ตอนที่ 841 ลูกสาวของฉันไม่ใช่ขโมย

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

โชคชะตาของศิลปินขึ้นอยู่กับเอเจนซี่ของพวกเขา

 

 

แม้ว่าหลี่ชั่นจะไม่ได้อยู่ในเอเจนซี่ที่ใหญ่นัก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เข้ามาช่วยเหลือเธอในยามที่ต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับข่าวฉาว แล้วซิงหลานล่ะ

 

 

มีข่าวลือว่าซิงหลานเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ชื่อว่าจู้ซิงมีเดีย ทว่าทั้งคนในและนอกวงการกลับไปไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พวกเขารู้เพียงว่ามีศิลปินคนอื่นที่เซ็นสัญญากับเอเจนซี่เดียวกันนี้ ศิลปินที่เป็นนักแสดงสมทบของละครเรื่องดังก่อนหน้านี้ ระวังให้ดี จอมปีศาจกำลังมา ลัวเซิงนั่นเอง

 

 

“ดูเหมือนซิงหลานจะเทียบไม่ได้เลยนะ เอเจนซี่อื่นกำลังตามเล่นงานเธออยู่”

 

 

“มันไม่ง่ายที่สังกัดเล็กๆ หน้าใหม่จะผ่านเรื่องนี้ไปได้เลยนะ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่หลี่ซินจะพลิกกระดานขึ้นมาได้”

 

 

ไม่มีใครคาดหวังกับจู้ซิงมีเดีย ตั้งแต่เรื่องของซิงหลานเผยออกมา หลินเฉี่ยนเพียงแค่ออกมาชี้แจงไม่กี่คำ และก็ไม่มีใครได้ยินอะไรจากเอเจนซี่นี้อีก

 

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าเอเจนซี่ได้แอบทำทุกอย่างเบื้องหลังเท่าที่ทำได้เรียบร้อยแล้ว

 

 

ในขณะที่หลี่ชั่นเตรียมจะโต้ตอบ กลับไม่มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งของซิงหลาน ทว่าเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ทั้งหมดที่หลงเจี่ยต้องทำคือการพาผู้สูงวัยทั้งสองไปเดินเล่นชมเมืองก่อนวันสัมภาษณ์เท่านั้น เพื่อให้พวกเขาได้เลือกบ้านหรูในปักกิ่ง

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทุกคำใส่ร้ายที่หลี่ชั่นกล่าวหาคุณวันนี้จะถูกฝังลืมไปพร้อมกับเธอในหลุมที่เธอขุดไว้เองค่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยปลอบ “คุณจะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์แน่นอนค่ะ”

 

 

ซิงหลานพยักหน้ารับ อย่างไรก็ตามในฐานะที่เธอเป็นตัวต้นเรื่อง เธอจึงวิตกมากกว่าคนอื่นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้

 

 

 

 

“เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เข้าแข่งขันการประกวดร้องเพลง ซิงหลาน และน้องสาวของเธอ นักร้องชื่อดัง หลี่ชั่น ได้มีประเด็นความขัดแย้งด้วยการกล่าวหากันและกันว่าเป็นหัวขโมย ในวันนี้ หลี่ชั่นจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองโดยเปิดเผยหลักฐานของเธอที่โรงแรมห้าดาวชื่อดัง ถ้าคุณอยากรู้ความจริง ติดตามไปกับรายงานของผู้สื่อข่าวของเราถึงคำพูดที่หลี่ชั่นกำลังจะแถลงได้เลยค่ะ…”

 

 

สิบสามนาฬิกาตรง หลี่ชั่นปรากฏตัวอย่างเปล่งประกายต่อหน้าทุกคน พร้อมด้วยผู้จัดการ ผู้ช่วย และพ่อแม่ของเธอ

 

 

สื่อมวลชนตกอยู่ในอาการตกตะลึง หมายความว่าพ่อแม่วางแผนที่จะอยู่ข้างลูกสาวคนเล็กหรือ

 

 

หากคนเป็นพ่อแม่ออกมาต่อต้านลูกสาวคนโต อย่างนั้นก็เห็นได้ชัดแล้วว่าซิงหลานเป็นฝ่ายโกหกไม่ใช่หรือ

