เล่ม 1 ตอนที่ 221 การดูแคลนจากตระกูลหั่ว

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ในเมื่อเจ้าอ้วนชวีรับปากไปแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงมิอาจพูดอะไรได้อีก ได้แต่เดินตามพวกเขาขึ้นไปด้านบนด้วยกัน

เสี่ยวเอ้อร์พาพวกเขาไปยังห้องส่วนตัวที่มีขนาดใหญ่มากห้องหนึ่ง นั่งได้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน

“นั่งสิ” ซือหม่าโยวหยางเรียกให้ทุกคนนั่งลง หลังจากนั้นจึงแนะนำตัวกัน “ท่านนี้คือหั่วจือเหยียนแห่งตระกูลหั่ว นี่คือหั่วจือเจียว น้องสาวของเขา ส่วนสองคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า ซือหม่าโยวเจ๋อ และซือหม่าโยวอี ส่วนคนเหล่านี้คือซีเหมินเย่ว์ เว่ยจือฉี โอวหยางเฟย เจ้าอ้วน และเป่ยกงถัง ส่วนเจ้าเด็กน้อยนี่ชื่อถูถู เอ้อ… แล้วพี่ไก่ฟ้าเล่า”

“เขามีธุระต้องไปทำสักสองสามวันน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าให้คนเหล่านั้นแล้วเอ่ยตอบ

หั่วจือเหยียนสนทนาโต้ตอบอยู่ครู่หนึ่ง คนอื่นๆ ก็ไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเสียแล้ว

หั่วจือเจียวเบ้ปากอย่างไม่พอใจแล้วเอ่ยว่า “พี่โยวหยาง เหตุใดท่านจึงเที่ยวเชิญใครต่อใครมากันหมดเลยเล่า ทำเอาห้องส่วนตัวเล็กไปถนัดตาเลย”

เมื่อเอ่ยวาจานี้ออกมา บรรยากาศภายในห้องก็ผิดแปลกไปในทันที เดิมทีซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่อยากมาร่วมกับพวกเขาสักเท่าไร่อยู่แล้ว เมื่อได้ยินวาจานี้ก็ยิ่งไม่สบายใจ จึงยืนขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ข้าว่าพวกเราไปนั่งข้างนอกกันดีกว่า ขอบคุณคุณชายซือหม่ามากที่หวังดี”

“เฮ้ๆๆ ไม่เอาน่า ไหนๆ ก็มากันแล้ว จะไปไหนกันเล่า!” ซือหม่าโยวฉิงเอ่ยปรามเธอ

หั่วจือเหยียนถลึงตาใส่หั่วจือเจียวคราหนึ่ง หลังจากนั้นจึงประสานมือคำนับพวกซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “น้องเล็กเย่อหยิ่งเสียจนเคยตัว หวังว่าคุณชายซีเหมินจะไม่ถือสาที่ล่วงเกิน”

เมื่อเห็นผู้อื่นพูดเช่นนี้แล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงไม่พูดอะไรอีกแล้วนั่งลงตามเดิม

“หั่วจือเหยียน เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูเสียเหลือเกิน” เจ้าอ้วนชวีพูด

“ไม่รู้จักแม้กระทั่งพี่ชายข้า ช่างบ้านนอกเสียจริง!” หั่วจือเจียวมองเจ้าอ้วนชวีอย่างดูแคลนปราดหนึ่ง

“หั่วจือเหยียนคือผู้มีพรสวรรค์แห่งตระกูลหั่วที่มีชื่อเสียงพอๆ กับพี่โยวหลิน เป็นหนึ่งในสี่ตัวฉกาจอย่างไรเล่า” ซือหม่าโยวฉิงพูด

“ถูกต้อง ข้านึกออกแล้ว คราวก่อนพวกเราเคยได้ยินคนพูดถึงมาก่อนเช่นกัน” เจ้าอ้วนชวีพูดอย่างนึกขึ้นได้ มิได้ใส่ใจคำพูดของหั่วจือเจียวเลย

ซือหม่าโยวอีและซือหม่าโยวเจ๋อต่างชื่นชอบหั่วจือเจียวกันเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้เมื่อเห็นว่านางไม่ชอบพวกซือหม่าโยวเย่ว์ ก็ย่อมไม่อยากเห็นหน้าพวกเขาไปด้วยเช่นกัน

ซือหม่าโยวอีเอ่ยปากถามว่า “แม้กระทั่งผู้มีพรสวรรค์แห่งตระกูลหั่วก็ยังไม่รู้จัก พวกเจ้ามาจากที่ไหนกันหรือ แล้วมารู้จักกับพวกพี่ชายข้าได้อย่างไร”

