ภาคที่ 2 บทที่ 246 ความเห็นแก่ตัว

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนน้ำตาคลอเบ้า

นางรีบก้มหน้าลง และรับลูกบอลหลิงหลงนั้นมาแขวนที่เอว แล้วเอ่ยเบาๆ ว่า “ชอบ”

ของที่ตนเองตั้งใจเตรียมทำให้คนรักมีความสุข หลี่เชียนก็ดีใจมากเช่นกัน

เขาเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ต่อไปเจ้าชอบอะไร ก็บอกข้า หากข้าเจอแล้ว จะเอากลับมาให้เจ้า”

เจียงเซี่ยนพยักหน้า และกลั้นน้ำตากลับไปอย่างยากลำบาก พอนึกถึงสิ่งที่หลี่เชียนเอ่ยเมื่อครู่ จึงเอ่ยว่า “เจ้าระวังหน่อย เซ่ารุ่ยนั่นควบคุมอวี๋หลินมานานขนาดนั้น ภาษีเกินควรแบบเก็บสี่ในสิบนี้ในราชสำนักไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ กระทั่งแม้แต่จินไห่เทาก็จะดึงเขาเข้าไปเป็นพวก แสดงว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดาทีเดียว เจ้ากำลังแย่งงานคนอื่น ระวังเขาจะจนตรอกจนทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่กล้าจัดการเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง จึงมาอย่างลับๆ”

หลี่เชียนยิ้มพลางพยักหน้า เขามองตาของเจียงเซี่ยนด้วยสายตาลุ่มลึก และเอ่ยว่า “ข้าจะระวัง ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับเจ้า ยังอยากใช้ชีวิตกับเจ้าไปตลอดชีวิต ยังอยากปกป้องเจ้าไปตลอดชีวิต แล้วข้าจะพาตนเองไปอยู่ในสถานที่อันตรายส่งเดชได้อย่างไร!”

เจียงเซี่ยนถูกเขามองจนแก้มแดง นางไม่กล้ามองตาเขา จึงหลุบตาลงพลางเอ่ยว่า “เจ้ารู้ก็ดี…อย่าคิดแต่จะบุกไปข้างหน้า ยังต้องมองคนที่อยู่ข้างหลังเจ้าด้วย!”

หลี่เชียนยิ้ม และจับมือของเจียงเซี่ยน

เจียงเซี่ยนเบือนหน้าไปทางอื่น และปล่อยให้เขาจับมือของตนเองนิ่ง

ดวงตะวันที่เพิ่งขึ้นส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ตกลงบนต้นตงชิงหน้าลูกกรงหน้าต่าง ยิ่งทำให้ต้นตงชิงแลดูเขียวชอุ่มและเจริญงอกงาม กิ่งไม้และใบไม้หนาแน่น

ทั้งสองคนจับมือและยืนอยู่ตรงนั้น แม้จะไม่พูดอะไรเลย ก็รู้สึกว่าจิตใจสงบและสบายใจเช่นกัน

เจียงเซี่ยนยิ้มให้หลี่เชียนเล็กน้อย

มีสาวใช้สองคนถือถาดลายไห่ถังทาสีแดงผ่านลานกว้างและดอกไม้ต้นไม้มาทางนี้

หลี่เชียนปล่อยมือของเจียงเซี่ยนอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย

สาวใช้รายงานหน้าประตู แล้วยกจานผลไม้กับชาและของว่างเข้ามา

ทั้งสองคนนั่งลง และเริ่มคุยเรื่องของจินเซียวกับจินย่วน “…สิ่งที่เจ้าคิดจะทำได้หรือ? ข้าว่าจินเซียวมองตนเองสูงมาก ตระกูลเซ่ามีผู้หญิงที่อายุเหมาะสมหรือ? หากหน้าตาไม่เหมาะสม จินเซียวจะไม่บ่นหรือ?”

“มีอะไรน่าบ่นกัน!” หลี่เชียนเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ตอนที่ข้าเสนอคำแนะนำนี้ จินเซียวบอกว่าเขาก็เคยคิดเหมือนกัน แสดงว่าตระกูลเซ่ามีตัวเลือกที่เหมาะสม ส่วนหน้าตานั้น เจ้าคิดว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่หน้าตาเกินหน้าจินเซียวไปได้? ถึงอย่างไรก็เป็นแบบนั้น ก็แต่งกับใครก็ได้ไม่ใช่หรือ?”

เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็อดที่จะบ่นไม่ได้ว่า “ทำไมเจ้าเองไม่แต่งกับใครก็ได้ไปสักคนล่ะ? พูดถึงจินเซียวกลับสักแต่จะพูดโดยไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงหรือ?”

