ตอนที่ 402 เสื่อมเกียรติบัณฑิต

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 402 เสื่อมเกียรติบัณฑิต โดย ProjectZyphon

เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่ว ใบหน้าของศิษย์ทุกคนต่างเผยความล้อเลียน

เสียงดังไปถึงนอกห้อง ฟางจงเจียนพลันหัวเราะ “ละครสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”

เสิ่นทั่วกลับมุ่นคิ้ว

ในชั้นเรียน หลินสวินยืนเงียบอยู่ครู่แล้วพลันยิ้มน้อยๆ กล่าวต่อ “ยินดีที่ได้พบทุกคน ข้าชื่อหลินสวิน ต่อจากนี้ข้าก็คืออาจารย์วิชาสลักวิญญาณ…”

สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายราวกับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เหนือความคาดหมายของศิษย์หลายคน

เด็กอ้วนคนที่ตัดบทหลินสวินเมื่อครู่ร้องโห่อย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเรารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดพร่ำ อยากเป็นอาจารย์ของเรางั้นหรือ แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาก่อนสิ!”

“ใช่ อายุเจ้าก็ไม่ได้มากกว่าพวกเรา แม้บอกว่าผ่านการรับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณแล้ว แต่ก็ยังเด็กอยู่ดี ไม่เคยมีประสบการณ์สอน พวกเรากลัวว่าจะถูกเจ้านำทางผิดๆ ซะมากกว่า”

สาวน้อยที่ใบหน้ามีกระหลายจุดโวยขึ้น ท่าทางดูฉุนเฉียวมาก

“ใช่ ขอดูความสามารถที่แท้จริงก่อนซิ ว่าเป็นจริงอย่างที่เล่าขานกันหรือไม่”

ศิษย์คนอื่นๆ ก็โห่ร้องขึ้นตาม

หลินสวินเลิกคิ้ว ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าศิษย์เหล่านี้วางแผนกันมาก่อน ต้องการข่มขวัญเขาอย่างเห็นได้ชัด

แต่ควรรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรหลินสวินไม่ใช่คนที่ยอมอดทนเก็บกลั้นความโกรธอยู่แล้ว โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือตัวเอง เขายิ่งปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

ดังนั้นมุมปากของเขาจึงยกยิ้มเย็นเยียบ สายตากวาดมองรอบๆ สุดท้ายไปหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มตัวอ้วนคนนั้น ก่อนที่ริมฝีปากจะพ่นคำออกมาเบาๆ ว่า “ขยะ!”

ทุกคนอึ้งงันไปหมด เบิกตาโพลงอย่างไม่อยากเชื่อ หลินสวินไม่ตอบโต้ก็แล้วไป บทจะตอบโต้ขึ้นมาก็เปิดปากด่ากันเลย!

ในสำนักศึกษามฤคมรกตแห่งนี้ มีอาจารย์คนไหนที่ด่าลูกศิษย์ตัวเองว่าเป็นขยะในชั้นเรียนแบบนี้บ้าง

นี่มันจองหองเกินไปแล้วหรือไม่

แม้แต่ฟางจงเจียนยังชะงักงัน เด็กคนนี้ทำไม… ทำไม… ถึงไร้มารยาทแบบนี้ ไม่สนใจภาพลักษณ์อาจารย์ของตัวเองสักนิดหรือ แบบนี้ใช้ไม่ได้เลย!

ต่อมาเขาก็พลันยิ้มเยาะ “เสิ่นทั่ว นี่ก็คืออาจารย์พิเศษที่เจ้าเชิญมาหรือ ถูกศิษย์ตั้งข้อสงสัยสองประโยคก็ด่ากันเแล้ว? ช่างเสื่อมเกียรติบัณฑิต! ข้าจะไปร้องเรียนเจ้าสำนัก ต้องถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของหลินสวินให้ได้!”

ความจริงเสิ่นทั่วก็อึ้งกับคำพูดของหลินสวินเช่นกัน แต่พอได้ยินฟางจงเจียนกล่าวโทษอย่างไม่เกรงใจ เขาก็อดโมโหไม่ได้ “เหล่าฟาง รอให้จบชั้นเรียนนี้ก่อน เจ้าจะโวยวายอย่างไรก็เชิญ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาตัดสิน!”

