ภาคที่ 1 บทที่ 197 เลื่อนขั้น บรรลุแจ้ง

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 197 เลื่อนขั้น บรรลุแจ้ง

ออกจากหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน

ซูเย่ไม่ได้กลับไปที่เขตมหาวิทยาลัย แต่มาที่ส่วนลึกของป่านอกหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน เขาเดินไปพลางลงชื่อเข้าใช้แอปบริจาคเงินให้คนยากไร้ในสังคมผ่านโทรศัพท์มือถือ

ค้นหาสถานที่ที่ต้องการเงินบริจาค และบริจาคให้อย่างบ้าคลั่ง 5 ล้านรวด!

ตอนนี้เขายังเหลืออีก 350,000 หยวน

“ติ๊ง!”

“คะแนนคุณธรรมเพิ่ม 100 คะแนน”

หลังจากบริจาคเรียบร้อย ในสมองของซูเย่มีความเข้าใจที่กระจ่างชัดขึ้นมาในทันที รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างพุ่งเข้ามาในสมองของเขา เพียงพริบตาเดียว เดิมทีคะแนนเพียง 77 คะแนน พุ่งขึ้นทันทีเป็น 177 คะแนน

กะทันหันมากไปแล้ว!

ซูเย่ที่กำลังเดินลึกเข้าไปในป่า มีแสงสีทองเปล่งประกายไปทั่วร่างกายของเขา

บรรยากาศอันน่าตกตะลึงที่แผ่ออกมาจากร่างกายทั้งภายในและภายนอก สอดประสานกับผืนป่า แผ่นฟ้าและพื้นดินแห่งนี้…

ปราณแห่งห่าวหราน!

ดวงตาของซูเย่เป็นประกาย

เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ามันเข้มข้นและมีเยอะกว่าตอนที่เขาเลื่อนขั้นครั้งที่แล้ว!

เขานั่งเขานั่งสมาธิโดยพลัน…

จุดลมปราณ 720 จุด ที่เปิดขึ้นทั่วร่างกายขณะเดียวกันก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีทอง ชีพจรเส้นเลือดสีทองเชื่อมจุดลมปราณทั้งหมดเข้าด้วยกัน แสงระยิบระยับสีทองค่อยๆ ไหลออกมาจากเส้นเลือดที่เชื่อมต่อจุดลมปราณทั้ง 720 จุดต่อเนื่องเป็นชุด เชื่อมต่อกับท้องฟ้าและพื้นดิน ผสานเลือดและกระดูก

ซูเย่สัมผัสได้อย่างชัดเจน…

ภายใต้การปกคลุมของปราณแห่งห่าวหรานนี้ ทุกรูขุมขนในร่างกายของเขาถูกเปิดออก และทุกตารางนิ้วของเลือดเนื้อในร่างกายของเขาก็หดตัวและแน่นกระชับขึ้น

ร่างกายกำลังเลื่อนขั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว…

ในเวลาเดียวกัน ซูเย่รู้สึกว่าร่างกายของเขากลายเป็นจานแม่เหล็ก และดึงดูดพลังงานปราณบนโลกเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

“นี่คือความเร็วของการดูดซับปราณสิบเท่างั้นหรือ”

ความเร็วระดับนี้เร็วมาก ถ้าเขามีความเร็วระดับนี้ตั้งแต่ฝึกครั้งละก็ เขาอาจจะก้าวเข้าสู่ขั้นไร้ขอบเขตในตำนานก็เป็นได้

“น่าเสียดาย พลังปราณในสมัยนี้มันช่างบางเบายิ่งนัก”

ซูเย่ถอนหายใจ

ต่อให้มีความเร็วในการดูดซับพลังปราณถึงสิบเท่า พลังปราณที่ได้ซึมซับก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดี ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะดูดซับพลังปราณ

ชั่วขณะนี้

“ตึ้ง!”

ปราณแห่งห่าวหรานโดยรอบก็รวมตัวกันโดยพลัน ผสานตัวกันเป็นกระแสปราณหนึ่งสาย จากทั่วร่างกายพุ่งขึ้นไปยังหน้าผาก และพุ่งเข้าจมูกของเขา

ซูเย่รู้สึกว่าในโพรงจมูกของเขามีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามา บริเวณสันจมูก มีจุดแสงส่องประกาย ซูเย่สัมผัสได้ว่าจมูกของเขาไม่เหมือนเดิม

“นี่คือนาสาสวรรค์!”