ในน้ำเสียงแฝงแววดูแคลนเอาไว้ด้วย เพราะมั่นใจว่าพวกเขาต้องมาจากสถานที่เล็กจ้อยอย่างแน่นอน

“พวกเรามาจากอาณาจักรอื่นน่ะ” เว่ยจือฉีพูด “รู้จักกับเขาตอนอยู่ที่ค่ายกลนำส่งของเมืองหลินชวน”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าว่าแล้วเชียวว่าพวกเจ้าจะมารู้จักกับคนของตระกูลซือหม่าได้อย่างไรกัน!” หั่วจือเจียวพูด

คนเหล่านี้ใช้วาจาเหน็บแนมพวกซือหม่าโยวเย่ว์ครั้งแล้วครั้งเล่า จนทุกคนโมโหอยู่บ้าง แต่มิได้พุ่งเข้าใส่เพราะเห็นแก่หน้าซือหม่าโยวฉิงและซือหม่าโยวหยาง

เสี่ยวถูนั่งอยู่ระหว่างซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถัง เขายื่นมือมาตบบ่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “พี่ชายอย่าโกรธเลยนะ ท่านเคยบอกว่าสุนัขกัดท่านทีหนึ่ง แต่ท่านย่อมมิอาจกัดสุนัขทีหนึ่งได้”

“พรืด…”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวถู ทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมา นี่มิได้เท่ากับด่าคนเหล่านั้นว่าเป็นสุนัขหรอกหรือ!

“เจ้าเด็กบ้า หมายความว่าอย่างไรกัน” หั่วจือเจียวฟาดโต๊ะฉาดใหญ่แล้วตะคอกใส่เสี่ยวถู

เสี่ยวถูไม่กลัวนางเลย เขาเหลือบมองนางแล้วเอ่ยว่า “ข้ามิได้บอกว่าเป็นท่านสักหน่อย แล้วท่านจะโมโหถึงเพียงนี้ทำไมกัน หรือพี่สาวคิดว่าท่านเป็นเช่นนั้นกันเล่า”

“เจ้าเด็กนรก วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนบิดามารดาเจ้าเอง!” ซือหม่าโยวเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างซือหม่าโยวเย่ว์รีบถลามาจะตีเสี่ยวถู แต่กลับถูกซือหม่าโยวเย่ว์คว้ามือเอาไว้

“น้องชายข้า จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างเจ้ามาสั่งสอนด้วยหรือ!” พอพูดจบเธอก็ออกแรงดึง ซือหม่าโยวเจ๋อถูกเธอลากจากที่นั่งลงไปบนพื้น

“โยวเจ๋อ เจ้าจะตีเสี่ยวถูได้อย่างไรกัน!” ซือหม่าโยวฉิงยืนขึ้นเอ่ยเสียงดุ

ซือหม่าโยวเจ๋อตะกายลุกขึ้นมาจากพื้นพลางถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์อย่างชิงชังแล้วเอ่ยว่า “เจ้าถึงกับกล้าทำร้ายข้าเลยหรือ คนบ้านนอกที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างเจ้าถึงกับกล้าทำร้ายข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลซือหม่าของข้าเป็นใคร”

ซือหม่าโยวเย่ว์ชายตามอง หลังจากนั้นจึงพูดกับซือหม่าโยวหยางว่า “ดูเหมือนว่าคนตระกูลซือหม่าจะมิได้เหมือนกับพวกเจ้ากันทั้งหมด พวกเราออกไปกินข้างนอกกันดีกว่า ขอตัวก่อนนะ”

พอพูดจบ แต่ละคนก็ลุกขึ้นออกไปโดยไม่รอให้เขาเอ่ยตอบ

“ทำร้ายข้าแล้วคิดหนีอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเจ๋อคว้าจับไปทางพวกเขา แต่กลับถูกโอวหยางเฟยคว้าตัวเอาไว้

“โอ๊ย…”

โอวหยางเฟยออกแรง ทำให้เขาเจ็บจนร้องเสียงดังลั่น

โอวหยางเฟยมิได้เอ่ยวาจา แววอาฆาตในดวงตาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นจึงปล่อยเขาแล้วเดินตามพวกเขาออกไป

“พอได้แล้ว!” ซือหม่าโยวหยางเห็นซือหม่าโยวเจ๋อยังคิดจะออกไป จึงตะโกนดุเสียงดังว่า “พวกเขาเป็นสหายของข้า เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้ากัน!”

