ภาคที่ 2 บทที่ 245 ตอบ

มู่หนานจือ

หากไม่ทำลายสิ่งเก่า ก็ไม่สามารถสร้างสิ่งใหม่ได้

ราชวงศ์หนึ่งอยู่นาน ก็จะทำให้ชนชั้นคงที่ รากหญ้าก็ลืมตาอ้าปากอีกครั้งได้ยาก จึงจำเป็นต้องทำลายธรรมเนียมที่ทำกันเป็นปกติ ถึงจะสร้างระเบียบขึ้นมาใหม่ได้

หลี่เชียนกับจินเซียวขังตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน แม้แต่อาหารกลางวัน ปิงเหอก็เป็นคนยกเข้าไปในห้องหนังสือ

กว่าพวกเขาสองคนจะออกมาจากห้องหนังสือก็เป็นตอนเย็นแล้ว จินเซียวตื่นเต้นจนออกไปทันที โดยไม่กินแม้แต่อาหารเย็น หลี่เชียนดีกว่าเขาหน่อย พุ้ยข้าวสองถ้วยอย่างลวกๆ แล้วเรียกเซี่ยหยวนซีเข้าไปในหนังสือ ปิดประตูคุยกับเซี่ยหยวนซีต่อ จนกระทั่งท้องฟ้าสว่างเล็กน้อย เซี่ยหยวนซีถึงจะออกมาจากห้องหนังสือด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หลี่เชียนแต่งตัวอยู่พักหนึ่ง และกินอาหารเช้าอย่างลวกๆ พลางคิดได้ว่าพายุทรายของต้าถงรุนแรงมาก จึงนั่งรถม้าไปกองบัญชาการต้าถง ละอองฝุ่นจะได้ไม่เปื้อนตัว

ระหว่างทาง ได้ยินเสียงร้องขายดอกอวี้หลาน

เขาคิดแล้วก็สั่งให้คนขับรถจอด ซื้อดอกอวี้หลานกำหนึ่ง แล้วเคาะประตูใหญ่ของร้านขายเครื่องประดับเงินทองร้านหนึ่งให้เปิด เขาซื้อลูกบอลหลิงหลงฉลุลาย พันกิ่งดอกไม้ชุบเงินที่แขวนไว้ตรงเอวขนาดเท่าไข่ห่านลูกหนึ่ง และบรรจุดอกอวี้หลานเข้าไป ถึงจะไปพบเจียงเซี่ยน

เจียงเซี่ยนกับเจียงลวี่กำลังกินอาหารเช้าเป็นเพื่อนฮูหยินฝางฝาง

พอได้ยินสาวใช้รายงาน ทั้งสามคนต่างก็ทำหน้างุนงง

“เช้าขนาดนี้ เขามาทำไม?” ฮูหยินฝางเอ่ยอย่างสงสัย และรีบสั่งให้เจียงลวี่ไปรับแขก

มอบสินสอดแล้ว การแต่งงานของเจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนก็เป็นที่แน่นอนแล้ว เจียงลวี่หวังดีกับเจียงเซี่ยน จึงสุภาพกับหลี่เชียนขึ้นเช่นกัน

จู่ๆ พี่ชายภรรยาที่มองเขาอย่างโกรธแค้นมาตลอดก็เปลี่ยนเป็นนุ่มนวล หลี่เชียนรู้สึกไม่สบายใจมาก และบอกจุดประสงค์ที่มากับเจียงลวี่ด้วยท่าทีถ่อมตนและนอบน้อม “สองวันก่อน ท่านหญิงส่งจดหมายไปถามข้าเรื่องของตระกูลจิน ข้าช่วยสอบถามให้ท่านหญิงจนแน่ชัด แล้วจึงมาตอบนางขอรับ”

เจียงลวี่ได้กลิ่นหอมของดอกอวี้หลานจากตัวหลี่เชียน

จุดธูปหรือว่าติดมาจากผู้หญิง?

เขาเบ้ปากเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น และเอ่ยว่า “ในเมื่อเจียหนานให้คนส่งจดหมายให้เจ้า เจ้าก็ให้คนส่งจดหมายให้เจียหนานเหมือนกันก็จบแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมจะต้องมาด้วยตนเองด้วย”

ในเมื่อมาด้วยตนเอง ก็จัดการตนเองให้เรียบร้อยสิ!

เจียงลวี่ตีหน้าขรึมและพาหลี่เชียนไปที่ห้องหลัก

หลี่เชียนมองพี่ชายภรรยาที่เมื่อครู่อารมณ์ยังเหมือนท้องฟ้าปลอดโปร่งและชั่วพริบตาก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แล้วก็เหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

สองพี่น้องนี้…นิสัยคล้ายกันจริงๆ!

ต่างก็เป็นคนที่แตะก็แตะไม่ได้ ลูบก็ลูบไม่ได้

เขาแอบถอนหายใจ

ใครใช้ให้เขาชอบเจียงเซี่ยนล่ะ แน่นอนว่าก็ต้องอดทนกับความฉุนเฉียวของพี่ชายภรรยาด้วย!

ในห้องหลักนั้น ฮูหยินฝางเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม และแต่งตัวใหม่แล้ว และนั่งอยู่บนเตียงอรหันต์ในห้องโถง

พอเห็นหลี่เชียน นางก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยว่า “ลูกเขยรับอาหารเช้ามาหรือยัง? เช้าวันนี้คนครัวทำเกี๊ยวไส้ผักจี้ไช่ สดมาก ข้าให้สาวใช้นำมาให้ลูกเขยสักถ้วยด้วยแล้วกัน!”

“ขอบคุณมากขอรับ!” หลี่เชียนเข้าไปคารวะฮูหยินฝาง และปฏิเสธความหวังดีของฮูหยินฝางอย่างอ้อมค้อม “ข้าเพิ่งจะกินอิ่มมา เดี๋ยวยังต้องไปส่งเทียบเชิญที่บ้านพวกท่านอาอีก จึงไม่กินอาหารเช้าที่นี่แล้ว” หลังจากนั้นก็บอกจุดประสงค์ที่มากับฮูหยินฝางอีกครั้ง แล้วเอ่ยอย่างรู้สึกเสียใจว่า “ข้ามาเช้าไปหรือเปล่าขอรับ? ท่านรับประทานอาหารเช้าหรือยัง หากยังไม่รับประทานอาหารเช้า ท่านก็อย่าสนใจข้าเลย ท่านหญิงสั่งให้ข้ามาตอบนาง ข้าตอบท่านหญิงแล้วก็จะไปขอรับ”

ฮูหยินฝางไม่รู้จะพูดอะไร

ว่ากันตามหลักแล้ว คู่หมั้นที่ยังไม่แต่งงานห้ามเจอกันก่อนแต่งงาน ทว่านางเห็นหลี่เชียนยุ่งอยู่กับงานแต่งงานอย่างขยันขันแข็ง ยังต้องเจียดเวลาออกมาทำงานให้เจียงเซี่ยน แต่เจียงเซี่ยนได้ยินว่าหลี่เชียนมาแล้วกลับทำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยและก้มตัวกินอาหารเช้าข้างโต๊ะต่อ โดยไม่สนใจเช่นกันว่าหลี่เชียนจะกินหรือยัง และมีคนต้อนรับหรือไม่…

นางจึงไม่อาจปฏิเสธได้

ตระกูลหลี่แต่งลูกสะใภ้แบบนี้ เวลานี้ต้องตื่นเต้นดีใจอย่างแน่นอน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อไปจะเสียใจหรือไม่?

ฮูหยินฝางส่งสายตาให้แม่นมอวี๋ และหันหน้ามายิ้มพลางเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจลูกเขยแล้ว เชิญลูกเขยไปดื่มชาที่โถงบุปผา ข้าจะไปเชิญท่านหญิงเดี๋ยวนี้”

หลี่เชียนขอบคุณอย่างเคารพนบนอบ และตามสาวใช้ไปโถงบุปผา

ฮูหยินฝางหันกลับไปเห็นเจียงลวี่ยืนทำหน้าขรึมอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่จา เหมือนไม่เห็นหลี่เชียน

“เจ้าเป็นอะไรไปอีก?” ฮูหยินฝางปวดศีรษะมาก และลูบหน้าผากพลางเอ่ยว่า “เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่ไม่ใช่หรือ? เจ้าหงุดหงิดอะไรอีก?”

ทำไมเด็กในครอบครัวของพวกนางแต่ละคนถึงเป็นแบบนี้กันหมด!

ทันใดนั้นนางก็คิดถึงเจียงหานกับเจียงจ้งที่น่าเอ็นดูและเชื่อฟังอย่างไม่มีอะไรเทียบได้

ฮูหยินฝางถามเจียงลวี่ว่า “อาหานกับอาจ้งจะมาถึงต้าถงเมื่อไร?”

เจียงลวี่เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ท่านพ่อบอกว่ายังมีของล้ำค่าอีกสองสามชิ้นที่จะมอบให้เป็นสินเดิมแก่เป่าหนิง พวกเขาจะตามมาพร้อมกับขบวนส่งสินเดิม และจะมาถึงก่อนงานแต่งงานอย่างแน่นอนขอรับ”

ยังคงไม่บอกชัดเจนว่ามาถึงวันไหนกันแน่

บอกก็เท่ากับไม่บอก

ฮูหยินฝางเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้ายังจะกินอาหารเช้าหรือไม่? ถ้าไม่กินอาหารเช้าก็กลับไปอยู่ในห้องของตนเอง ถ้าจะกินอาหารเช้าต่อก็รีบไปกินอาหารเช้า”

เจียงลวี่ตามฮูหยินฝางเข้าไปในห้องพักผ่อนอย่างเงียบๆ

แม่นมอวี๋เพิ่งจะลากเจียงเซี่ยนออกมาจากโต๊ะ และกำลังเช็ดปากเช็ดมือให้นางอยู่

ฮูหยินฝางรู้สึกปวดตา

แต่เจียงเซี่ยนกลับรู้สึกอาย

นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่ ต้องให้หลี่เชียนปลอบถึงจะสบายใจราวกับเด็กน้อย…นางจึงอายที่จะเจอหลี่เชียนเล็กน้อย

ทว่าหลี่เชียนมาแล้ว และนั่งอยู่ที่โถงบุปผา อย่างไรนางก็ทิ้งเขาไว้ที่นั่นไม่ได้

เจียงเซี่ยนโอ้เอ้อยู่พักหนึ่ง ถึงจะแสร้งทำเป็นสุขุมเยือกเย็น และรวบรวมความกล้าไปพบหลี่เชียน

หลี่เชียนส่งสัญญาณให้เจียงเซี่ยนไล่คนรับใช้ข้างกายออกไปให้หมด แล้วถึงบอกเรื่องราวทั้งหมดกับนาง

เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็อ้าปากกว้างอย่างตกใจ

นางรู้ว่าจริงๆ แล้วหลี่เชียนเป็นคนเย่อหยิ่งและดื้อรั้น แต่นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะเหิมเกริมขนาดนี้ เวลานี้ยังเป็นเพียงแม่ทัพโหยวจีที่พึ่งพาอาศัยบิดา ก็กล้าแตกหักกับเซ่ารุ่ยที่เป็นแม่ทัพของกองบัญชาการอวี๋หลินมาสามสิบกว่าปี

“จะเร็วไปหน่อยหรือเปล่า?” เจียงเซี่ยนไม่มีเวลาคิดเรื่องอายจนหน้าแดงแล้วเช่นกัน และรีบเอ่ยว่า “เจ้ายังไม่ยืนหยัดที่ซานซีก็ท้าทายเซ่ารุ่ยแล้ว หากเรื่องแดงออกมา ยอมก้มศีรษะให้เขาเป็นเรื่องเล็กน้อย กลัวแต่ว่าเจ้าจะได้ชื่อว่าโอหังอวดดีและไม่เคารพผู้อาวุโส ต่อไปเจ้าอยากทำอะไรในกองทัพก็จะกลายเป็นลำบากมาก”

อาศัยแค่ว่าหลี่เชียนเป็นลูกเขยของตระกูลเจียง หากเรื่องแดงออกมา เซ่ารุ่ยก็ไม่กล้าเอาชีวิตเขาอยู่ดี

หลี่เชียนยิ้มและเข้าไปใกล้ตรงหน้านาง แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “เป็นห่วงข้าหรือ?”

นี่มันคำพูดเหลวไหลไม่ใช่หรือ?!

เจียงเซี่ยนเห็นเขานิสัยเก่ากำเริบ จึงลุกขึ้นจะไป

หลี่เชียนรีบรั้งนางไว้ “เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าโกรธเลย นี่ข้าก็อยากให้เจ้าอารมณ์ดีไม่ใช่หรือ? เจ้าวางใจเถอะ ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ ครั้งนี้คุ้มกันสินสอดมา ข้าเจอเรื่องราวมากมาย คนที่ติดตามทำงานกับข้าผ่านเรื่องในครั้งนี้ไปแล้ว คนที่ไม่สามารถรับภารกิจคนเดียวได้ ต่างก็ลงมือกับคนได้แล้วเช่นกัน ข้าถึงได้คิดที่จะใช้ตระกูลเซ่าเป็นหินลับมีด หากข้าสามารถใช้กำลังบังคับให้ตระกูลเซ่าทำงานให้ข้าได้ ยังมีที่ใดในใต้หล้าขัดขวางข้าได้อีกหรือ?!”

เขาพูดไปก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเผยความคมกริบที่ดูถูกทุกสิ่งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เจียงเซี่ยนพูดอะไรไม่ออก

หลี่เชียนก็ยิ้มอย่างเบิกบานใจและเรียกว่า “เป่าหนิง” แล้วเอ่ยว่า “ข้ามีของจะให้เจ้า”

เจียงเซี่ยนไม่เข้าใจ

หลี่เชียนหยิบลูกบอลหลิงหลงฉลุลาย พันกิ่งดอกไม้ชุบเงิน ที่บรรจุดอกอวี้หลานเอาไว้ออกมาจากในอกเสื้อ

กลิ่นหอมอันงดงามตลบอบอวลในโถงบุปผาทันที

“เมื่อเช้าตอนที่ออกจากบ้านเจอคนขายดอกอวี้หลาน จึงเอาไปบรรจุลงในลูกบอลหลิงหลงนี้ที่ร้านขายเครื่องประดับเงินทองที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าชอบหรือไม่” เขามองเจียงเซี่ยน พลางเอ่ยเสียงเบา ในดวงตามีความอ่อนโยนและอาลัยอาวรณ์ที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ว่าเป็นความเข้าใจผิด “แต่ดอกอวี้หลานนี้หอมมากทีเดียว มีครั้งหนึ่งข้าได้กลิ่นนี้จากตัวเจ้า จึงเดาว่าเจ้าน่าจะชอบกลิ่นนี้…”