เขากล่าวอย่างลิงโลด

ซูเย่คิดไม่ถึงว่า การเลื่อนขั้นมาถึงขั้นบรรลุแจ้งจะทำให้ได้รับพลังวิเศษอีกแบบมาครองทันที

ตามตำนาน นาสาสวรรค์นอกจากจะสามารถแบ่งแยกกลิ่นต่าง ๆ ได้แล้ว ยังสามารถได้กลิ่นหญ้าวิเศษและพลังปราณภายในรัศมีห้าพันเมตร ถูกขนานนามว่าเครื่องมือที่ดีที่สุดในการหาหญ้าวิเศษ

“ถ้ารวมกับเนตรสวรรค์ งั้นหญ้าวิเศษภายในรัศมีห้ากิโลเมตรก็ไม่สามารถซ่อนเร้นได้!”

การกระทำไปพร้อมกับความคิด

ซูเย่ตัดสินใจลองเคลื่อนปราณแห่งห่าวหรานไปที่จมูก เริ่มใช้นาสาสวรรค์ทันที กลิ่นต่างๆ บนภูเขาแมกไม้ก็เข้าสู่จมูกของซูเย่อย่างชัดเจน ถึงขนาดที่ว่าเขาสามารถรับรู้ได้แน่ชัดว่ากลิ่นใดที่เป็นกลิ่นของดอกไม้ที่กระจายออกมาในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร

“อะไรกัน?”

เพียงแค่สูดกลิ่นเบาๆ ทันใดนั้น ซูเย่ก็ได้กลิ่นปราณวิเศษจากกลิ่นที่ลอยมาจากทุกทิศทุกทาง

“หญ้าวิเศษ”

แววตาของซูเย่มีประกายพาดผ่าน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย เขาไม่คาดหวังว่าจะสามารถได้กลิ่นหญ้าวิเศษตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้นาสาสวรรค์

เขาลุกขึ้นโดยทันที…

ณ ตอนนี้ จู่ๆ ก็สัมผัสได้ในจิต

“ขั้นต่อไป… ขั้นหยั่งสัจจะ”

ต้องมีคะแนนคุณธรรม 1000 คะแนน ระดับความเร็วในการรวบรวมปราณเพิ่มขึ้น 50 เท่า

“คะแนนคุณธรรม 1000 คะแนน?”

“ถ้าบริจาคเงิน ก็ต้องใช้ถึงห้าสิบล้านเลยน่ะสิ…”

หลังจากนั้นซูเย่รู้สึกว่าตัวเองเงินขาดมือขึ้นมา พลางกล่าวอย่างพิจารณา “ดูเหมือนว่าเราต้องรีบเรียนรู้เทคนิคทางการแพทย์อย่างรวดเร็วและเริ่มการรักษาในวงกว้างถึงจะได้”

พูดจบเขาก็เดินอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่กลิ่นหญ้าวิเศษลอยมา

เมื่อเดินมาจนถึงหนึ่งกิโลเมตร ซูเย่ก็มาถึงสถานที่ที่มีพลังปราณหนาแน่นมากแห่งหนึ่ง

“เปิดเนตรสวรรค์”

บนหินก้อนหนึ่งที่เปียกโชกไปด้วยน้ำค้าง มองเห็นหญ้าเล็ก ๆ ที่เติบโตท่ามกลางตะไคร่น้ำ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหญ้าสีเขียวธรรมดา แต่มันก็ยังมีกระแสปราณอยู่ไม่น้อย

ซูเย่ยิ้มกว้าง การรวมกันของดวงตาสวรรค์และนาสาสวรรค์จะกลายเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกฝนของเขา!