 

 

นี่เป็นการสันนิษฐานของสื่อ อันที่จริงพวกเขากำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

 

 

สำหรับพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะถูกกำหนดไว้แล้วก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นเสียอีก

 

 

 

 

การสัมภาษณ์ถูกถ่ายทอดสดตามคำขอของหลี่ชั่น เธอต้องการใช้ช่องทางตรงที่สุดเพื่อบอกซิงหลานว่าเจ้าตัวไม่มีโอกาสที่จะชนะได้

 

 

ไม่นานไมโครโฟนทุกตัวของผู้สื่อข่าวก็จ่อไปทางหลี่ชั่น ในขณะที่มองไปที่พวกเขาเธอก็เริ่มสะอึกสะอื้น

 

 

“ตลอดสองวันมานี้ฉันแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยค่ะ

 

 

“ทีแรกฉันเป็นห่วงพี่สาว แต่ภายหลังเพราะความโกรธ ฉันเลยไม่มีทางเลือกนอกจากมานั่งตรงนี้และเปิดเผยความจริงให้ทุกคนทราบค่ะ…

 

 

“ตั้งแต่เรายังเด็ก ฉันกับพี่สาวมีบุคลิกที่ต่างกันมากค่ะ เธอเป็นคนใจกล้า อารมณ์ร้อน และไม่ฟังใครเลยค่ะ

 

 

“บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอคิดว่าพ่อแม่รักฉันมากกว่า เธอเลยกลายเป็นคนชิงดีชิงเด่นและเริ่มมีนิสัยเปลี่ยนไป ฉันรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเป็นน้องสาวที่ดีและห้ามไม่ให้พี่สาวของฉันเดินทางผิดจนไม่มีทางกลับตัวไม่ได้…

 

 

“เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันนึกไม่ถึงว่าเธอจะทำกับฉันแบบนี้เลย มันทำให้ใจฉันเจ็บปวดและหนาวเหน็บจริงๆ ค่ะ หลังจากเหตุการณ์ที่เธอขโมยของเมื่อสามปีก่อน ฉันก็ดูแลครอบครัวตัวคนเดียวมาตลอด และมันทำให้ฉันลำบากไม่น้อยเลยล่ะค่ะ แต่เธอยังมากล่าวหาฉันได้ลงคออีก หลี่ซิน เธอไม่รู้สึกผิดบ้างเลยเหรอ

 

 

“พี่คะ ฉันไม่มีอะไรจะขอ นอกจากหวังว่าเธอจะเลิกทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

“เธอต่างหากที่เป็นหัวขโมย…ดังนั้นเลิกกล่าวหาฉันสักที ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดในการประกวดเมื่อสามปีก่อนเป็นพยานให้ฉันได้ ของที่ถูกขโมยไปถูกเจอในกระเป๋าของเธอ และฉันนำวิดีโอเรื่องเหตุการณ์ครั้งนั้นมาเปิดที่นี่ด้วยค่ะ”

 

 

พูดจบ หลี่ชั่นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเริ่มเล่นวิดีโอ

 

 

“ฉันเองก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นด้วย ฉันเป็นพยานได้ หลี่ซินเป็นคนขโมยและของที่ถูกขโมยก็ถูกพบในกระเป๋าของเธอด้วย”

 

 

“หลี่ซินต้องเป็นคนเอาไปแน่เพราะหลี่ชั่นอยู่กับฉันตลอดเวลา และไม่มีโอกาสแกล้งเป็นพี่สาวของเธอหรอก”

 

 

“ก่อนที่หลี่ซินจะขโมยสร้อยคอไป เธอบอกหลายครั้งว่าเธอชอบมันมาก”

 

 

“ฉันรับรองได้ว่าฉันอยู่ที่นั่นตอนนั้นและหลี่ซินเป็นคนขโมยไป เธอยังเป็นคนเดียวที่มาสายห้านาทีตอนที่เราทุกคนมารวมตัวกันด้วย”

 

 

ทุกคนต่างกล่าวหาว่าหลี่ซินขโมยสร้อยคอไป และลงความเห็นว่าเธอเป็นหัวขโมยหน้าไม่อาย

 

 

