บทที่ 431 มู่เสวี่ยแต่งงาน + บทที่ 432 สาเหตุการตาย

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 431 มู่เสวี่ยแต่งงาน

มู่เสวี่ยหมดคำพูด นั่นไม่ใช่เรื่องที่นางต้องการจะพูด นอกจากหนิงเมิ่งเหยาแล้ว เขาก็เป็นคนที่กิจการการค้ารุ่งเรืองที่สุดในเมืองเซียว แล้วเขาจะไม่ร่ำรวยได้อย่างไร สำหรับเขาเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาจรงิๆ

“รับไปเถิด เจ้าจะเอาบางส่วนให้ท่านปู่และคนอื่นๆ ก็ได้” ถ้าเป็นตระกูลมู่ เขาคงไม่เต็มใจมอบให้ แต่เขารู้ว่าตระกูลหลินปฏิบัติกับมู่เสวี่ยมาเป็นอย่างดี เขาไม่ว่าอะไรถ้ามู่เสวี่ยจะแบ่งของให้คนเหล่านั้น

มู่เสวี่ยตัวแข็งทื่อ แล้วนางก็ผงกศีรษะลง “ขอบคุณ”

“ระหว่างเรา ไม่ต้องกล่าวขอบคุณกันหรอก”

หลังจากคุยเรื่องวันอภิเษกแล้ว เซียวฉีเทียนก็เข้าไปในวังหลวงเพื่อแจ้งข่าวแด่เฟิงฮ่องเต้ จากนั้นจึงเตรียมตัวกลับ เขาต้องรีบกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงาน

เซียวฉีเทียนกำลังจะกลับ หนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ ก็เตรียมตัวกลับแล้วเช่นกัน พวกเขาจะได้ค่อยๆ เดินทางกลับ เพื่อไปให้ถึงทันเวลาเข้าร่วมพิธี

“เสวี่ย เทียนช่างกับข้าก็กำลังจะกลับเช่นกัน ถ้ามีใครมารังแกเจ้า จำไว้ว่าอย่ายอมทนรับเงียบๆ เฉิน เจ้าเองก็ด้วย”

“พวกเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ขอให้เจ้ากับเทียนช่างเดินทางปลอดภัย”

“ตกลง”

หลังจากที่เซียวฉีเทียนออกเดินทาง หนึ่งวันให้หลัง เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ก็ออกเดินทางเช่นกันตอนที่พวกเขาไปกันแล้ว มู่เสวี่ยรู้สึกไม่อยากแยกกับพวกเขาเลย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ราชครูหลินและคนอื่นๆ ก็กล่าวหยอกเย้า “หลังจากเจ้าแต่งงาน เจ้าก็สามารถเจอกันได้ทุกวันแล้ว ข้าคิดว่าฉีเทียนจะนึกริษยาด้วยซ้ำ”

“ท่านปู่” มู่เสวี่ยมองพวกเขาอย่างเขินอาย หน้านางแดงก่ำ

ราชครูหลินและคนอื่นพากันหัวเราะ

บนรถม้า หนิงเมิ่งเหยาเอนตัวเข้าหาเฉียวเทียนช่างแล้วลูบแขนเขาอย่างนุ่มนวล “ข้าเกรงว่าที่เราไปเมืองเฟิงจะมีแต่สร้างปัญหา” ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ

หลังจากทำลายชื่อเสียงอัครมหาเสนาบดีแล้ว พวกนางก็แค่ปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าตัวเองแล้วจากมา มองไปแล้วนับว่าออกจะ…ไร้ความปรานีอยู่บ้าง

เฉียวเทียนช่างโอบกอดนางเอาไว้ “ไม่เป็นไรหรอก เขาทำตัวเอง”

ถ้าเขาปฏิบัติกับทั้งสองดีกว่านี้สักหน่อย ย่อมไม่ลงเอยเช่นนี้ หรือพูดให้ถูกก็คือ เขาโดนจัดฉาก หรือจะเรียกอย่างน่าเกลียดกว่านั้น เขาหาเรื่องใส่ตัวเอง

หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาปริบๆ แล้วก็พยักหน้ายอมรับ “เจ้าพูดถูก ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเสียหน่อย เป็นความผิดของเขาเองต่างหาก”

เขาเอื้อมมือออกไปแล้วกดศีรษะของหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะพลางหัวเราะ ทำไมภรรยาของเขาถึงน่าเอ็นดูนัก

การเดินทางของพวกเขาเรียกได้ว่าเป็นการชมทัศนียภาพ หนิงเมิ่งเหยาไม่ง่วงเท่าไรนักเมื่อออกมาข้างนอก และเด็กในครรภ์ก็ขยับมากขึ้นเรื่อยๆ เฉียวเทียนช่างชอบเอาศีรษะแนบท้องของหนิงเมิ่งเหยาในยามกลางดึกเพื่อฟังเสียงหัวใจเต้นอันแผ่วเบา