“ไม่เลวเลย…”

“แน่นอนว่ามันเทียบไม่ได้กับหญ้าเซียน แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยเพิ่มพลังปราณได้เล็กน้อย”

เขาใช้มือเด็ดมาแล้วกลืนลงไปทันที ก่อนจะนั่งสมาธิต่อ

ซูเย่เริ่มดูดซับพลังปราณธรรมชาติ เตรียมที่จะลองใช้ระดับความเร็วฝึกปราณสิบเท่า

“สวบ—”

กระแสปราณไหล่บ่ามาอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่นาที พลังปราณในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรถูกดูดซับมาทั้งหมด

“เร็วดีจริงๆ”

ซูเย่ยิ้มออกมา

ด้วยความเร็วในการฝึกพลังแบบนี้ มันจะง่ายมากในการเสริมพลังปราณที่ถูกใช้ไปในอนาคต เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างน้อยก็คงเอาตัวรอดได้

“ระดับสองจุดลมปราณหกจุด”

ซูเย่ตรวจดูอย่างละเอียด ว่าตัวเองเก็บพลังปราณได้มากพอที่จะทะลวงจุดลมปราณหกจุด ซึ่งแน่นอนว่าระดับของเขายังคงเป็นระดับสองที่เปิดจุดลมปราณหนึ่งจุดอยู่

……

ทิศตะวันตก เมืองจี้หยาง

ลึกเข้าไปในภูเขาป่าไม้

ตึก ตึก ตึก

เสียงวิ่งอย่างเร่งรีบดังก้องในภูเขาและป่าไม้ เงาดำกลุ่มหนึ่งวิ่งอย่างรวดเร็วผ่านภูเขาและป่าไม้ด้วยความน่าอดสู

“แม่งเอ้ย แหล่งกบดานถูกทีมสืบสวนค้นเจอแล้ว!”

“ถ้าพวกมันไม่ยอมปล่อยเรา งั้นพวกเราก็อย่าให้พวกมันได้อยู่สุข!”

“ไอ้สมุนรับใช้ฝูงนี้ พวกเรายังไม่ทันทำอะไร พวกมันก็มาหาเรื่องถึงที่!”

“เมืองจี้หยางอยู่ไม่ได้แล้ว”

“ข้าอยู่เมืองจี้หยางมาหลายปีดีดัก ต้องจากไปทั้งอย่างนี้น่ะรึ”

“แม่ง…ไม่ยอมเว้ย!”

ในระหว่างการหลบหนีอย่างทุลักทุเล คนกลุ่มหนึ่งตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำและโกรธจัด !

“ข้าก็ไม่ยอม!”

“ทีมสืบสวนมันเจอเราได้ยังไงวะ?!”

“ทีมย่อยเขตมหาวิทยาลัย…”

พูดไปพูดมา กลุ่มคนที่แต่เดิมต้องการจะหนีตายออกจากเมือง ก็ลดความเร็วลง ไปจนถึงหยุดนิ่ง…

“หน่วยย่อยเขตมหาวิทยาลัย?”

“ใช่”

“ก่อนออกจากเมืองข้าได้ข่าวมา สาเหตุที่ทีมสืบสวนพบพวกเรา เป็นเพราะหน่วยย่อยเขตมหาวิทยาลัยได้ทำการจับกุม ไอ้อ้วน ไอ้ผอมกับไอ้ล่ำไปแล้ว…”

“พวกมันไม่มีทางขายข่าวพวกเรานี่!”

“เหอะ แกคิดว่าทีมสืบสวนยังใช้ทัณฑ์ทรมานเพื่อง้างปากพวกเราอยู่หรือไง? เทคโนโลยีสมัยนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะจินตนาการได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกทีมสืบสวนน่ะ มันไม่ใช่คน!”

“เฮ้ย พวกเราไปจัดมันสักดอกไหม?!”

สายตาของหัวหน้าพูดพลางมีประกายความชั่วร้ายแวบขึ้นให้เห็น

ในชั่วพริบตา ดวงตาหลายสิบคู่ที่ฉายแววบ้าคลั่งก็จดจ้องมา

“จะเอายังไง?”

“ข่าวที่ฉันได้รับมาก็คือ ในคืนนี้ทีมย่อยเขตมหาวิทยาลัยจะให้หมวก VR พวกเด็กที่ถูกคัดเลือก”

“ความหมายของลูกพี่คือ?”

“ใช่ หากแค้นนี้ไม่ชำระคงยากที่จะดับความโกรธในใจ พวกเราจะโจมตีตอบโต้ จะไปสั่งสอนพวกทีมย่อยเขตมหาวิทยาลัยและพวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพวกนั้น…”

เงาดำสิบเงาจ้องหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง นัยต์ตายิ่งฉายแววความบ้าคลั่งสาดประกาย

จัดการพวกมัน!