ฟางจงเจียนแสร้งยิ้ม “งั้นก็คอยดู”

ในชั้นเรียน เด็กอ้วนที่ถูกหลินสวินด่าว่าขยะลุกพรึ่บขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว จ้องหลินสวินเขม็ง “คนอย่างเจ้าก็เหมาะกับการเป็นอาจารย์ด้วยหรือ”

“ใช่ เจ้าด่ากันแบบนี้ได้อย่างไร”

“ผิดหวัง ผิดหวังจริงๆ”

ศิษย์คนอื่นๆ โวยวายขึ้นตาม ทำเหมือนว่ามีศัตรูคนเดียวกัน

“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายถึงเขาคนเดียว แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นขยะ!”

หลินสวินยิ้มพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ด่าอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด

หนุ่มสาวเหล่านั้นไฟสุมอกขึ้นมา พากันด่าทอหลินสวินยกใหญ่จนวุ่นวายไปทั้งชั้น

“ดูสิ เพิ่งมาสอนครั้งแรกก็วุ่นวายขนาดนี้แล้ว ช่างน่าปวดใจจริงๆ ข้าว่าอีกไม่นานชั้นเรียนนี้ต้องถูกยกเลิกแน่”

ฟางจงเจียนมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น

เสิ่นทั่วสีหน้าขมึงทึง ไม่พูดจา

จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่ไม่ได้เตือนหลินสวินก่อน

“หึ วิชาของคนพรรค์นี้ ไม่เรียนก็ไม่เห็นเป็นไร!”

เด็กหนุ่มตัวอ้วนหัวเราะเสียงเย็นชา พลันเดินสะบัดก้นเตรียมจะออกไป

มนุษย์ล้วนชอบไหลไปตามน้ำ ถ้าปล่อยให้เขาเป็นแกนนำออกไป จะต้องมีศิษย์คนอื่นๆ ตามไปอีกแน่

จุดจบนั้นแทบไม่อยากจินตนาการ

โครม!

เห็นแบบนี้หลินสวินจึงยกมือขึ้นลวกๆ พลังอันน่ากลัวพลันม้วนออกมาราวมังกรยักษ์กระโจนกลางฟ้า กดเด็กอ้วนคนนั้นคุกเข่าทันควัน

พริบตานั้นเสียงเอะอะโวยวายในชั้นเรียนพลันสลายไปเป็นปลิดทิ้ง กลายเป็นเงียบจนน่ากลัว มีเพียงเด็กอ้วนที่ร้องเสียงหลงราวหมูโดนเชือดอยู่บนพื้น

ศิษย์ทุกคนต่างหัวใจเต้นระส่ำ ไม่อยากจะเชื่อว่าอาจารย์อย่างหลินสวินไม่เพียงด่าศิษย์ในชั้นเรียน แต่หากพูดจาไม่เข้าหูเพียงเล็กน้อยก็สยบศิษย์ลงไปคุกเข่ากับพื้น!

บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!

เขา…เขาไม่ห่วงชื่อเสียงของสำนักศึกษามฤคมรกตเลยหรือ

“ถ้ายังไม่หุบปากจะเจอหนักกว่านี้”

หลินสวินเผยรอยยิ้มเปล่งประกาย แต่ในสายตาของเด็กอ้วนกลับดูน่ากลัวเหมือนปีศาจร้าย ทำเอาเขาขนลุกซู่ หุบปากไปทันที มีเพียงสีหน้าที่ซีดเซียวไม่เหลือชิ้นดี

ถูกคนรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างหลินสวินกดลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น ทั้งยังอยู่ต่อหน้าทุกคนแบบนี้ ถือเป็นความอับอายอย่างที่สุด กระตุ้นจนเด็กอ้วนแทบจะคลั่งแล้ว

“เจ้า… เจ้าตีคนได้อย่างไร”

เด็กสาวหน้ากระรวบรวมความกล้า พูดเสียงสั่นขึ้น

“ข้าไม่เพียงแค่กล้าตี ยังกล้าฆ่าด้วย”

หลินสวินเก็บรอยยิ้ม พูดเสียงเรียบ “ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อจะลองดูก็ได้”

“เจ้า…”

เด็กสาวหน้ากระคนนั้นโมโห แต่เมื่อเจอกับสายตาเย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึกของหลินสวิน ในใจพลันรู้สึกเย็นวาบอย่างอธิบายไม่ถูก ตกใจจนนางพูดไม่ออกอีก

