ตอนที่ 840 ระหว่างพี่น้องสองคน ใครเป็นหัวขโมยกันแน่

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

[อย่างนั้นระหว่างพี่น้องสองคน ใครเป็นหัวขโมยกันแน่]

 

 

[ตามที่หลินเฉี่ยนบอก หลี่ชั่นแย่งรางวัลของพี่สาวของตัวเองมาเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องไม่สบายใจที่เห็นพี่สาวของเธอเข้าประกวดรายการอื่นแน่ เธอเลยแฉเรื่องในอดีตของพี่สาวตัวเองให้ทุกคนรู้อีกครั้ง เธอยังมีหน้ามาทำตัวใจกว้างได้ยังไงกัน ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง อย่างนั้นหลี่ชั่นก็โหดร้ายและน่ากลัวเกินไปแล้ว]

 

 

[ทุกคนก็เห็นกันชัดๆ ว่าหลี่ซินมีความสามารถ เธอไม่เคยตั้งใจจะขโมยเลย ในฐานะแฟนคนหนึ่งที่ดูการประกวดเมื่อสามปีก่อน นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกจากใจจริง]

 

 

[ไหนหลักฐานล่ะ มีใครมีหลักฐานมายืนยันหรือเปล่า]

 

 

[ฉันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด หลี่ซินดูน่าสงสารมากกว่าอีกนะ]

 

 

คนที่ตกเป็นรองมักได้รับความเห็นอกเห็นใจเสมอ

 

 

หลี่ชั่นนึกไม่ถึงว่าหลินเฉี่ยนจะประกาศต่อสาธารณชนออกมาเช่นนี้ เธอกัดฟันกรอดด้วยความโกรธในขณะที่เธอคอยดูความคิดเห็นของผู้คนในโลกออนไลน์

 

 

“ฉันบอกเธอแล้วว่าเธอเอาตัวเองไปเสี่ยงเพียงเพื่อทำร้ายศัตรู แต่เธอก็ไม่ฟังฉัน ดูท่าตอนนี้เธอจะหาเรื่องให้ตัวเองเข้าแล้วล่ะ พอใจหรือยังล่ะ” ผู้จัดการของหลี่ชั่นถามขึ้นข้างหูเธอ “ทางเลือกเดียวของเธอตอนนี้คือหาหลักฐานและจ่ายเงินซื้อความคิดเห็นปลอม …ที่เธอไม่ควรต้องทำตั้งแต่ทีแรกยังไงล่ะ”

 

 

“ฉันปล่อยให้นังนั่นแจ้งเกิดไม่ได้ สนใจเรื่องของตัวเองไปเถอะน่า” หลี่ชั่นเอ่ยขึ้นเสียง “แค่เธอไม่ช่วยฉันก็แย่พออยู่แล้ว เลิกพูดไร้สาระใส่หูและทำให้ฉันหงุดหงิดเสียที”

 

 

“อย่างนั้นฉันต้องขอตัวแล้วกัน” อีกฝ่ายว่าขึ้นด้วยความโกรธขณะออกจากห้องพักของหลี่ชั่นไป

 

 

หลี่ชั่นรู้ว่าโมโหไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อสามปีก่อนเธอเป็นคนที่ใส่ความหลี่ซินและใส่ของที่ถูกขโมยในกระเป๋าของอีกฝ่าย เมื่อเรื่องนี้ถูกรู้เข้าหลี่ซินก็พูดอะไรไม่ออก ตราบใดที่หลี่ชั่นเก็บความจริงนี้ไว้ หลี่ซินก็ไม่มีทางมีโอกาสแก้ตัวใดๆ

 

 

ดังนั้นเธอจึงออกมาชี้แจงเรื่องนี้กับสาธารณชนด้วยตัวเอง “ถ้าย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์นั้น ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดเป็นพยานได้ว่าฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องใส่ความพี่สาวตัวเองเลย ฉันเองก็ยังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เราเจอของที่ถูกขโมยไปในกระเป๋าของเธอจริงๆ ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นพยานได้ค่ะ”

 

 

ทันทีที่คำชี้แจงของหลี่ชั่นถูกปล่อยออกมา หลินเฉี่ยนก็ตอบโต้กลับทันที

 

 