ทันใดนั้นก็หันกาย มุ่งหน้าไปยังทิศของมหาวิทยาลัยด้วยความรวดเร็ว

วันนี้ ต่อให้ต้องตายเขาก็ต้องกัดทีมสืบสวนให้เลือดตกยางออกกันบ้าง

เวลา 3 ทุ่ม

ห้องฝึกในสถานีตำรวจเขตมหาวิทยาลัย ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนบริเวณนี้มารวมตัวกันครบ โดยทุกคนล้วนผ่านด่านสุดท้ายของเวทีประลอง และรอคอยหมวก VR วันนี้กันมานานแล้ว

ซูเย่ จินฟานและซุนชือก็ยืนอยู่ด้านท้ายสุดของแถว โดยทั้งคู่ยิ้มให้หวังห่าวที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม

หวังห่าวที่กำลังอารมณ์ดีเพิ่งทำภารกิจสำเร็จ เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซุนชือและจินฟาน สีหน้าก็คล้ำลงโดยพลัน

ยิ้ม!

ยิ้มหาพระแสงเหรอ?!

ไม่ช้าก็เร็วพวกแกได้น้ำตาร่วงแน่!

“ทุกคนส่งหมวก VR ของพวกคุณมา!”

เขาเบิกตาจ้องไปยังซุนชือและจินฟานอย่างดุร้ายหนึ่งที หวังห่าวก็เลื่อนสายตาไปที่คนอื่นๆ พลางกล่าว “อันดับต่อไป ฉันจะส่งมอบหมวกใบใหม่ให้พวกคุณ…”

ระหว่างที่พูด เซียวจวิ้น จูอวี้และคนอื่นๆ ก็เริ่มเก็บหมวก VR

ในขณะที่กำลังเก็บหมวก ก็ส่งหมวกใบใหม่ให้ในทันที

ซูเย่รับหมวกมา และมองไปที่มัน ตามที่คาดไว้ หมวกมีหมายเลขประจำเครื่อง

หลังมองดูทุกคนที่ได้รับหมวกที่รอคอยมานาน หวังห่าวก็พูดขึ้นอีกครั้ง “พวกคุณคือผู้ผ่านการคัดเลือกจากเวทีประลอง ปัจจุบันอันดับสูงสุดคือระดับสองเปิดหนึ่งจุดลมปราณ และอันดับที่ต่ำที่สุดคือ ระดับหนึ่งเปิดจุดลมปราณ 220 จุด ”

กล่าวถึงตรงนี้ หวังห่าวจงใจมองไปทางซูเย่…

ใช่แล้ว…

เขานั่นแหละ

ยังคงเป็นอันดับหนึ่งนับจากสุดท้าย…

เพียงแต่ไม่รู้ระดับที่แท้จริงของเขาในตอนนี้ เพราะว่าเจ้าหมอนี้ไม่ได้เข้าสู่ระบบเกมส์มาระยะหนึ่งแล้ว

“ในเมื่อได้รับหมวกเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าตั้งแต่วันนี้ไป จะเข้าสู่ Fantasy Dream ที่แท้จริง”

หวังห่าวกล่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ดวงตาของทุกคนก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมกับหัวใจของพวกเขาที่เต้นแรง

ในที่สุดก็จะได้เข้าเกมแล้ว!

หวังห่าวอธิบายต่อ “หมวก VR ที่คุณถืออยู่ ได้เชื่อมข้อมูลส่วนตัวของคุณไว้แล้ว ทันทีที่ผู้อื่นใช้มัน ในตอนเข้าสู่ระบบโปรแกรมจะทำลายตัวเองอัตโนมัติ!”

“อะไรนะ?!”

“ทำลายตัวเองหรือว่าระเบิดตัวเอง?”

“ในหมวกVRคงไม่ได้บรรจุดินปืนไว้ใช่ไหม?!”

“ถ้าผมไปสวมหมวก VR ของคนอื่น เมื่อระบบทำลายตัวเองเริ่มทำงาน สมองของผมก็จะระเบิดกระจุยงั้นเหรอครับ?”

“เฮ้อ…คิดไปถึงไหนกันน่ะ? ระบบจะทำลายหมวก ไม่ได้ระเบิดหัวใคร…” หวังห่าวมุ่นคิ้วพลางกล่าว เด็กมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้คงไม่ได้มีอาการโรคจิตหลงผิดใช่ไหม?

“ตอนนี้ ให้ฉันบอกคุณสองสามเรื่อง เรื่องแรก ตราบใดที่สวมหมวกที่อยู่ในมือของพวกคุณ คุณก็จะสามารถเข้าสู่ Fantasy Dream ที่แท้จริงได้”

“เรื่องที่สอง ความยากในการฆ่าสัตว์ประหลาดใน Fantasy Dream ที่แท้จริงนั้น เทียบเท่ากับความยากในการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดตัวจริง ความเจ็บปวดของพวกคุณเมื่อเทียบกับตอนเวทีประลอง จะเพิ่มขึ้นถึง 90% ของความเจ็บปวดจริง!”

90%?

พัฒนาขึ้น งั้นมันก็ใกล้เคียงกับความเจ็บปวดจริงๆ น่ะสิ?

งั้นถ้าเกิดตายล่ะ…?

ทุกคนอดที่จะสั่นกลัวไม่ได้…

“เรื่องที่สาม ในโลกของเกม ตารางอันดับจะแสดงถึงความสามารถของคุณ และตารางระดับพลังแสดงถึงระดับพลังของคุณ ในเกมมีภารกิจต่างๆ ทำภารกิจบางอย่างสำเร็จคุณไม่เพียงแค่จะได้รับรางวัลประสบการณ์ แต่คุณยังได้รับรางวัลในชีวิตจริงด้วย”

“ตัวอย่างเช่น X ที่ได้รับรางวัลมากมาย”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนในที่เกิดเหตุตกตะลึงไปชั่วขณะ…

“X ได้รางวัลอะไร”

“X เป็นผู้ฝึกปราณเหมือนพวกเราจริงๆ สินะ”

เสียงถกเถียงเงียบลง

“ X เป็นผู้ฝึกปราณจริงๆ และเขาทำภารกิจในเกมสำเร็จจึงได้รับรางวัล หนึ่งล้านห้าแสนหยวน หากคุณทำได้ดีในเกม คุณก็จะได้รับเช่นกัน! หนึ่งล้านห้าแสนหยวนเชียวนะ!”

หวังห่าวกล่าวหลอกล่อ ทุกคนต่างถูกเงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนหยวนทำให้ตกตะลึง…

มากขนาดนี้?!

แต่ว่าตอนนี้พวกเขาสนใจอีกคำถามมากกว่า

“X มันเป็นใครกันแน่?”

เฉินเซียนเยว่ยกมือถาม

“ไม่ทราบ…” หวังห่าวเอ่ยตอบพลันสีหน้าเคร่งขรึมลง ขณะที่เอ่ยตอบ ก็จงใจเหลือบมองไปทางซูเย่

“ฟังกันให้ดี ฉันจะพูดต่อ…”

หวังห่าวกดความหม่นหมองใจลงไปพลางกล่าว “เรื่องที่สี่ หลังจากที่พวกคุณเข้าสู่เกม สิ่งที่คุณต้องเผชิญหน้าไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดในเกมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้เล่นทุกคนในเกมด้วย พวกคุณต้องแข่งขันกับพวกเขา!”

“รายละเอียดว่าแข่งขันอย่างไร เมื่อถึงเวลาก็จะทราบเอง”

“พยายามเข้าไว้”

เสียงประกาศเพิ่งจบลง

“พรึ่บ!”

มีเสียงดังขึ้นมา

หลอดไฟทั้งหมดในห้องฝึกก็ดับลงทันที

ภายในชั่วพริบตาห้องทั้งห้องก็ตกสู่ความมืดมิด มองไม่เห็นแม้แต่น้อย

“พลั่ก…พลั่ก…ปึก!”

เสียงคนปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้น เสียงดังมาจากด้านนอกห้องฝึก

สีหน้าหวังห่าวเปลี่ยนโดยทันที มีคนลอบโจมตีงั้นเหรอ?!

“ทุกคนหยุดอยู่ที่นี่ อย่าไปไหน!”

เขาตะโกนมาหนึ่งคำ เงาร่างของหวังห่าวก็กระโจนออกไปอย่างรวดเร็ว