ตอนที่ 403 ให้คำชี้แนะ โดย ProjectZyphon

“หลินสวินกำเริบเกินไปแล้ว มารยาทแย่เช่นนี้ ไม่รักษาภาพลักษณ์อาจารย์ ทำให้สาขาสลักวิญญาณของเราเสียชื่อเสียงจริงๆ!”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง หลินสวินผู้นี้ก็ทำเกินไป”

“เฮ้อ นี่ก็คือความสามารถของปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยที่โดดเด่นที่สุดในยุคนี้หรือ ข้าว่าก็ไม่ได้เหนือไปกว่าเฟิงชิงโยวเท่าใด!”

อาจารย์กลุ่มนั้นต่างแสดงความเห็นอย่างไม่พอใจ

“ทุกท่าน ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ศิษย์พวกนั้นอาละวาดหนักมาก จึงทำให้หลินสวินโกรธ”

เสิ่นทั่วเห็นเช่นนี้พลันขมวดคิ้วพูด “อีกอย่างตอนนี้หลินสวินกำลังสอนอยู่ ทุกท่านยังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัดก็วิจารณ์เช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ”

เสิ่นทั่วเป็นหัวหน้าอาจารย์ของสาขาสลักวิญญาณ ตำแหน่งสูงส่ง มากด้วยอำนาจ เห็นเขาออกหน้าปกป้องหลินสวิน ทำให้อาจารย์หลายท่านต่างนิ่งไป

“นอกจากนี้ รอดูความสามารถในการสอนของหลินสวินก่อนแล้วค่อยตัดสิน หากเขาไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นอาจารย์ได้ ข้าไม่มีวันยอมให้คนอย่างเขามาสอนศิษย์ของเราผิดๆ แน่”

จู่ๆ อาจารย์ท่านหนึ่งเอ่ยเสียงทุ้มต่ำขึ้น “หากความสามารถในการสอนของเขาสามารถทำให้ข้าพอใจได้ ต่อไปก็จะไม่มีใครว่าเขาอีก”

ได้ยินเช่นนี้ หลายคนก็เห็นด้วย

เห็นเช่นนี้เสิ่นทั่วและฟางจงเจียนต่างรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรอีก

“เขากำลังทำอะไรของเขา ให้ศิษย์ฝึกการสลักวิญญาณด้วยตัวเองงั้นหรือ”

อาจารย์ท่านหนึ่งถาม

“เมื่อครู่นี้หลินสวินสั่งให้ศิษย์วาด ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ ถ้าข้าเดาไม่ผิด เขาคงอยากวัดระดับความสามารถในการสลักวิญญาณของศิษย์ทุกคน”

เสิ่นทั่วพูดโดยไม่ได้คิดอะไร

“รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรงั้นหรือ พูดเป็นเล่น โดยปกติวิธีทดสอบนักสลักวิญญาณระดับต้นมีเพียงสามวิธี

วิธีแรก ใช้การวาด ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุพื้นฐาน’ มาทดสอบ

วิธีที่สอง ใช้การหลอมอาวุธวิญญาณระดับมนุษย์ ‘เกราะวิญญาณห้าสี’ มาทดสอบ

วิธีที่สาม คือให้อาจารย์และลูกศิษย์ร่วมกันอธิบายรอยสลักวิญญาณตัวต่อตัว เพื่อประเมินความสามารถในการสลักวิญญาณของศิษย์”

อาจารย์ท่านหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “การทดสอบทั้งสามวิธีนี้ เรียกอีกอย่างว่า ‘การทดสอบสามพรสวรรค์’ ข้าไม่ยักรู้ว่ามีการใช้ ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ ในการทดสอบด้วย ดูไม่เชี่ยวชาญเกินไปหรือเปล่า”

น้ำเสียงแฝงความสงสัยเต็มประดา

“ใช่ การวัดความสามารถในการสลักวิญญาณเป็นเรื่องที่เข้มงวดมาก วิธีนี้ของเขา ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

“นี่เห็นชัดว่าผิดปกติมาก ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ แฝงไว้ด้วยรอยสลักวิญญาณแปรผันหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าลายที่แตกต่างกันเอาไว้ นักสลักวิญญาณชั้นต้นทั่วไปไม่สามารถวาดออกมาได้ด้วยซ้ำ จะเอามาใช้ทดสอบได้อย่างไร”

อาจารย์ท่านอื่นๆ ต่างเสริม

พวกเขาอยู่ในศาสตร์การสลักวิญญาณมานาน ย่อมรู้วิธีทดสอบความสามารถในการสลักวิญญาณเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยได้ยินวิธีพิเรนทร์อย่างที่หลินสวินใช้ นี่ช่างน่าขันนัก

“ข้าว่าเขากำลังก่อเรื่อง!” ฟางจงเจียนไม่เกรงใจที่สุด ต่อว่าหลินสวินว่าก่อเรื่องเสียเลย

“เขาก่อเรื่องงั้นหรือ สามารถก่อเรื่องจนเกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ ได้ ถามหน่อยเถอะว่าพวกเจ้าใครทำได้ขนาดนี้บ้าง”

เสิ่นทั่วอดพูดขึ้นอีกครั้งไม่ได้ เขาเป็นคนเชิญหลินสวินมา ย่อมทนเห็นหลินสวินถูกกล่าวหาและตั้งข้อสงสัยไม่หยุดหย่อนไม่ได้

ทุกคนพลันเงียบเสียงลง ความรู้สึกซับซ้อนเป็นอย่างมาก

เสียงร้องเก้ามังกรเป็นเหมือนป้ายทองของหลินสวิน ไม่ว่าใครคิดกล่าวหาหลินสวิน ถ้าเจอป้ายนี้เข้าก็หมดแรงอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด

……

เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลินสวินที่หลับตาทำสมาธิอยู่ลืมตาและลุกขึ้นยืน

เขากวาดสายตามองรอบๆ เห็นว่าศิษย์ส่วนใหญ่วาด ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ เสร็จแล้ว เหลือเพียงสี่ห้าคนที่กำลังเร่ง

“วางมือได้แล้ว”

หลินสวินพูด

ศิษย์สี่ห้าคนนั้นก็หยุดวาดทันที เพียงแต่สีหน้ากลับดูกังวล ซึ่งเจ้าอ้วนหลิวฮุยก็เป็นหนึ่งในนั้น

สำหรับพวกเขา รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรนี้ยากมาก ภายในครึ่งชั่วยามไม่อาจวาดให้เสร็จได้

แม้แต่ศิษย์ที่วาดเสร็จแล้วยังดูกังวล เห็นชัดว่ารู้ตัวว่า แม้จะวาดรอยสลักวิญญาณเสร็จแล้ว แต่ก็ยังมีหลายจุดที่ผิดพลาดและไม่สมบูรณ์แบบ

ที่พวกเขากังวล ย่อมเป็นเพราะกลัว ‘ราชาปีศาจ’ ที่อารมณ์แปรปรวนอย่างหลินสวินลงโทษ

“เอารอยสลักวิญญาณของตัวเองขึ้นมาหน้าชั้นเรียนทีละคน เริ่มจากคนแรกฝั่งซ้ายมือ”

หลินสวินสั่งลวกๆ แล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้

ศิษย์หลายคนยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าหลินสวินจะทำอะไรกันแน่ กลัวว่าหากเขาไม่ถูกใจอะไรขึ้นมาแล้วจะบันดาลโทสะอีก

“อาจารย์หลิน โปรดตรวจดู”

ศิษย์คนแรกฝั่งซ้ายมือเดินขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดระแวง ยื่นกระดาษที่วาดรอยสลักวิญญาณให้ด้วยสองมือ

หลินสวินถือขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด

ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องเรียนอึดอัดมาก ศิษย์ทุกคนแทบกลั้นหายใจ ดูตื่นเต้นกังวลสุดๆ

“เจ้าชื่ออะไร”

ครู่หนึ่งหลินสวินพลันเงยหน้าขึ้นถาม

“ฟ่านจือชิว”

เด็กหนุ่มคนนั้นกังวลจนกำหมัดแน่น สีหน้าเคร่งเครียด ตอบตะกุกตะกัก “อาจารย์ ข้าเพิ่งเรียนรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรได้ไม่นาน ข้า…”

ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหลินสวินยกมือขึ้นโบกตัดบทเสียก่อน “ไม่ต้องตื่นเต้น ข้าไม่ได้จะจับผิดเจ้า แต่กำลังวัดความสามารถในการสลักรอยสลักวิญญาณของเจ้า ต่อให้ทำได้แย่แค่ไหนข้าก็ไม่โทษเจ้า ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็มิใช่ข้าที่ถ่ายทอดความรู้ด้านการสลักวิญญาณให้เจ้า ถือว่าให้อภัยได้”

ฟ่านจือชิวถอนหายใจยาวทันที

ศิษย์คนอื่นๆ ในชั้นเรียนต่างโล่งอก ไม่ได้ตื่นเต้นกังวลเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

แต่สิ่งที่พวกเขาสงสัยคือ หลินสวินคนนี้คิดอย่างไรถึงใช้ ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ มาวัดความสามารถด้านการสลักวิญญาณของพวกเขา

พวกเขาไม่เคยได้ยินวิธีทดสอบที่แปลกขนาดนี้มาก่อน

ยามนั้นหลินสวินก็ยื่นกระดาษคืนให้ฟ่านจือชิว “เจ้าดูผลงานของเจ้าให้ดี ข้ารู้ความสามารถด้านการสลักวิญญาณของเจ้าคร่าวๆ แล้ว ข้าจะวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งในการวาดรอยสลักวิญญาณของเจ้า หวังว่าเจ้าจะจำให้ขึ้นใจ”

ฟ่านจือชิวสะท้านไปทั้งตัว แทบไม่อยากเชื่อว่าอาศัยรอยสลักวิญญาณเพียงลายเดียว ก็จะรู้จุดแข็งจุดอ่อนในการสลักวิญญาณของตัวเองได้

เหลือเชื่อเกินไปแล้วหรือเปล่า

ศิษย์คนอื่นๆ ต่างเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากเชื่อเช่นกัน

“เหลวไหล!”

ในที่ห่างออกไป ฟางจงเจียนได้ยินเช่นนี้ก็หลุดขำออกมา เลอะเทอะไปไกลแล้ว ความสามารถในการสลักวิญญาณก็คือความสามารถในการสลักวิญญาณ หาใช่จุดแข็งจุดอ่อนของนักสลักวิญญาณไม่ นี่คือเรื่องที่ทุกคนรู้โดยทั่วกัน

นอกจากว่าเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณมาเอง บางทีอาจทำได้ถึงขั้นนี้ แต่เด็กหนุ่มอย่างหลินสวินที่เพิ่งได้รับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณ เป็นไปได้อย่างไรที่จะตาถึงและรู้วิธีขนาดนั้น

สร้างเรื่องโกหกชัดๆ!

อาจารย์ท่านอื่นๆ ต่างแปลกใจและสงสัยอย่างมาก แต่พวกเขาต้องสกัดกั้นความสงสัยเอาไว้ ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนค่อยตัดสิน

ส่วนเสิ่นทั่ว หลังจากตะลึงงันไปครู่ก็เกิดสงสัยขึ้นมา

หลินสวินพิเศษจริงๆ ไม่เหมือนนักสลักวิญญาณคนอื่นๆ ที่เขารู้จัก ทุกอย่างที่เขาทำล้วนดูแปลกใหม่ไม่ธรรมดา

แต่ก็เพราะเด็กหนุ่มที่มีความเป็นตัวเองในศาสตร์การสลักวิญญาณคนนี้นี่แหละ ที่ทำให้เกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ เสิ่นทั่วอดคิดไม่ได้ว่า ครั้งนี้หลินสวินจะสามารถสร้างความประหลาดใจให้เขาได้อีกหรือไม่

“ดูให้ดี รอยสลักรอยที่เก้าดูติดขัดเล็กน้อย รอยที่สิบสามความหนาบางไม่เท่ากัน รอยที่สี่สิบสี่หมุนวนผิด รอยที่…”

ในชั้นเรียน หลินสวินพูดเสียงเรียบอย่างคล่องแคล่วมีแบบแผน

แรกๆ ในใจฟ่านจือชิวก็ยังไม่เชื่อ แต่พอหลินสวินชี้ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในการสลักวิญญาณของเขาออกมาได้อย่างแม่นยำในทุกๆ จุด เขาก็ตัวแข็งค้างไปอย่างควบคุมไม่อยู่ ในใจถูกความตะลึงเข้ามาแทนที่

ข้อผิดพลาดเหล่านั้นแม้แต่เขาเองยังมองไม่เห็น แต่พอหลินสวินเตือน แล้วกลับมาย้อนดู ก็เห็นความผิดปกติจริงๆ

อีกทั้งทุกข้อผิดพลาดที่หลินสวินชี้ออกมา ก็ละเอียดไปถึงทุกลายสลัก ราวกับทุกความผิดพลาดล้วนหนีสายตาสับปะรดของเขาไม่พ้น!

เสียงพูดที่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของหลินสวินดังก้องไปทั่วห้องเรียน เหล่าศิษย์ต่างสงสัย

แม้พวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่จากสีหน้าที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ของฟ่านจือชิวก็รู้ว่า หลินสวินไม่ได้คุยโว แต่มีหลักการและตรงประเด็นทุกคำพูด!

“อาจารย์…หลิน ข้า…ข้า…”

หลินสวินพูดจบ สีหน้าชิงฟ่านจือชิวก็เต็มไปด้วยความละอายใจ เกิดความรู้สึกอับอายจนอยากมุดซ่อน น้ำเสียงก็ตะกุกตะกัก

“ไม่ต้องสนใจ เป็นแค่ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนั้น ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าข้ากำลังช่วยวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งในการสลักวิญญาณของเจ้า”

น้ำเสียงของหลินสวินฟังดูสบายๆ

“อาจารย์โปรดชี้แนะด้วย!”

ฟ่านจือชิวสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเผยความเคารพนับถือ

ทุกคนต่างแปลกใจ

“จุดอ่อนของเจ้าไม่น้อยเลย แต่ที่เห็นได้ชัดคือวิธีลงด้ามสลักของเจ้า”

หลินสวินใคร่ครวญพลางจ้องไปที่สองมือของฟ่านจือชิว “วิธีลงด้ามสลักที่เจ้าฝึกมาไม่เหมาะกับเจ้า ข้าแนะนำให้เจ้าเปลี่ยนเป็นการ ‘เก็บรายละเอียดอย่างลึกซึ้ง ปรับลายให้เรียบตรง’”

วิธีลงด้ามสลักมีปัญหางั้นหรือ

ฟ่านจือชิวอึ้งงันไป เขาไม่เคยคิดเลยว่า ข้อผิดพลาดที่ตัวเองติดเป็นนิสัยมีสาเหตุมาจากวิธีการลงด้ามสลัก

นี่เป็นปัญญาเล็กๆ แต่ถูกมองข้ามได้ง่ายที่สุด

ยามนี้ถูกหลินสวินเตือน ฟ่านจือชิวอดตะลึงไม่ได้ เริ่มครุ่นคิด

หลินสวินพูดต่อ “ส่วนจุดเด่นของเจ้าก็ชัดเจนมากเช่นกัน นั่นคือความไว การควบคุมพลังการรับรู้ของเจ้าค่อนข้างโดดเด่น เจ้าคงรู้วิชาลับในการสลักวิญญาณบางอย่างมา ไม่เลว พัฒนาจุดเด่นนี้ไปเรื่อยๆ จะเป็นผลดีต่อการฝึกกระบวนรอยสลักวิญญาณในอนาคตของเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย”

ฟ่านจือชิวตะลึงอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าหลินสวินจะอ่านความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาได้จากรอยสลักวิญญาณลายเดียว!

ไม่ผิด ที่เขาวาดรอยสลักวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะเขาฝึกฝนวิชาลับซึ่งถ่ายทอดมาในตระกูลวิชาหนึ่ง!

“ลงไปเถอะ คนต่อไปขึ้นมา”

หลินสวินโบกมือ

กลับเห็นฟ่านจือชิวสูดหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่สีหน้าเผยความเคารพนับถือจากใจ พร้อมโค้งคำนับลงต่ำ “ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะ!”

น้ำเสียงแฝงความเคารพนับถือ

เห็นเช่นนี้ ศิษย์ในชั้นเรียนพลันสบตากันไปมาด้วยความแปลกใจ

หรือหลินสวินอ่านจุดอ่อนและจุดแข็งของพวกเขาจากรอยสลักวิญญาณเพียงลายเดียวได้จริงๆ?

ไม่นานศิษย์คนที่สองก็มายืนอยู่ตรงหน้าหลินสวิน

…………