ราวกับว่าหากพูดมากอีกคำ ก็จะถูกหลินสวินฆ่าอย่างไม่ลังเล

ในชั้นเรียนเงียบกริบทันควัน

ศิษย์เหล่านั้นดูอายุห่างจากหลินสวินไม่มากนัก แต่ได้รับการทะนุถนอมอย่างดีตั้งแต่เด็ก ไม่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายอันใด แล้วจะเอาอะไรมาสู้กับหลินสวินที่เดินออกมาจากกองซากศพนองเลือด

“ไม่ใช่แค่ด่าศิษย์ แต่ยังลงมือบีบบังคับศิษย์ลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น พูดจาข่มขู่ คนพรรค์นี้มาเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษามฤคมรกตได้อย่างไร ถ้าเผยแพร่ออกไปคนนอกคงหัวเราะเยาะเราเป็นแน่!”

ในที่ไกลออกไปฟางจงเจียนกล่าวฮึดฮัด โกรธจนขอบตาเห่อแดง

แต่ในใจเขากลับปลื้มปริ่มอย่างหาที่สุดไม่ได้ หลินสวินยิ่งเป็นแบบนี้ จุดจบก็ยิ่งไม่สวย เขาอยากให้หลินสวินก่อเรื่องร้ายแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ

เสิ่นทั่วใบหน้าเคร่งขรึม ยังคงเงียบไม่เอ่ยวาจา

“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้พวกเจ้าไม่พูดแล้ว ก็ควรถึงทีข้าพูดบ้างแล้วกระมัง!”

หลินสวินหัวเราะเบาๆ เห็นว่าไม่มีใครส่งเสียงแล้ว แต่สายตาของศิษย์เหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยความเดือดดาล ไม่ยินยอม เห็นได้ชัดว่าในใจไม่มีความเลื่อมใสต่อเขา

“พวกเจ้าน่ะ ยังเด็กเกินไป ครั้งนี้เป็นสำนักศึกษาของพวกเจ้าเป็นฝ่ายเชิญข้ามาเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ข้าเป็นผู้ร้องขอ พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะอยากถ่ายทอดศาสตร์การสลักวิญญาณของตัวเองให้กับ… ขยะอย่างพวกเจ้า”

คำพูดของหลินสวินเต็มไปด้วยความดูถูก โดยเฉพาะคำว่า ‘ขยะ’ ที่ทำเอาพวกศิษย์โกรธจนตัวสั่น

พวกเขาเคยเจออาจารย์ที่อารมณ์ร้าย แต่ไม่เคยเจอคนที่กำเริบเสิบสาน เผด็จการไม่ไว้หน้าใครอย่างหลินสวินมาก่อน

นี่มัน…นี่มันอันธพาลชัดๆ!

“จำไว้ พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาสงสัยในความสามารถของข้า นอกเสียจากพวกเจ้าจะสามารถผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกร และทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ ได้ จำไว้!”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย แต่คำพูดราวกับมีดอันแหลมคมที่ปักลงกลางใจของพวกศิษย์ พาให้พวกเขาทำหน้าไม่ถูก

“หากพวกเจ้าไม่พอใจก็ต้องทน แต่อย่ามาหาเรื่องข้าอีก ตอนนั้นฮวาอู๋โยวผู้นั้นก็เคยไม่พอใจข้ามาก แต่สุดท้าย…”

หลินสวินกวาดสายตามองรอบๆ ในขณะที่เอ่ยเสียงเรียบ “หากไม่ใช่เพราะคนตระกูลฮวาของนางเข้ามาแทรกแซง นางคงสิ้นชีพไปนานแล้ว”

ศิษย์เหล่านั้นใจกระตุกอย่างรุนแรง เพิ่งนึกขึ้นได้เอายามนี้ว่า อาจารย์เด็กหนุ่มที่ใช้วิธีร้ายกาจคนนี้ นอกจากเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณแล้ว ยังเป็นผู้ฝึกปราณอัจฉริยะที่มีพลังต่อสู้น่าหวาดกลัว!

เรื่องที่เขาซัดลูกหลานสองคนจากตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลซ่งจนร่วง และล้มฮวาอู๋โยวได้ในการโจมตีเดียว สร้างความฮือฮาอย่างมากในนครต้องห้าม

กล้าตีกล้าฆ่าแม้แต่ลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ยังจะมีอะไรที่หลินสวินไม่กล้าอีก

เมื่อเทียบกับบุคคลระดับฮวาอู๋โยวแล้ว ศิษย์อย่างพวกเขา…สู้ไม่ได้เลย!