“ซิงหลานกับหลี่ชั่นเป็นฝาแฝดกัน หน้าตาพวกเธอจึงเหมือนกัน ถ้าหลี่ชั่นขโมยบางอย่างไปและใส่ลงในกระเป๋าของพี่สาว คงไม่มีใครทันสังเกตแน่ ยังไงคนภายนอกคนไหนก็แยกความแตกต่างระหว่างพวกเธอไม่ออกอยู่แล้ว เธอคิดว่ายังไงล่ะ หลี่ชั่น”

 

 

“นังบ้าเอ๊ย!” หลี่ชั่นเขวี้ยงแท็บเล็ตลงบนพื้นด้วยความโกรธหลังจากเห็นการตอกกลับของหลินเฉี่ยน

 

 

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนบนโลกออนไลน์ที่ให้การสนับสนุนหลินเฉี่ยนและซิงหลานอยู่ด้วย

 

 

 

 

[เมื่อสามปีก่อนฉันแข่งกับหลี่ซิน เธอเป็นคนดีที่ไม่เคยขโมยของคนอื่นเลย ในขณะเดียวกันหลี่ชั่นกลับทำตัวหวงของ ทะเยอทะยาน และไม่น่าคบหาสักนิด]

 

 

[ยังไงก็เถอะ ฉันจะเชื่อคนที่มีหลักฐานเท่านั้น]

 

 

[ฉันอยู่ข้างหลี่ซิน!]

 

 

[ฉันอยู่ข้างน้องสาว!]

 

 

 

 

ทั้งอินเทอร์เน็ตต่างถกเถียงเรื่องพี่น้องสองคนและคนที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นขโมยตัวจริง เหมือนกับเป็นประเด็นที่ร้อนแรงเสียเหลือเกิน

 

 

คนหนึ่งเป็นราชินีเพลงบัลลาดอันเป็นที่รัก ในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นคนที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องหน้าใหม่ หญิงสาวทั้งสองคนเป็นฝาแฝดและต่างฝ่ายก็มีเหตุผลให้ชวนเชื่อ แม้ว่าของที่ถูกขโมยไปจะถูกพบในกระเป๋าของซิงหลาน แต่ความคลุมเครือคือความจริงที่ว่าพี่น้องทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ!

 

 

หากคนหนึ่งใส่ความอีกคนหนึ่ง มันก็จะมากเกินไปแล้ว

 

 

หลี่ชั่นรู้ว่ามันยากที่จะเอาชนะความเห็นของสาธารณชนด้วยการอ้างของเธอเพียงฝ่ายเดียว เธอจึงต้องเรียกกำลังเสริม!

 

 

พ่อแม่ของเธอ!

 

 

ข่าวที่หลี่ซินเป็นหัวขโมยเป็นเรื่องใหญ่และจะทำลายศักดิ์ศรีของตระกูลหลี่ เธออยากจะรู้นักว่าพ่อแม่ของเธอวางแผนจะจัดการกับนังนั่นอย่างไร

 

 

คิดได้ดังนั้น หลี่ชั่นก็ต่อสายหาพ่อแม่ของเธออย่างมุ่งมั่น

 

 

เมื่อคุณพ่อหลี่เห็นว่าเป็นสายจากหลี่ชั่น เขาปฏิเสธที่จะรับสายและส่งให้กับคุณนายหลี่แทน

 

 

แม้ว่าคุณนายหลี่จะไม่อยากสนใจลูกสาวที่น่ารังเกียจ แต่เธอก็ไม่อาจทำลายแผนของหลงเจี่ย จึงกดรับสายอย่างเสียไม่ได้ “ชั่นเอ๋อร์”

 

 

“แม่คะ เห็นที่เขาว่ากันในอินเทอร์เน็ตหรือยังคะ หลี่ซินเป็นหัวขโมยชัดๆ เธอยังหาว่าหนูไปใส่ร้ายเธออีก แม่ต้องทวงความยุติธรรมให้หนูนะคะ” หลี่ชั่นแสร้งทำเป็นขอร้องให้แม่สงสารเธอ

 

 

“ว่าแต่… อยู่ๆ เรื่องนี้ถูกเปิดเผยได้ยังไงกันล่ะ” คุณนายหลี่เอ่ยถาม

 

 

หลี่ชั่นนิ่งค้างไป

 

 

“หนูไม่แน่ใจค่ะแม่ หนูยังไม่มีเวลาติดต่อทางผู้จัดงานเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน บางทีอาจมีบางคนจำหลี่ซินได้ก็ได้ค่ะ” หลี่ชั่นโกหก “อีกอย่าง แม่คะ นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักตอนนี้นะคะ ประเด็นคือ..พี่ใส่ร้ายฉันต่างหาก แม่น่าจะช่วยทวงความเป็นธรรมให้ฉันนะคะ”