“เขาเทียบกับข้าได้หรือ?” หลี่เชียนมองเจียงเซี่ยนพลางยิ้มตาหยี “ข้ากล้าเถียงท่านพ่อ แล้วก็กล้าดึงกำลังคนมาทำเอง เขากล้าหรือ? ดังนั้น…ไม่มีสิทธิพูด ก็ไม่มีสิทธิตัดสินใจเอง ข้าเข้าใจตั้งนานแล้ว และก็เริ่มพยายามทำแล้วเช่นกัน แต่เขารู้อยู่แก่ใจกลับไม่กล้าเริ่ม ดังนั้นข้าจึงกล้าเลือกภรรยาเอง ส่วนเขาก็ทำได้เพียงฟังคนในตระกูลจัดการ”

หลี่เชียนจะบอกว่านางเป็นคนที่เขาเลือกหรือ?

แม้แต่หูของเจียงเซี่ยนก็แดงแล้ว นางไม่กล้าคุยเรื่องนี้กับหลี่เชียนต่อ จึงถามถึงคุณหนูจิน “นางรู้หรือไม่? อย่าให้พวกเรากระตือรือร้นมากอยู่ฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจไยดี หากคุณหนูจินมีคนรักอยู่ก่อนแล้วนั่นก็ยุ่งยากแล้ว”

“เมื่อคืนจินเซียวไปหาน้องสาวเขาอย่างดีใจ” หลี่เชียนพูดไป รอยยิ้มก็ค่อยๆ หายไปจากบนหน้า และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เป่าหนิง ข้ามาก็เพราะอยากปรึกษาเรื่องนี้กับเจ้า”

เจียงเซี่ยนเห็นเขาสีหน้าจริงจังและระมัดระวัง ก็รู้ว่าเรื่องที่เขาจะพูดสำคัญมาก จึงเรียกฉิงเค่อมา และให้นางเฝ้าอยู่นอกโถงบุปผา “ข้ากับลูกเขยมีเรื่องจะคุยกัน ห้ามใครบุกเข้ามาโดยไม่แจ้ง”

ฉิงเค่อปรายตามองหลี่เชียนครั้งหนึ่ง และเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “ท่านหญิง ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ ต่อให้เป็นฮูหยินกับคุณชายใหญ่ พวกเราก็จะขวางเอาไว้เช่นกันเจ้าค่ะ”

ตอนถอยออกไป ยังปิดประตูของโถงบุปผาอย่างรอบคอบด้วย

เจียงเซี่ยนเบิกตาโต

อย่างไรก็รู้สึกว่าฉิงเค่อเหมือนเข้าใจอะไรผิดไป…

ทว่าหลี่เชียนกลับรู้สึกมีความสุข

เขารู้สึกว่าคนรับใช้ข้างกายเจียงเซี่ยนต่างสายตาเฉียบแหลมมาก แค่เรื่องนี้ พวกสาวใช้ของตระกูลหลี่ก็แตกต่างกันเป็นอย่างมาก แล้วยังแม่นมอวี๋ที่อยู่ข้างกายฮูหยินฝาง ก็เป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชนและทำงานรอบคอบเช่นกันอีก ไม่รู้ว่าจะขอมาจากฮูหยินฝาง และต่อไปก็เป็นแม่บ้านในเรือนของเขากับเจียงเซี่ยนได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ให้ชีกูเรียนรู้กับแม่นมอวี๋ให้มาก เพราะโอกาสแบบนี้หาได้ยากมาก

เขาใจลอยไปครู่หนึ่ง แล้วก็รวบรวมสติอย่างรวดเร็ว และเอ่ยเรื่องเมื่อครู่ต่อ “ในความคิดของข้า ไม่ว่าคุณหนูจินจะเต็มใจหรือไม่ ให้นางแต่งไปในตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจของเมืองหลวงก็ดีที่สุด ประการแรกจะได้สลายพันธมิตรของตระกูลเซ่ากับตระกูลจิน ประการที่สองจะได้ใช้คุณหนูจินส่งผลต่อจินเซียว ให้เขายืนอยู่ข้างพวกเราตลอด จนกระทั่งสามารถต้านทานจินไห่เทาได้อย่างสูสีหรือแอบเล่นตุกติกจนทำให้จินไห่เทาสูญเสียอำนาจที่แท้จริงได้ในช่วงเวลาสำคัญ มีแต่ต้องทำแบบนี้ ข้าถึงจะสามารถจัดการตระกูลเซ่าได้อย่างเต็มที่”

หลี่เชียนมีความคิดแบบนี้ เจียงเซี่ยนทั้งรู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย และเป็นไปตามความคาดหมาย