บางครั้ง ลูกในท้องก็ตอบสนองเขากลับมาเต็มๆ ด้วยมือและเท้า

เมื่อพวกเขากลับมายังเมืองเซียว งานแต่งงานของเซียวฉีเทียนเตรียมพร้อมใกล้เสร็จแล้ว ทว่าเซียวชวี่เฟิงเตือนว่าหลิงอ๋องกับเมืองหลิงวางแผนจะลงมือในวันแต่งงานของเซียวฉีเทียน

ข่าวดังกล่าวทำให้รอยยิ้มกริ่มบนหน้าเซียวฉีเทียนหายวับ แล้วแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว

“บังอาจมาทำลายงานแต่งงานของข้า ข้าจะให้พวกมันพบจุดจบที่น่าอนาถ” เซียวฉีเทียนทุ่มเวลาและแรงไปมหาศาลกับการจัดงานแต่งของตน เพื่อให้มู่เสวี่ยมีงานแต่งงานอันไร้ที่ติ

“ใจเย็นลงเสีย ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาวุ่นวายกับงานอภิเษกของเจ้าทั้งนั้น” เซียวชวี่เฟิงกล่าวเสียงเย็น

ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถมาทำลายงานแต่งงานของฉีเทียนได้ทั้งนั้นเซียวฉีเทียนเริ่มเตรียมพิธีอภิเษกสมรสนี้หลังกลับมาจากเมืองเฟิง ไม่ว่าจะเรื่องใด เขาก็จัดการด้วยตัวเอง อาจจะมีถามความเห็นผู้เป็นพี่บ้าง ดูจากนิสัยแล้ว เซียวชวี่เฟิงก็บอกได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับงานแต่งนี้และมู่เสวี่ยเป็นอย่างมาก

เขาย่อมไม่ยอมให้ใครมาทำลายสิ่งที่น้องชายของเขาให้ความสำคัญ

“มีอีกเรื่องหนึ่ง” เซียวชวี่เฟิงพลันมองยังหนิงเมิ่งเหยา

“อะไรหรือ”

“หลิงหลัวพลั้งมือฆ่าลูกของเซียวจื่อเซวียน ว่ากันว่าเป็นเพราะเจ้า ตอนนี้นางจึงอยากให้เจ้าตาย ยามออกไปข้างนอก ขอให้เจ้าระวังตัวด้วย”

หนิงเมิ่งเหยามองเซียวชวี่เฟิง เด็กคนนั้นตายแล้วหรือ

“เกิดอะไรขึ้น”

“ข้าไม่มั่นใจนัก รู้เพียงว่าเซียวจื่อเซวียนเหมือนกลายเป็นคนละคนหลังจากลูกของนางตาย ไม่ว่าหลิงหลัวจะขอโทษเช่นไร นางก็ขังตัวเองไว้ไม่ยอมออกมาพบเขา เท่านั้นไม่พอ สภาพของนางยังเหมือนซากศพเดินได้”

“ข้าจะให้คนไปสืบว่าเกิดอะไรขึ้น” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่านางโดนป้ายความผิด นางไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากออกไปข้างนอก แล้วก็ถูกผู้อื่นเกลียดตอนกลับมา ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

บทที่ 432 สาเหตุการตาย

เซียวชวี่เฟิงพูดด้วยความรังเกียจ “ตอนนี้เซียวจื่อเซวียนเหมือนคนเสียสติ ยามนางไม่ออกไปข้างนอกก็ยังไม่เป็นอะไร เมื่อนางออกไปข้างนอกแล้วเห็นเด็กอายุประมาณหนึ่งขวบ นางจะบ้าคลั่ง และวิ่งเข้าไปขโมยตัวเด็กตามข่าวแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน นางคว้าตัวเด็กไปสองถึงสามคน และเกือบทำพวกเขาตาย”

จวนของหลิงอ๋องปิดเรื่องนี้ให้มิด พวกเขาจ่ายเงินค่าปิดปาก คนจึงไม่ค่อยรู้เรื่องนี้

หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว “สถานการณ์ของเซียวจื่อเซวียนนั้นอันตรายยิ่งนัก” นี่คือความคิดเห็นของหนิงเมิ่งเหยาที่มีต่อนาง

เซียวชวี่เฟิงพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว หลิงหลัวและคนอื่นจึงขังนางไว้ในบ้าน ไม่ให้นางออกมาข้างนอก”

“เซียวอ๋องไม่แยแสเรื่องนี้เลยหรือ”

“เซียวอี้หลินตัดพ่อตัดลูกกับเซียวจื่อเซวียนไปนานแล้ว”

หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจทันที บัดนี้เซียวจื่อเซวียนเหลือตัวคนเดียว นางจึงต้องลงเอยในสภาพเช่นนี้

หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก นางไม่สนใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเฉียวเทียนช่างจะไม่สนใจไปด้วย ตั้งแต่กลับมา เขาสั่งให้คนคอยจับตาดูเซียวจื่อเซวียนไว้ อย่าให้นางคลาดสายตา

ในเวลาเดียวกันนั้น เซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง ถือตุ๊กตาไว้ในมือโดยมีเข็มจำนวนมากปักตุ๊กตาไว้ และมีชื่อหนิงเมิ่งเหยาเขียนอยู่บนนั้น รวมถึงวันเกิดของนาง

