั้นบน แล้วจะได้ยินเสียงหมาเห่าได้ยังไง?

 

 

เป็นไปไม่ได้ที่จะมีหมาขึ้นไป เสียงดังตอนดึกๆก็ไม่มีทางเป็นเสียงใครดูโทรทัศน์ ไม่เคยได้ยินว่ามีโทรทัศน์ที่เปิดแต่เสียงหมาเห่า อีกทั้งแต่ละครั้งยังสามนาทีบ้าง ห้านาทีบ้าง มีแค่ห้องเย่ต้าเชียนเท่านั้นที่ได้ยินด้วย น่าแปลกมาก

 

 

ประธานเชี่ยนไม่เชื่อเรื่องวิญญาณผีสาง เธอคิดว่ามีคนทำ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เย่ต้าเชียนไปก่อคดีไว้กับใครมาบ้าง ถึงได้ถูกตามมาล้างแค้น

 

 

ไม่ต้องสนหรอกว่าใคร และก็ไม่ต้องสนด้วยว่าเป็นผีหรือเปล่า ประธานเชี่ยนไม่มีทางสงสารคนเลวแบบนี้อยู่แล้ว และก็ขี้เกียจไปตามหาความจริงด้วย เอาให้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้เป็นโรคจิตเภทไปเลยก็ยังน้อยไป

 

 

เรื่องนี้เสี่ยวเชี่ยนโยนมันไว้ข้างหลัง ไม่เก็บมาคิดอีก

 

 

“ดูซิ วันๆฉันยุ่งตั้งแต่เช้ายันเย็น เธอยังจะมาแสร้งทำตัวเป็นคนอกหักใส่ฉันอีก เป็นหญิงแกร่งชัดๆยังจะมาทำตัวอ่อนแอ จะไม่ให้คนเขาหมั่นไส้ได้ไง?” เสี่ยวเชี่ยนวางสายเสร็จก็หันไปบ่นกับสุ่ยเซียน

 

 

“เธอเป็นน้องฉันหรือเปล่าเนี่ย?” หัวใจของสุ่ยเซียนถูกเสี่ยวเชี่ยนทิ่มแทงครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันผ่านขั้นตอนการยกน้ำชาให้พ่อเธออย่างเป็นทางการมาแล้วนะ!”

 

 

“ฉันเป็นแบบนี้อยู่นะ”

 

 

“สีหน้าของเธอที่กำลังเป็นทุกข์เพราะความรักอยู่นี้ มันกลับมาเติมเต็มความรู้สึกของฉัน ความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนกับฉันนั่งกินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อยอยู่ในร้านอาหาร แต่เธอยืนตากฝนต่อคิวอยู่ด้านนอกกระจก ฉันอิ่มจะตายแต่เธอกลับได้แต่ยืนมองฉันกิน ความรู้สึกสะใจมันยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อนำมาเปรียบเทียบ คนเรามันมีความฟุ้งเฟ้อทางความรู้สึกด้วยกันทั้งนั้น ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันนับวันจะยิ่งมีอารมณ์อย่างคนทั่วไป ต้องโทษเสี่ยวเฉียงที่ตามใจฉันจนเคยตัว”

 

 

“ตัดขาด” เป็นพี่น้องต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่ปลอบใจแล้วยังมาอวดความรักอีก น่าโมโหที่สุด!

 

 

“อืม ตัดก็ตัด เธอโตแล้ว”

 

 

สุ่ยเซียนตกใจ “เธอพูดว่า…ตัด?”

 

 

“เธอส่งข้อความไปหาเขาแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วสีหน้าเจ็บปวดนี่มันอะไรกัน?” เสี่ยวเชี่ยนเชยคางสุ่ยเซียนขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบท่านประธานใหญ่ “ผู้หญิงน่ะ ปากบอกว่าไม่ แต่ร่างกายมันซื่อสัตย์นะจ๊ะ~”

 

 

“อย่ามาทำให้เกลียดได้ไหม!” สุ่ยเซียนตีมือเสี่ยวเชี่ยน ถูกพูดแทงใจดำจนต้องเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเสี่ยวเชี่ยน

 

 

อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็ปรับสีหน้าเข้าโหมดจริงจัง

 

 

“สุ่ยเซียน ทางที่ดีเธออย่าทำให้ฉันไม่รำคาญ เพราะถ้าฉันไม่รำคาญเธอแล้ว ฉันก็จะพูดเหตุผลที่แท้จริงที่เธอบอกเลิกออกมา อย่าบีบให้ฉันต้องพูดความจริง”

 

 

“ความจริง?” สุ่ยเซียนตกใจ เธอคิดว่าตัวเองเล่นเนียนแล้วนะ

 

 

“ใช่ ความจริง อยากฟังไหม?”

 

 

ไม่มีอะไรที่จะรอดพ้นสายตาประธานเชี่ยนได้

 

 

ตั้งแต่เห็นของขวัญแต่งงานที่พ่อบุญธรรมให้ จนมาสุ่ยเซียนบอกว่าเลิกกับจูขี้บ่นแล้ว สองเรื่องนี้ที่ดูไม่น่าเกี่ยวกัน แต่เมื่อผ่านสมองของประธานเชี่ยนเธอก็เข้าใจได้ทันที

 

 

ประธานเชี่ยนมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง สุ่ยเซียนยังจะทำปากแข็ง

 

 

“ฉัน ฉันยอมรับว่าตอนนี้ใจฉันยังเจ็บปวด แต่ก็เพราะยังทำใจไม่ได้ อย่าว่าแต่แฟนที่คบกันมาหลายปีเลย ต่อให้เป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงมาหลายปีก็ผูกพันเหมือนกัน พอหายไปก็ปวดใจนะ ฉันก็แค่เป็นเหมือนคนปกติที่อกหัก—นี่เธอทำอะไรน่ะ?”

 

 

สุ่ยเซียนเห็นเสี่ยวเชี่ยนหยิบสมุดโน้ตที่ปกติพกติดตัวออกมาเขียนอะไรยุกยิก

 

 

“ฉันติดนิสัยมาจากพี่สาวของคนไข้ฉันน่ะ มีเรื่องอะไรที่ชั่วร้ายก็จะจดลงไป วันเดือนปีไม่ปรากฏ—” เสี่ยวเชี่ยนมองนาฬิกาแล้วเขียนเวลาลงไป “สุ่ยเซียนบอกว่า จูขี้บ่นเหมือนหมา ยังบอกอีกว่าไม่รักจูขี้บ่น…”

 

 

“นี่!” สุ่ยเซียนไม่รู้จะโมโหหรือหัวเราะดี

 

 

“เธอไปติดนิสัยเด็กๆแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไร! ฉันพูดแบบนั้นเมื่อไรกัน! อีกทั้งเธอมองเวลาจากนาฬิกาที่ฉันให้ มันดีแล้วเหรอ?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเลียนแบบเย่เสียวอวี่ เย่เสียวอวี่เวลาว่างๆชอบแอบมองเสี่ยวเชี่ยน พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนมีท่าทางพิรุธก็จะจดเอาไว้

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้าแล้วหัวเราะฮี่ๆออกมา “เด็กจริง แต่เธอไม่คิดว่ามันสนุกเหรอ? ต่อไปเวลาที่เธอทำตัวงอแงฉันจะจดเอาไว้แล้วเอาไปให้จูขี้บ่นอ่าน จึ๊ๆ เพื่อสนิทน่ะเขาเอาไว้แฉกันหรอกนะ”

 

 

“……กินน้ำลายของอวี๋หมิงหลางมามากเธอก็เลยเพี้ยนแล้วสินะ” หมดทางรักษาแล้ว ประธานเชี่ยนเมื่อก่อนไม่เล่นอะไรแบบนี้! แล้วช่วงนี้เป็นอะไร!

 

 

“สุ่ยเซียน เราสองคนเถียงกันเรื่องใครเป็นพี่ใครเป็นน้องมาหลายปี เธอคิดว่าเธอควรเป็นพี่ แต่ในใจของฉันเธอเป็นน้อง เพราะมุกเลิกกับแฟนที่เธอเล่นฉันเล่นมาก่อนเธอหลายปี เธอช้ากว่าฉันนานขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นน้องอีกเหรอ? ตอนนั้นฉันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาก ทั้งทำให้อวี๋หมิงหลางสมหวังได้ทั้งทำให้ตัวเองโดดเด่นในหน้าที่การงานได้ ตอนนี้พอย้อนกลับไปคิดดู ตอนนั้นฉันก็แค่อยู่ดีไม่ว่าดีชอบทำให้มันเป็นเรื่อง ช่วยไม่ได้ ต่อให้เป็นคนฉลาดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยทำเรื่องงี่เง่าเลยในชีวิต”

 

 

ตอนนั้นสาเหตุที่ประธานเชี่ยนบอกเลิกอวี๋หมิงหลางไม่ต่างจากที่สุ่ยเซียนบอกเลิกจูขี้บ่นในตอนนี้

 

 

ถึงยังไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่เสี่ยวเชี่ยนก็ดูออก

 

 

ตอนนี้ตระกูลทังกำลังเกิดปัญหาใหญ่ พ่อบุญธรรมอยากจะเพลาๆงาน สุ่ยเซียนลูกสาวเพียงคนเดียวจะขึ้นรับตำแหน่งย่อมต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนานา ถ้าจูขี้บ่นยังอยากคบกันสุ่ยเซียนต่อไป สองครอบครัวย่อมอยากให้จูขี้บ่นลาออกมาช่วยสุ่ยเซียน

 

 

เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผู้หญิงตัวคนเดียวแบกปัญหามากมายขนาดนั้น ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้พ่อบุญธรรมไม่มีทางยกสุ่ยเซียนให้แน่ อีกอย่างต่อให้จูขี้บ่นแต่งกับสุ่ยเซียน ย่อมไม่ใช่ผู้กุมอำนาจที่แท้จริง มากสุดก็แค่ผู้ช่วย

 

 

เรื่องสุ่ยเซียนชอบจูขี้บ่นนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอรู้จักเขาดี เขารักในอาชีพทหารมาก นั่นคืองานของเขา ช่วงหลายปีมานี้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าไปมาก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะลาออกมาเป็นผู้ชายที่สนับสนุนเธออยู่เบื้องหลัง ทางเลือกในตอนนี้มีอยู่สองอย่างคือจูขี้บ่นลาออกจากงานแล้วมาช่วยสุ่ยเซียนหรือเลิกกัน

 

 

มีแค่สองทาง ไม่มีคำตอบที่สาม สุ่ยเซียนไม่อยากทำให้จูขี้บ่นลำบากใจจึงบอกเลิก

 

 

ในสายตาของสุ่ยเซียนตัวเองได้ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย แต่ประธานเชี่ยนขอสรุปการกระทำนี้ไว้สั้นๆว่า

 

 

ลมปากไม่ซื่อสัตย์เท่ากับร่างกาย

 

 

หรือคำเดียวเลยคือ งี่เง่า