เขาเป็นคนที่ขอเพียงมีโอกาสก็จะคว้าเอาไว้ไม่ปล่อย

แทนที่จะให้ตระกูลจินกับตระกูลเซ่าเกี่ยวดองกันอีกครั้ง ให้อวี๋หลินกับไท่หยวนป้องกันอย่างแน่นหนาจนไม่มีช่องว่างให้โจมตีได้ สู้แยกการผนึกกำลังออกและทำลายทีละคนดีกว่า เป็นพันธมิตรกับจินเซียวก่อน แล้วค่อยกัดตระกูลเซ่าที่แข็งแกร่ง ให้ตระกูลเซ่าทำงานให้ตระกูลหลี่ ตระกูลหลี่จะไม่เพียงแต่ยืนหยัดที่ซานซีได้ ทว่ายังจะได้ใช้สิ่งที่ด่านอวี๋หลินได้มาขยายกำลังทหาร เพิ่มกำลังที่แท้จริงของตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “เจ้าเริ่มวางแผนตั้งแต่เมื่อไร?”

“ตอนที่เจ้าบอกข้าเรื่องคุณหนูจิน” หลี่เชียนเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “ตอนนั้นข้าก็คิดว่านี่เป็นเรื่องดีสำหรับข้า เพียงแต่เรื่องบางเรื่องยังไม่รู้แน่ชัด จึงต้องให้จินเซียวยืนยันสักหน่อย ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะเดาไม่ผิด ตระกูลจินต้องอาศัยม้าดีของตระกูลเซ่า ตระกูลเซ่าต้องอาศัยตระกูลจินขายออก ทว่าตระกูลเซ่ามีแค่ตระกูลเดียว แต่ตระกูลจินกลับไม่ใช่ตระกูลเดียวที่สามารถช่วยตระกูลเซ่าขายสินค้าได้ สองสามปีนี้ความสัมพันธ์ของตระกูลจินกับตระกูลเซ่าแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับแลกเปลี่ยนลูกหลานให้ดำรงตำแหน่งในเขตควบคุมของอีกฝ่าย แล้วก็ไว้วางใจในตระกูลเซ่ามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ตระกูลแบบนี้กลับควบคุมง่าย ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะปะทะกับตระกูลเซ่าอย่างรุนแรงก่อน จะได้เตือนตระกูลจินสักหน่อยด้วย และต่อไปตอนที่ตระกูลหลี่มาแทนที่ ตระกูลจินจะได้ไม่เล่นลูกไม้อยู่ข้างๆ”

ไม่ใช่เพราะนางฝากฝังเขา เขาถึงได้ช่วยตระกูลจินหรือ?

เจียงเซี่ยนมองดูลูกบอลหลิงหลงที่อยู่ในมือ และรู้สึกว่าตนเองใจแคบเล็กน้อย

ทว่านางก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

ขอเพียงเป็นเรื่องของหลี่เชียน ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นชาติก่อนหรือชาตินี้ นางล้วนจำได้หมด และไม่มีทางลืมได้

วันนั้นนางยังเกือบจะถามหลี่เชียนด้วยซ้ำ ว่าพี่น้องสกุลฉีสวยไหม?

ยังดีที่นางหยุดหัวข้อสนทนาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหากถามออกมาจริงๆ จะไม่ถูกคนหัวเราะจนฟันหลุดหรือ!

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ข้าอยู่วังฉือหนิงและไม่ไปไหนทั้งนั้น เจ้าจะให้ข้าเป็นแม่สื่อให้คุณหนูจิน สู้ไปหาชิงฮุ่ยดีกว่า?”

หลี่เชียนอมยิ้มมองนางเงียบๆ

เจียงเซี่ยนฉุกคิดได้

ไป๋ซู่เป็นพี่สาวของนาง ชายหญิงมิควรใกล้ชิดกันเกินงาม หากหลี่เชียนเป็นคนธรรมดา ต่อให้ไปหาฮูหยินฝางก็จะไม่ไปหาไป๋ซู่เช่นกัน

นางหยิบสาลี่หอมในจานผลไม้ขึ้นมาขว้างใส่หลี่เชียน พลางหัวเราะเขา “เจ้าเล่ห์มาก!”

ทว่าหลี่เชียนกลับรับสาลี่หอมไว้ และมองนางพลางกัดคำหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “อร่อย!”

เหมือนกำลังพูดถึงนาง

เจียงเซี่ยนว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก พอแพ้ จึงแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างโกรธเคืองว่า “ไปส่งเทียบเชิญของเจ้าไป! ส่วนเรื่องนี้ข้าจะบอกท่านป้า และให้นางช่วยหาการแต่งงานที่เหมาะสมให้คุณหนูจิน!” นางพูดจบก็หันตัวจะออกไป

หลี่เชียนรั้งเจียงเซี่ยนเอาไว้ และยัดบางอย่างใส่ปากนางทันที