“องค์หญิง หนิงเมิ่งเหยากลับมาแล้วขอรับ”

“นางกลับมาแล้วหรือ จับตาดูนางไว้” ตอนนี้หนิงเมิ่งเหยาอยู่ในจวนแม่ทัพ นางจึงทำอะไรไม่ได้ แต่นางไม่เชื่อว่าหนิงเมิ่งเหยาจะอยู่ในนั้นได้ตลอด

บุตรของนางจากไปแล้ว ทั้งหมดก็เพราะผู้หญิงคนนั้น หนิงเมิ่งเหยา

นางจำภาพหลิงหลัวผลักเด็กคนนั้นไปชนโต๊ะเพียงเพราะนางพูดจาว่าร้ายหนิงเมิ่งเหยาได้ติดตา เด็กคนนั้นตายไปทั้งอย่างนั้น

หลิงหลัวเอาแต่พร่ำบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เหอะ อุบัติเหตุรึ นางเหลือแต่บุตรของนางแล้ว พอเด็กคนนั้นตาย เขาก็มาบอกว่าเขากับนางจะมีลูกด้วยกันอีกคน

แต่นั่นย่อมไม่ใช่เด็กคนเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางรักเพียงบุตรคนนี้

นางจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป นางจะต้องให้หนิงเมิ่งเหยาชดใช้ นางสูญเสียบุตรไปแล้ว ไม่มีทางยอมให้นางสารเลวหนิงเมิ่งเหยาได้คลอดลูกของตัวเองเป็นอันขาด

หลิงหลัวเองก็ได้ข่าวว่าหนิงเมิ่งเหยากลับมาแล้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหลัวก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่จวนแม่ทัพ

เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาพบหนิงเมิ่งเหยาที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกโดยบังเอิญ ทั้งสองเดินไปยังประตูทางเข้า

“เหยาเอ๋อร์ ช้าก่อน ข้ามีบางอย่างต้องบอกเจ้า” เมื่อเขาเห็นหนิงเมิ่งเหยาและอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขาแล้วกำลังจะเข้าไปข้างใน หลิงหลัวรีบเดินไปหา เขาเผลอพยายามจะคว้าแขนหนิงเมิ่งเหยา

เฉียวเทียนช่างสังเกตเห็น จึงกอดหนิงเมิ่งเหยาไว้ในอ้อมแขน หลบไม่ให้หลิงหลัวมาโดน “นายน้อยหลิง โปรดสำรวมด้วย”

หลิงหลัวรู้สึกอาย เขามองหนิงเมิ่งเหยาแล้วพูดอย่างอับจนปัญญา “เหยาเอ๋อร์ ข้ามาหาเจ้าวันนี้เพื่อบอกให้เจ้าระวังเซียวจื่อเซวียนเอาไว้ด้วย นางอยากทำร้ายเจ้า”

ถ้าเขาไม่พูดเรื่องนี้เสียยังจะดีกว่า แต่เมื่อพูดไปแล้ว สีหน้าเฉียวเทียนช่างก็บิดเบี้ยวน่ากลัว

เขาปล่อยมือหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นเฉียวเทียนช่างก็เดินเข้าไปหาหลิงหลัวทีละก้าว แล้วกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายพร้อมเหวี่ยงหมัดหนักๆ เข้าใส่

“ทำไมเหยาเหยาต้องชดใช้ในสิ่งที่เจ้าทำด้วย หลิงหลัว เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ถ้าครั้งนี้มีอะไรเกิดขึ้นกับเหยาเหยา ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า ตระกูลของเจ้า หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ของเจ้าไป” เขาไม่ได้แค่พูดไปเท่านั้น แต่ถ้าหนิงเมิ่งเหยาเป็นอะไรไป ครั้งนี้เขาจะต้องพังทลายทุกอย่างแน่นอน

หนิงเมิ่งเหยายืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง เหมือนกำลังบอกหลิงหลัวว่านางกำลังฟังเฉียวเทียนช่าง

“ข้า…” หลิงหลัวไร้คำโต้ตอบ เขาเข้าใจดีว่านี่เป็นปัญหาของเขาเอง เด็กคนนั้นคงจะไม่ตายถ้าเขาไม่ปล่อยปละละเลย เซียวจื่อเซวียนก็คงจะไม่เสียสติแล้วอยากมาทำร้ายหนิงเมิ่งเหยา

“หลิงหลัว อย่าโผล่หน้ามาให้เราเห็นอีก ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้า ข้ารู้สึกเหมือนถูกสาปให้เคราะห์ร้าย” นางดวงกุดเสมอเวลาเจอกับหลิงหลัว ถ้าไม่เลือดออกก็เจอนักฆ่าเข้า พอเป็นเช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง นางก็หมดความอดทน

“เหยาเอ๋อร์ ข้า…ข้าขอโทษ”

“ไม่มีอะไรให้เจ้าต้องมาขอโทษข้า เราสองคนแค่คิดไม่ตรงกัน ข้าไม่อาจบงการความคิดเจ้าได้” คนที่คิดต่างกันย่อมไม่ร่วมทางกัน บางทีนั่นอาจเป็นความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลิงหลัว