ภาคที่ 1 บทที่ 198 มียอดฝีมือ...ระวัง!

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 198 มียอดฝีมือ…ระวัง!

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“ที่นี่ไม่ใช่สถานีตำรวจงั้นเหรอ?”

“ทำไมถึงยังมีคนกล้ามาหาเรื่องที่สถานีตำรวจได้?”

ในที่มืด ทุกคนล้วนวิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่ในคำพูดนั้นแทนที่จะตื่นตระหนก กลับกลายเป็นเจือไปด้วยความตื่นเต้นเสียมากกว่า…

ท่ามกลางฝูงชน ซูเย่ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย…

หลังจากซ้อมมาเสียนาน จะขอโชว์ฝีมือเล็กๆ น้อยๆ ได้ไหมนะ?

เขาคิดตามสัญชาตญาณว่านี่เป็นแผนของหวังห่าวที่จะทดสอบว่าเขาเป็น X หรือไม่ แต่หลังจากฟังอย่างพิจารณามาได้พักหนึ่ง ความรุนแรงของการต่อสู้ภายนอกไม่ใช่แค่แผนการอย่างแน่นอน…

มีคนมาลอบโจมตีจริงๆ!

เหตุการณ์น่าสงสัย ซูเย่หันศีรษะมองไปที่ประตู เขาได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ประตูห้องฝึกอย่างรวดเร็ว

วินาทีต่อมา…

“ปัง!”

เสียงดังสนั่น ประตูห้องฝึกถูกถีบออก

ยังคงไม่มีแสงสว่างใดๆ มีเงาดำร่างหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาในห้องฝึก ซึ่งยังไม่ทันได้ทำอะไร เขาก็ถูกซูเย่ถีบกระเด็นออกไป…

“ตึง!”

เสียงล้มลงอย่างหนัก ความสามารถแข็งแกร่งมาก!

“ความแข็งแกร่งพอๆ กับทีมห้าคนของหวังห่าว”

ซูเย่ตัดสินใจในตอนนี้ทันที…

“ตึก ตึก ตึก”

เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบก็ดังขึ้น

กลุ่มเงาดำพุ่งเข้ามา คิ้วของซูเย่ขมวดคิ้วทันที

หลังจากเลื่อนขั้นเข้าสู่ขั้นบรรลุแจ้ง และตั้งแต่มีนาสาสวรรค์คอยช่วยเหลือ ความเร็วต่อพลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก วินาทีที่คนกลุ่มนี้พุ่งเข้ามา ก็เกือบตัดสินความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ได้ทันที…

ทั้งหมดมีเก้าคน สามคนในนั้นเป็นยอดฝีมือระดับที่สามหนึ่งชีพจร และหนึ่งในนั้นอยู่ใกล้กับระดับที่สามสองเส้นชีพจร

ก่อนหน้านี้เคยอ่านข้อมูล เขารู้จักการแบ่งระดับผู้ฝึกยุทธ์สมัยใหม่แล้ว

ระดับทะลวงชีพจร ยุคนี้แบ่งเป็นสามระดับ ระดับสาม ระดับสี่ ระดับห้า

ระดับสามคือทะลวงเส้นลมปราณหยาง อันได้แก่ เส้นหยางมือสาม เส้นหยางเท้าสาม รวมหกเส้น

อีกหกคนที่เหลืออยู่ที่ความสารถประมาณระดับที่สองเปิดจุดลมปราณสามถึงสี่จุด

“ฆ่าทั้งหมด ห้ามเหลือแม้คนเดียว!”

ในเก้าคนนั้น ยอดฝีมือที่เข้าใกล้ระดับสามเปิดเส้นสองเป็นผู้ออกคำสั่ง

ในห้องซ้อม

เมื่อได้ยินคำบัญชาอันเย็นเยียบ ความตื่นเต้นในแววตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัยทุกคนก็จางหายไป ทั้งหมดเริ่มตื่นตระหนกทันที…

พวกเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ต้องเผชิญกับชีวิตและความตายเช่นนี้มาก่อน!

และทั้งห้องซ้อมก็มืดจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งนิ้วมือ พวกเขาเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเผชิญหน้ากับใครอยู่ และมันมีความสามารถแค่ไหน

ในสถานการณ์แบบนี้ ได้ยินว่ามีคนต้องการจะฆ่าพวกเขา จะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร?

แต่ในยามนี้…

ซูเย่เดินออกมาจากฝูงชนอย่างเงียบๆ ยืนอยู่ต่อหน้าเก้าคนนั้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม บดบังผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัยให้อยู่ข้างหลังเขา

คนอื่นไม่มีใครมองเห็นพวกมัน แต่เขากลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน…

ในสถานการณ์ที่เปิดใช้เนตรสวรรค์ เขาถึงขั้นมองเห็นการเคลื่อนไหวพลังปราณของคนพวกนั้น

“คนพวกนี้ไม่มีผู้ที่พวกนายจะประมือได้ ทุกคนถอยไปมุมข้างขวาของห้องซ้อม เร็วเข้า!”

ซูเย่ตะโกนมาทันที

จากแต่เดิมผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัยที่กำลังสับสน ก็เริ่มสงบลง

อย่างไรก็ดีเพราะเคยเข้าร่วมการต่อสู้จริงของเวทีประลองมาแล้ว ตายก็ตายไปหลายครั้งแล้ว เมื่อได้ยินเสียงซูเย่ ก็รีบปฏิบัติตามทันที

ทุกคนต่างถอยไปทางมุมขวาของห้องซ้อมตามตำแหน่งที่จำได้อย่างรวดเร็ว…

“หืม?”

หน้าประตูห้องซ้อม

หัวหน้าของเก้าคนประหลาดใจพลางกล่าว “มีหัวหน้าทีมด้วยหรือ?”

“อยากจะเด่นงั้นเหรอ? งั้นแกก็ไปตายก่อนเลย”

“ฆ่ามัน!”

เสียงสั่งดังขึ้น ในบรรดาเก้าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นักรบระดับสองและสามรูรับแสงได้พุ่งตรงไปยังฝูงชนหลังจากได้ยินเสียงตำแหน่งของเขา

“บูม!”

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

ขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับคนทั้งเก้า ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองเปิดจุดลมปราณสามจุด ระบุตำแหน่งโดยการฟังเสียง แล้วพุ่งการโจมตีมายังกลุ่มผู้คน

ซูเย่ออกกระบวนท่าด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่การโจมตีของคู่ต่อสู้จะมาถึง เขาก็ได้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามกระเด็นออกไป

อีกฝั่งหนึ่ง…

“หยุด!”

เมื่อสัมผัสได้ว่าฝ่ายตนถูกตีถอยร่นออกไป หัวหน้าคนทั้งเก้าก็ตะโกนขึ้นทันที บอกให้หยุดการโจมตีชั่วคราว

“มียอดฝีมืออยู่ ระวังตัวกันด้วย!”

หัวหน้ากล่าวอย่างเคร่งครึม แล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมออกกระบวนท่าโจมตีตลอดเวลา

นอกห้องฝึก

“พรึ่บ! ปึก! พลั่ก!”

เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เงาดำจำนวนมากกำลังต่อสู้กับหวังห่าวและคนอื่นๆ อย่างดุเดือด

ฝ่ายตรงข้ามมีคนเยอะ แต่หวังห่าวและคนอื่นๆ มีเพียงห้าคนเท่านั้น เขาถูกพวกมันเข้าไปยื้อยุด แล้วคนชุดดำอีกคนก็พุ่งตัวไปทางห้องฝึก

“ระวัง! เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นคนในห้องฝึก…!”

เมื่อเห็นเงาดำพุ่งไปทางห้องฝึก หวังห่าวก็ร้อนใจทันที

ในห้องฝึกนั้นเป็นนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกจากเวทีประลอง เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพรสวรรค์

ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ เบื้องบนระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องเพิ่มความพยายามในการฝึกอบรม! และเป็นผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นเสาหลักของประเทศในอนาคต!

เดิมที เขาคิดว่าเหตุผลที่คนชุดดำเหล่านี้ปรากฏขึ้น ควรจะมีเป้าหมายมาที่ทีมของเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ จะไม่ง่ายอย่างที่คิด

คนพวกนี้ต้องการฆ่าผู้ที่ถูกเลือกจริงๆ!

ไร้มนุษยธรรม!

ไม่เพียงแต่หวังห่าวเท่านั้น เซียวจวิ้น จูอวี้และคนอื่นๆ เองก็ตกใจเช่นกัน

คนชุดดำที่มาโจมตีอย่างกะทันหันเหล่านี้ ฝีมือล้วนแข็งแกร่ง

ด้วยความสามารถในปัจจุบันของพวกเขา ยั้งไว้ได้คนหนึ่งก็ถือว่าดีมากแล้ว ไม่สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือคนในห้องฝึกซ้อมได้เลย

หากตัดสินจากความสามารถ พลังต่อสู้ของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัยนั้นยังไม่ดีพอ เมื่อถูกคนชุดดำลอบโจมตี กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัยคงต้านรับไม่ไหว พวกเขาจะต้องถูกฆ่าตายกันหมดภายในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน…

“แม่งเอ้ย!”

หวังห่าวเริ่มคลั่ง

นี่คือถิ่นของเขา คนในห้องฝึกซ้อมล้วนแต่เป็นคนที่เขาเลือกมา เขาเฝ้าดูการเติบโตจากแรกเริ่มจนถึงปัจจุบันด้วยตาของตัวเอง เขาจะไม่ยอมให้คนพวกนี้ตายไปทั้งแบบนี้ในถิ่นของเขาแน่!

นอกจากว่า เขาตาย…!

“อ้าก…!! ไสหัวไปซะ!”

หวังห่าวที่คลุ้มคลั่งตวาดอย่างโกรธแค้น เขาไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง

จุดตาย…

ข้อต่อ…

สิ่งที่ซูเย่สอนมาเขางัดเอามาใช้หมด ล้มผู้ฝึกยุทธ์ไปได้สามคนติดกัน

แต่กลับถูกผู้ฝึกยุทธ์คนที่สี่ยื้อไว้ได้

“ไสหัวไป…!”

หมัดแลกหมัด

เขาฝืนใช้หน้าอกรับหมัดที่อีกฝ่ายต่อยมา ขณะเดียวกันหมัดของเขาก็ถูกยกขึ้น เหมือนกับค้อนขนาดใหญ่สองอัน พุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือดใส่คู่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง…

เขารู้ว่าตอนนี้เขาไม่มีทางทำอะไรได้อีกแล้ว โอกาสเดียวคือล้มคู่ต่อสู้คนนี้ให้ได้ แล้วรีบกลับเข้าไปในห้องฝึกเพื่อช่วยเหลือกลุ่มนักศึกษา

“ซูเย่…”

“คือนายใช่ไหม?”

“ต้องเป็นนายแน่ๆ X ก็คือนาย…”

หวังห่าวที่เริ่มคลุ้มคลั่ง ในสมองมีแต่ X

เขาแน่ใจว่า X จะต้องอยู่ในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยแน่นอน เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้…

เขาหวังเพียงแค่ซูเย่ก็คือ X

ความปรารถนาที่ไม่เคยมีมาก่อน…

เพราะขอแค่มี X อยู่ เด็กกลุ่มนั้นที่อยู่ในห้องฝึกก็จะไม่เป็นอันตราย

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…”

เซียวจวิ้น จูอวี้และคนอื่นๆ ในตอนที่กำลังปะทะกันอยู่ สบโอกาสกดเครื่องมือสื่อสารที่ข้อมือ ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

“แยกกันฆ่า รีบลงมือแล้วถอย!”

ในห้องฝึกที่มืดมิด คำพูดที่เย็นชาก็ดังขึ้น

คนที่เข้าโจมตีห้องฝึกเหลืออีกแปดคน ยอดฝีมือระดับสามเปิดเส้นลมปราณหนึ่งเส้นสามคนพุ่งเข้าหาซูเย่พร้อมๆ กัน เริ่มการปิดล้อมเพื่อโจมตี

คนที่เหลืออีกห้าคนที่อยู่ระดับสองจุดลมปราณสามถึงสี่จุด แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว มุ่งไปยังมุมต่างๆ เพื่อฆ่าเหล่านักศึกษาที่หลบอยู่ในมุมมืด

ซูเย่ขมวดคิ้วแน่น

สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างตึงมือ เขาหันศีรษะไปมองกลุ่มในมุมห้อง กล่าวสั่งทันที “ซุนชือและจินฟานไปทางขวา! เฉินเซียนเยว่อยู่ตรงกลาง ไป่จื่อหรานกับไป่จื่อเหยียนไปทางซ้าย คนอื่นๆ อยู่ชิดมุมเข้าไว้!”

“คนอื่นอย่าขยับ ระวัง!”

ซูเย่ตะโกนเสียงเย็น ตอนที่ทุกคนได้ยินเสียงของซูเย่ ก็รู้สึกว่าเสียงของเขาราวกับมีพลังวิเศษ ที่ทำให้ทุกคนทำตามโดยไม่รู้ตัว

“แม่งเอ้ย! ไฟสว่างเมื่อไหร่ ฉันจะทุบให้แหลกเลย!”

ซุนชือตะโกนอย่างโกรธจัด แล้วรีบขยับตามจินฟานไปทางขวาของกำแพงอย่างรวดเร็ว

ไป๋จื่อหรานและไป๋จื่อเหยียนจับมือกันและกัน เพื่อให้กำลังใจ ขณะเดียวกันก็ขยับกายไปทางซ้ายของกำแพงอย่างรวดเร็ว

เฉินเซียนเยว่ยืนอยู่ตรงกลางด้านหน้าพวกเขาเพียงคนเดียว

ทุกคนอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมรับการโจมตี…

เงาร่างของซูเย่ขยับหลบการโจมตีของคนสามคน และมาที่มุมซ้ายของห้องฝึก ที่สามารถมองเห็นสถานการณ์ทั้งหมดได้

ในยามนี้ ชายชุดดำระดับสองห้าคนกระโจนไปยังกลุ่มคนด้านหน้า

“ซุนชือ จินฟาน ทิศสามนาฬิกา ก้าวขาปล่อยหมัดตรง”

น้ำเสียงเย็นเยียบของซูเย่ดังขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของซูเย่ ซุนชือและจินฟานไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย พวกก้าวขาไปทางสามนาฬิกาและออกหมัดพร้อมกันทันที ทั้งสองคนปล่อยพลังปราณออกมาด้วย ไม่ว่าจะระดับความเร็วหรือระดับความรุนแรงของการระเบิดพลังล้วนแข็งแกร่งมาก

“พลั่ก!”

เสียงกระทบดังขึ้น…

หมัดของซุนชือและจินฟาน ปะทะเข้ากับร่างของชายชุดดำอย่างแรง

พลังของคนคนเดียวไม่พอ แต่พลังของสองคนที่ผนึกรวมกันปล่อยออกมา ก็สามารถทำให้เงาร่างดำที่อยู่ระดับสองเปิดสี่จุดลมปราณถอยร่นไปได้หลายก้าว

ซุนชือและจินฟานตื่นเต้นขึ้นมาทันที ต่อยโดนจริงๆ ด้วย!

ทั้งสามคนอยู่ในสภาวะตื่นตัว

“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ…”

สามคนปิดล้อมและโจมตีซูเย่อีกครั้ง

“พลั่ก! พลั่ก!”

ซูเย่ก้าวถอย เปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองอย่างคล่องแคล่วไม่หยุด ขณะที่หลบการโจมตีของทั้งสามคน ซูเย่ยังแบ่งจิตไปสนใจสถานการณ์ที่มุมห้อง

ในยามนี้

เมื่อคนหนึ่งถูกตีถอยร่นไป อีกสี่คนก็ได้พุ่งเข้าโจมตีจากด้านหน้า และหนึ่งในนั้นก็มาหาเฉินเซียนเยว่ และพี่น้องไป๋…

“เฉินเซียนเยว่ ทางสิบเอ็ดนาฬิกา ก้าวไปข้างหน้า!”

เสียงของซูเย่ดังขึ้นอีกครั้ง เฉินเซียนเยว่ทำตามทันที

ซึ่งทันทีที่เขาเคลื่อนไหว ก็รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่ด้านข้างของเขาวูบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นการหลบการโจมตีของศัตรู เขากัดฟัน เหวี่ยงแขนออกไปอย่างแรง

“พลั่ก!”

ราวกับแส้เหล็ก หวดโดนด้านข้างของหนึ่งในคนที่เข้ามาโจมตีอย่างแรง และพลังมหาศาลนั้นก็เหวี่ยงคนๆ นั้นกระเด็นออกไป…

“เฉินเซียนเยว่ ทางหนึ่งนาฬิกา เตะไปข้างหลัง!”

“ไป๋จื่อหราน ไป๋จื่อเหยียน เตะข้างไปที่ด้านหน้า…”

เฉินเซียนเยว่ออกกระบวนท่าทันทีและเตะอีกคนกระเด็นออกไป

พี่น้องไป่ซึ่งสัมผัสได้ถึงเงาร่างตรงหน้าแล้ว ได้ยินเสียงตะโกนของซูเย่ พวกเธอก็ทำตามทันที

“พลั่ก!”

ทั้งสองก้าวขาเตะข้างไปพร้อมกัน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอยออกไป

ฝั่งของซุนชือและจินฟาน อีกคนหนึ่งรีบเข้ามาเสริมกำลังให้กับคนที่ถูกตีจนล่าถอยไป และหันกายไปปะทะกับซุนชือและจินฟานอย่างรวดเร็ว

“จินฟาน ปล่อยหมัดไปทิศเก้านาฬิกา!”