ทุกคนเงียบไปทันที ความกราดเกรี้ยวและไม่จำยอมบนใบหน้าถูกความหวาดกลัวลึกล้ำเข้ามาแทนที่

ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเขาถึงเพิ่งรู้สึกกลัว ว่าเหตุใดเมื่อครู่ถึงได้วู่วามไปหาเรื่องคนร้ายกาจใจเหี้ยมราวปีศาจผู้นี้ได้

โดยเฉพาะเด็กอ้วนที่อยู่บนพื้น ยิ่งกลัวจนสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าซีดเซียว

“แน่นอนว่าหากพวกเจ้าไม่กระทำความผิด และทำตามที่ข้าสั่งอย่างเต็มที่ ข้าก็คร้านจะถือสาพวกเจ้า”

หลินสวินพูดถึงตรงนี้ สายตาพลันจับจ้องเด็กอ้วนคนนั้น “เจ้าชื่ออะไร?”

“หลิวฮุย”

“กลับไปนั่งที่ของเจ้า”

เด็กอ้วนรีบลุกกลับไปนั่งที่โดยดี ท่าทางสงบเสงี่ยม ไร้ซึ่งความอวดดีอย่างเมื่อครู่

“ตอนนี้หยิบด้ามสลักและกระดาษของพวกเจ้าออกมา วาด ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ ให้เวลาครึ่งชั่วยาม”

หลินสวินกำชับโดยไม่ต้องคิด “ทางที่ดีจงใช้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง มิเช่นนั้นหากข้าจับได้ว่ามีใครโกง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

หนุ่มสาวพวกนั้นหลาบจำแล้ว ยังจะมีใครกล้าขัด พลันหยิบกระดาษและด้ามสลักขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาเขียนโดยดี

แซ่กๆๆ

ภายในชั้นเรียนเงียบสงัดไปทันที มีเพียงเสียงจากการเสียดสีของกระดาษและด้ามสลักที่ดังขึ้นเบาๆ แต่ไม่ถึงกับไพเราะ

หลินสวินนั่งหลับตาเก็บแรงอยู่บนยกพื้น

เห็นแบบนี้ฟางจงเจียนที่ยืนอยู่ในมุมลับตาคนพลันไม่พอใจขึ้นมา เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดขึ้น “ดูสิ เด็กคนนี้อายุเพียงสิบกว่าปีก็กล้าวางอำนาจในชั้นเรียน ข่มให้ศิษย์ยอมก้มหัวให้ อันธพาลชัดๆ! ”

เสิ่นทั่วลอบถอนหายใจ แม้เขาจะคิดว่าวิธีของหลินสวินแข็งกร้าวเกินไป แต่พอเห็นหลินสวินสามารถควบคุมสถานการณ์ในชั้นเรียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาก็โล่งอกไปไม่น้อย

“เจ้าก็รู้ดีว่าในบรรดาศิษย์เหล่านั้นมีพวกหัวโจกอยู่ไม่น้อย หากพวกเขาถูกสั่งให้หาเรื่องหลินสวิน ไม่ว่าหลินสวินนิสัยดีแค่ไหน ก็เกรงว่าคงถูกหาเรื่องจนหัวเสีย!”

เสิ่นทั่วจ้องฟางจงเจียนเขม็ง

สีหน้าของฟางจงเจียนพลันเปลี่ยนไป “เจ้าจะบอกว่าข้าเป็นคนสั่งให้ศิษย์พวกนั้นทำแบบนี้งั้นหรือ”

“จะใช่หรือไม่ เดี๋ยวก็รู้เอง”

เสิ่นทั่วพูดเสียงขรึม

ยามนั้นไกลออกไปมีเงาร่างห้าหกเงาเดินเข้ามา ล้วนเป็นอาจารย์ของสาขาสลักวิญญาณทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่าออกมาดูเพราะเสียงที่ดังขึ้นในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า

ฟางจงเจียนเห็นแบบนั้นก็พลันเดินเข้าไปฟ้องพฤติกรรมร้ายกาจของหลินสวินให้อาจารย์เหล่านั้นฟังเป็นฉากๆ ด้วยท่าทางที่ดูขึ้งโกรธสุดกำลัง

ฉับพลันนั้นเหล่าอาจารย์ก็อดแปลกใจไม่ได้ ขมวดคิ้วไม่หยุด

……………