 

 

“แล้วอยากให้แม่ช่วยยังไงล่ะ” ปลายสายถามขึ้น

 

 

“แม่ก็รู้ว่าของที่ถูกขโมยไปถูกเจอในกระเป๋าของหลี่ซิน แค่บอกสิ่งที่แม่รู้กับสื่อก็พอค่ะ ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราจบเห่แน่ค่ะ”

 

 

“เอเจนซี่ของฉันนัดสัมภาษณ์เพื่อชี้แจงเรื่องนี้ไว้แล้ว พอถึงเวลา พ่อกับแม่ก็จะได้รับเชิญค่ะ หนูหวังว่าแม่จะช่วยหนูนะคะ” หลี่ชั่นว่าขึ้น

 

 

“โอเค” คุณนายหลี่ตอบรับทันที

 

 

“หนูรู้ว่าแม่ดูแลหนูดีมาตลอดนะคะ เดี๋ยวหนูจะโทรไปหาอีกทีค่ะ”

 

 

หลี่ชั่นคงกลายเป็นบ้าจากความกระหายชัยชนะไปแล้ว เธอถึงทำเหมือนทุกคนเป็นคนโง่แบบนี้

 

 

คุณพ่อหลี่นั่งอยู่ข้างๆ รับรู้บทสนทนาทั้งหมดระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน หลังจากคุณนายหลี่วางสาย เขาก็สบถออกมาอย่างเย็นชา “เธอยังคิดจะให้ฉันช่วยเธออีกเหรอ”

 

 

“ตาเฒ่า เราจำเป็นต้องออกมาพูดนะ แต่ว่า…” ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะออกมาพูดเพื่อใคร

 

 

หลี่ชั่นไม่รู้ตัว เธอยังหวังใช้พ่อแม่ของตัวเองด้วยซ้ำ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเธอหลอกใช้พวกเขามาหลายปีแล้วต่างหาก

 

 

อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดฝันว่าในครั้งนี้พ่อแม่ของตัวเองจะไม่ใช่คนที่ถูกหลอกง่ายๆ อีกแล้ว

 

 

“ด้วยความช่วยเหลือจากพ่อกับแม่ มาดูกันว่าเธอจะยังรอดไปได้!”

 

 

หลี่ชั่นมั่นใจเสียเต็มประดาในขณะที่โทรหาผู้จัดการของเธอ แม้ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันเล็กน้อยด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่พวกเธอก็ยังอยู่ฝ่ายเดียวกัน หากคนหนึ่งล้ม อีกคนก็จะตกต่ำตามกันไปด้วย พวกเธอจึงยังจำเป็นต้องตกลงทำการใหญ่ด้วยกัน

 

 

“ฉันขอให้พ่อแม้แก้ต่างให้ฉันแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอมีหน้าที่นัดสัมภาษณ์ให้ฉัน”

 

 

“ฉันหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายนะ” หลังปลายสายพูดจบเธอก็วางสายอย่างไม่คิด เธอเหนื่อยใจเหลือเกิน หลี่ชั่นไม่เคยฟังเธอเลย

 

 

 

 

ไม่นานหลังจากนั้นหลงเจี่ยได้ข่าวจากผู้อาวุโสหลี่ว่าหลี่ชั่นยอมให้การสัมภาษณ์

 

 

นั่นหมายความว่าเกมกำลังถึงจุดสำคัญแล้ว

 

 

หลี่ชั่นนึกไม่ถึงว่าการเชิญพ่อแม่ของตัวเองมาแก้ต่างให้เธอจะกลายเป็นการตัดสินใจที่พลาดที่สุดในชีวิตเธอ ในเวลาเช่นนี้ไม่มีใครอยากจะช่วยเธออีกแล้ว

 

 

ระหว่างพี่น้องสองคน ใครเป็นหัวขโมยกันแน่ บางทีทั้งปักกิ่งอาจจะอยากรู้คำตอบ ดังนั้นหลี่ชั่นจึงปล่อยคำชี้แจงที่เธอจะใช้เป็นหลักฐานกับทุกๆ คน

 

 

ว่าแต่แล้วซิงหลานล่ะ

 

 

“ความร้อนแรงของประเด็นระหว่างพี่น้องสองคนนี้ไม่น้อยไปกว่าเรื่องระหว่างถังหนิงกับถังเซวียนเมื่อก่อนเลย”