อย่างไรก็ตามเป็นเพราะหลี่ชั่นจงใจปั่นหัวคนเหล่านี้ตอนที่เธอขอให้พวกเขาช่วยพูดว่าร้ายซิงหลานตั้งแต่แรก

 

 

หลี่ชั่นเก่งเรื่องการพูดยุแยงอย่างไม่ต้องสงสัย โชคไม่ดีที่วิธีสกปรกพวกนี้ทำอะไรถังหนิงไม่ได้

 

 

“ถ้าคำพูดของคนเหล่านี้ไม่น่าเชื่อถือพอสำหรับพวกคุณ ฉันมั่นใจว่าคุณจะต้องเชื่อบุคคลสองคนนี้แน่นอนค่ะ ฉันกำลังพูดถึงพ่อแม่ของฉัน พวกท่านไม่เคยพูดโกหกกับใคร อีกอย่างหลี่ซินก็เป็นลูกสาวของพวกท่านแม้ว่าเธอจะทำอะไรไว้ก็ตาม…

 

 

“ฉันต้องขอบคุณพวกท่านที่เข้าใจ พร้อมออกมาช่วยฉันพิสูจน์ความบริสุทธิ์และทวงความเป็นธรรมให้ฉันด้วยค่ะ”

 

 

หลังจากพูดจบ หลี่ชั่นก็บอกให้ผู้จัดการพาพ่อแม่ของเธอออกมา

 

 

“คุณป้า คุณลุงคะ จำได้ว่าต้องพูดอะไรใช่ไหมคะ” ผู้จัดการถามย้ำ

 

 

สีหน้าคุณพ่อหลี่เรียบเฉยโดยไม่ได้แสดงท่าทีออกมามากนัก ทว่าเขาเองก็เป็นอย่างนั้นตลอดเวลาอยู่แล้ว หลี่ชั่นจึงไม่ได้สงสัยเขานัก

 

 

“จำได้สิ เราจำบทของพวกเราได้แล้วล่ะ” คุณนายหลี่ตอบกลับทันที

 

 

“ดีค่ะ เชิญนั่งลงได้เลยค่ะ”

 

 

ผู้สูงวัยทั้งสองคนนั่งลงข้างหลี่ชั่นก่อนกล้องจะหันไปทางพวกเขาทันที

 

 

“แม่กับพ่อคะ ฉันขอโทษที่จัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีและทำให้ต้องอับอายนะคะ ฉันหวังว่าพ่อกับแม่จะเปิดเผยเรื่องจริงกับทุกคนและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉันนะคะ”

 

 

“ตาเฒ่า คุณพูดก่อนสิ” คุณนายหลี่ผายมือไปทางคุณพ่อหลี่และส่งสัญญาณให้เขาโน้มตัวไปทางไมโครโฟน

 

 

เขาเหลือบมองหลี่ชั่นก่อนเอ่ยใส่ไมโครโฟนเสียงดัง “ลูกสาวของผมไม่ใช่หัวขโมยครับ!”

 

 

หลี่ชั่นเผยรอยยิ้มออกมาทันทีเพราะเธอคิดว่าคุณพ่อหลี่พูดเพื่อปกป้องเธอ

 

 

แต่ทว่า…

 

 

“ไม่มีลูกสาวของผมคนไหนที่เป็นขโมยครับ!”

 

 

หลังจากได้ยินดังนั้น ทุกคนรวมถึงหลี่ชั่นก็นิ่งอึ้งไป

 

 

“ทั้งหมดนี่เป็นแผนการครับ ลูกสาวของผมทั้งสองคนไม่มีเหตุผลที่จะต้องขโมยของ ลูกสาวคนเล็กของผมแค่ใส่ร้ายพี่สาวของตัวเองเพราะต้องการชนะการประกวดเท่านั้นครับ”

 

 

“พ่อ พูดอะไรออกไปน่ะ” หลี่ชั่นลุกพรวดขึ้นมาจากที่นั่งด้วยความตกตะลึง

 

 

ทันใดนั้นเอง นักข่าวต่างกรูกันเข้ามาล้อมรอบคุณพ่อหลี่พร้อมไมโครโฟนในมือ

 

 

“ช่วยชี้แจงสิ่งที่คุณพูดให้กระจ่างด้วยครับ…”