“ข้า…” ซือหม่าโยวเจ๋อกุมแขนอย่างไม่พอใจ

“ข้าจะออกไปกินกับพวกเขา” ซือหม่าโยวฉิงพูดจบแล้วออกไปจากห้องส่วนตัว เมื่อเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์อยู่ชั้นล่างจึงเดินลงไปแล้วมานั่งลงที่โต๊ะของพวกเขา

“เมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ ยามปกติพวกโยวเจ๋อทำตัวเผด็จการจนเคยตัวเสียแล้ว”

พวกซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวฉิงจะถึงกับลงมาขอโทษ ความไม่พอใจที่มีต่อตระกูลซือหม่าจึงบรรเทาลงไปพอสมควร

“โยวฉิง เจ้าอยู่ร่วมกับเจ้านั่นได้อย่างไรน่ะ” เจ้าอ้วนชวีถามอย่างตรงไปตรงมา

“ข้าเองก็ไม่ชอบพวกเขาเช่นกัน” ซือหม่าโยวฉิงพูด “แต่ตระกูลหั่วเป็นแขกมาเยือน ย่อมต้องมีคนคอยดูแล เดิมทีให้ข้ากับโยวหยางพาพวกเขาไปเที่ยวเล่น แต่สองคนนั้นชอบพอหั่วจือเจียว จึงอยากตามมาด้วยน่ะ”

“เป็นคนบ้านเดียวกันแท้ๆ เหตุใดอุปนิสัยของพวกเจ้าถึงได้แตกต่างกันมากมายเช่นนี้เล่า”

“พวกเขาเป็นสายเลือดของท่านทวดสาม คนทางสายตระกูลนั้นล้วนเป็นเช่นนี้กันหมด ข้าเองก็ทะเลาะกับพวกเขาอยู่บ่อยๆ” ซือหม่าโยวฉิงบ่น

ซือหม่าโยวเย่ว์ใจสั่นขึ้นมาในทันทีแล้วถามว่า “ข้าเคยได้ยินชื่อซือหม่าข่ายและซือหม่าเค่อมาก่อน พวกเขาเป็นสายตระกูลไหนหรือ”

“พวกท่านปู่สามล้วนเป็นลูกของท่านทวดสามกันทั้งสิ้น” ซือหม่าโยวฉิงพูด “แต่เมื่อสามปีก่อนท่านปู่สามออกไป พอกลับมาก็ตายเสียแล้ว”

“มิน่าเล่า…”

มิน่าเล่าอุปนิสัยของทั้งคู่ถึงได้ย่ำแย่นัก!

พวกซือหม่าโยวเย่ว์สั่งอาหาร เมื่อเห็นรายการอาหาร เธอจึงค่อยเข้าใจว่าเหตุใดเจ้าอ้วนชวีจึงให้เธอเลี้ยง เพราะอาหารเหล่านี้มีราคากว่าพันตำลึงทองเลยน่ะสิ!

แต่หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ซือหม่าโยวฉิงกลับต้องการจะจ่าย บอกว่าเป็นการขอโทษพวกเขาเรื่องเมื่อครู่ พวกเขามิอาจขัดได้ จึงยอมทำตามนาง

“โยวเย่ว์ บ่ายนี้พวกเจ้าอยากทำอะไรกันหรือ” พอออกมาจากหอจันทราเมามายแล้ว ซือหม่าโยวฉิงจึงถามขึ้น

“พวกเราอยากไปดูที่หอเซวียนหยวนกันสักหน่อยน่ะ” เว่ยจือฉีพูด

“ข้าเองก็มิได้ไปมานานแล้วเหมือนกัน พวกเราไปพร้อมกันเลยดีกว่านะ” ซือหม่าโยวฉิงเอ่ย

พวกเขาตรงไปยังหอเซวียนหยวนซึ่งเปิดทำการแล้วในขณะนี้

พนักงานเห็นซือหม่าโยวฉิง จึงเอ่ยเรียกอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณหนูโยวฉิงมาแล้ว”

“ระยะนี้พวกเจ้ามีของดีอันใดมาบ้างหรือไม่เล่า” ซือหม่าโยวฉิงถาม

“มีขอรับ จะต้องมีสิ่งที่คุณหนูโยวฉิงชอบอย่างแน่นอนขอรับ” พนักงานพูด

“โยวเย่ว์ พวกเจ้าอยากไปดูกับข้าด้วยหรือไม่เล่า” ซือหม่าโยวฉิงถาม

“ไม่แล้วดีกว่า พวกเราอยากไปเดินเล่นน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“เช่นนั้นก็ได้ หากพวกเจ้าเดินดูกันเสร็จแล้วข้ายังไม่ออกมา พวกเจ้าก็รอข้าสักประเดี๋ยวนะ”

“ได้”

………………………………………….