ตอนที่ 282 ใครชอบผู้ชายกัน

แม่สาวเข็มเงิน

คำพูดนี้ที่เจียงป่าวชิงพูดออกมา อย่างแรกเพื่อต้องการกระตุ้นจิ้นเทียนหยู่ อย่างที่สองต้องการบอกกับเด็กสาวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจว่าแม้ที่นี่จะเป็นหมู่บ้านโจร ถึงอย่างไรก็ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของนาง ทว่าถ้าหากนางยังเป็นเหมือนเมื่อสักครู่ ทำตัววุ่นวายจงใจยั่วให้คนอื่นโกรธแบบนั้น ก็บอกไม่ได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง

ใบหน้าขาวสะอาดของจิ้นเทียนหยู่เปลี่ยนกลายเป็นหม่นคล้ำราวกับก้นหม้อ

หญิงสาวไม่ใช่คนโง่ นางกลืนความทุกข์ใจและความหวาดกลัวในหัวใจของตัวเองเอาไว้ เวลานี้นางรับรู้แล้วว่าตนคงทำได้เพียงนอนราบลงกับพื้นและหากอยากจะคร่ำครวญก็คร่ำครวญได้แค่เสียงเบา ๆ เท่านั้น

นางเจ็บขามาก และเจ็บคอด้วย…

จิ้นเทียนหยู่มองเจียงป่าวชิงสักพัก จู่ ๆ เขาก็ส่งเสียงหัวเราะแปลก ๆ ที่เดาความหมายไม่ถูกออกมาให้ได้ยิน “หมอแซ่เจียง… ข้ารู้แล้ว”

เจียงป่าวชิงหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ “หัวหน้าสามรู้อะไรรึ ? ไหนลองบอกให้ข้าฟังหน่อยสิ”

จิ้นเทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “จะมีอะไรอีก ก็แค่เรื่องระหว่างชายหญิงนั่นแหละ ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะว่าข้าเป็นคนลักพาหญิงคนนี้กลับมาที่หมู่บ้าน นางถือเป็นคนของข้า ถ้าเจ้ามือยาวบังอาจเอื้อมมือมาหาคนของข้า ก็อย่าโทษถ้าข้าจะฟันมือเจ้าทิ้งแล้วกัน!”

จิ้นเทียนหยู่ชักมีดออกมาจากเอว จ่อปลายมีดไปที่คางของเจียงป่าวชิง “หมอแซ่เจียง เจ้าอย่าท้าทายความอดทนของข้าเข้าใจหรือไม่ ?!”

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ นางผลักปลายมีดของจิ้นเทียนหยู่ไปด้านข้าง “หัวหน้าจิ้น ถ้าท่านมัวแต่มาพูดหยาบคายที่นี่ ไม่ให้ข้ารักษาสาวงามคนนี้ งั้นต่อไปท่านก็จะได้ครอบครองแค่สาวงามที่เป็นง่อยเท่านั้น”

นางไม่เพียงแต่ต้องการท้าทายความอดทนของจิ้นเทียนหยู่เท่านั้น แต่ยังต้องการทดสอบโดยไม่สนใจว่านี่เป็นการรนหาที่ตายท้าทายความอดทนของจิ้นเทียนหยู่เลย

หญิงสาวตกใจจนตัวสั่นเทา

ส่วนจิ้นเทียนหยู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ

หากว่าเป็นคนอื่น ตอนนี้เขาคงฟันมีดใส่หน้าไปแล้ว แต่กับหมอแซ่เจียงคนนี้ ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายดูเป็นคนบอบบาง ผิวบาง และดูนุ่มนิ่มเกินไป เขาจึงกลัวว่าจะยั้งมือไม่อยู่จนฟันอีกฝ่ายตายไปเสียก่อน

ส่วนทำไมเขาถึงกลัวว่าจะฟันหมอแซ่เจียงจนตายนั้น…

จิ้นเทียนหยู่ครุ่นคิดอยู่สักครู่ ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุปว่าถึงแม้หมอแซ่เจียงคนนี้จะน่ารำคาญไปหน่อย แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นหมอคนเดียวในหมู่บ้าน และเคยรักษาพี่น้องหลายคนในหมู่บ้าน มันจึงสมควรที่เขาจะอดทนต่อหมอแซ่เจียงคนนี้

คิดได้ดังนั้น จิ้นเทียนหยู่ก็สูดหายใจลึก ๆ อีกครั้ง สงบสติอารมณ์ เดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและเตรียมหิ้วร่างหญิงสาวที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นกลับไป

แต่เจียงป่าวชิงกลับเตือนมาจากข้าง ๆ “หัวหน้าจิ้น ท่านทำแบบนี้มีแต่จะทำให้บาดแผลของสาวน้อยรุนแรงขึ้น”

จิ้นเทียนหยู่หน้าดำคร่ำครึ “หมอแซ่เจียง ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปว่าอย่ามาเอาอกเอาใจคนของข้า!”

เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วและพูดขึ้น “ข้าแค่ไม่ชอบที่การกระทำของท่านจะเพิ่มภาระงานของข้าก็เท่านั้น”

หญิงสาวมองใบหน้าดำคร่ำครึของจิ้นเทียนหยู่ นางแทบหยุดหายใจ รีบนางส่ายหน้าและก้าวถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว

ในตอนก่อนหน้านี้ นางกลัวจิ้นเทียนหยู่จะทำอะไรเลวทรามต่ำช้ากับนาง และตอนนี้ในสายตาของนาง โจรหล่อโฉดคนนี้กลายเป็นร่างอวตารของสัตว์ร้ายไปแล้ว ทว่าเอาเข้าจริง นางคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นยิ่งกว่าสัตว์ร้ายเสียอีก

จิ้นเทียนหยู่ไม่สนใจการต่อต้านของหญิงสาว ในที่สุดเขาก็อุ้มนางขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพาเข้าไปในห้อง

เจียงป่าวชิงเดินถือกล่องยาตามอยู่ด้านหลัง และเข้าไปในห้องของจิ้นเทียนหยู่เช่นกัน

จิ้นเทียนหยู่พังข้าวของระบายอารมณ์และเดินออกไป ณ เวลานี้ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ทำเขาหงุดหงิดได้ทั้งนั้น

เจียงป่าวชิงทำเป็นไม่ได้ยิน มือไม้ยังคงง่วนอยู่กับการจัดยาให้หญิงสาวที่นอนสะอึกสะอื้นอยู่บนเตียงด้านข้าง ขาของนางหัก ซึ่งน่าจะหักตอนที่นางกระโดดลงจากรถม้าตอนที่ถูกจิ้นเทียนหยู่ลักพาตัวกลับมา

เจียงป่าวชิงเอ่ยขึ้นอย่างสงบ “ดูจากระดับอาการกระดูกที่หักของเจ้าแล้ว คิดว่าเจ้าคงรีบกระโดดลงจากรถม้าตอนที่ม้ากำลังห้อตะบึงอยู่ ข้าทำได้เพียงพูดว่าครั้งนี้เจ้าโชคดีมากที่กระดูกหักอย่างเดียว ถ้าหากว่าครั้งหน้าเจ้ายังบุ่มบ่ามเช่นนี้อีก ชีวิตของเจ้า ใครก็คงรักษาหรือช่วยเหลือไว้ไม่ได้”

หญิงสาวหันกลับมามองเจียงป่าวชิงด้วยขอบตาบวมแดง “เอ่อ… หมอเจียง… นี่เจ้าแซ่เจียงใช่ไหม ?”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า

ความหวังเอ่อล้นปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงสาว น้ำเสียงของนางอ่อนลงกว่าเมื่อสักครู่เล็กน้อย “หมอเจียง เจ้าจิตใจดีขนาดนี้ ทำไมถึงมาอยู่ในถ้ำโจรได้ล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงตอบห้วน ๆ “ข้ากับน้องชายก็ถูกพามาโดยที่พวกข้าไม่เต็มใจเหมือนกับเจ้า”

ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายวาบขึ้นมาอีกครั้ง นางเผยรอยยิ้มขลาดกลัวให้เจียงป่าวชิงเห็น “หมอเจียง ข้าชื่อ…” หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็พูดขึ้น “ข้าชื่อหลี่อันหรู ครอบครัวข้าเป็นตระกูลใหญ่ที่เมืองหลวง เจ้า… เจ้าช่วยปล่อยข้าได้ไหม ถึงตอนนั้นข้าจะให้ครอบครัวของข้ามอบเงินมากมายให้แก่เจ้า”

เจียงป่าวชิงยิ้มก่อนจะพูดกำชับ “ทางที่ดี ข้าว่าอย่าให้หัวหน้าจิ้นได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้ของเจ้าดีกว่า เขาเกลียดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงที่สุด บอกได้ยากว่าเขาจะทำอะไรเมื่อถึงตอนนั้น”

ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในตาของหลี่อันหรู นางสั่นเทาโดยไม่รู้ตัวและไม่กล้าพูดอะไรอีก

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “กระดูกของเจ้าหักจากการกระแทกแรงมาก อีกทั้งเมื่อสักครู่ยังถูกหัวหน้าจิ้นโยนลงมากระแทกพื้นขนาดนั้นอีก… เกรงว่าเจ้าคงลงจากเตียงไม่ได้ไปสองสามเดือนเลย ถ้าหากเจ้าบังคับให้ตัวเองลงจากเตียงละก็ เฮ้อ ช่างเถอะ รักษาตัวให้ดีก็พอ อย่าไปคิดถึงเรื่องอื่น”

หลี่อันหรูถูกปฏิเสธ น้ำตาใสไหลหลั่งลงมาด้วยจิตใจแหลกสลายอีกรอบ “ข้าไม่ได้กลับบ้านเช่นนี้ เกรงว่าคนที่บ้านคงร้อนใจจนแทบบ้าแล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะถูกพูดออกไปอย่างเสีย ๆ หาย ๆ ยังไง…”

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนเป็นหมออย่างเจียงป่าวชิงต้องกังวล นางทำเป็นไม่ได้ยินที่หลี่อันหรูพูด และกดขาของหลี่อันหรูที่เจ็บจนร้องอย่างน่าเวทนาในทันที ใบหน้าเล็กซีดเผือดไร้สีเลือดนั้นมองดูนางด้วยน้ำตานองหน้า

“เฮ้! หมอเจียง เบาหน่อยสิ มันเจ็บมากเลยนะ…”

เจียงป่าวชิงเลิกคิ้ว “อดทนหน่อยเถอะ ตอนหลังยังมีให้เจ็บกว่านี้อีก”

ใบหน้าของหลี่อันหรูขาวซีดเหมือนผีไปแล้วหลังจากที่ได้ฟังคำพูดนี้ นางบอกไม่ถูกว่าตัวเองเจ็บหรือถูกหมอเจียงทำให้ตกใจกันแน่

ในช่วงหลัง หลี่อันหรูสงบลงไม่น้อยและไม่ได้ทำเรื่องโง่ ๆ อย่างเช่นจงใจกระตุ้นให้จิ้นเทียนหยู่โมโหอะไรทำนองนั้นอีกแล้ว แต่นางเลือกที่จะรับการรักษา ยอมให้จับชีพจรและทำแผลอย่างสงบแทน

……

ทางด้านจิ้นเทียนหยู่ ในคืนวันเดียวกันนั้น เขาถูกกู่ฟู่กุ้ยเรียกไปพบ ซึ่งเจียงป่าวชิงก็ถูกเรียกไปด้วยเช่นกัน

หลังจากที่จิ้นเทียนหยู่เข้าไปในห้อง เขาก็ถูกกู่ฟู่กุ้ยตบศีรษะอย่างแรง “เจ้าบ้าจิ้น! เจ้านี่ก็เหลือเกิน ข้าได้ยินว่าเจ้าไปลักพาเอาผู้หญิงกลับมาคนหนึ่งงั้นรึ ?”

จิ้นเทียนหยู่ยกยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้พูดอะไร

กลับกัน ผู้หญิงที่ดูสวยหยาดเยิ้มคนหนึ่งซึ่งนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านส่งเสียงหัวเราะมาจากด้านข้างและพูดขึ้นแทน “ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้น้องสามก็เริ่มคิดถึงสตรีสักคนหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าก้อนเหล็กแข็งไร้จิตใจอย่างเจ้าจะรู้จักเปิดใจสักทีนะ ดูท่าทางเจ้าเมื่อสองปีก่อน ข้ายังคิดว่าเจ้าชอบผู้ชายด้วยกันเสียอีก” พูดเสร็จ นางก็หันมายักคิ้วให้เจียงป่าวชิงด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “เจ้าว่าไหมล่ะเสี่ยวชิงชิง ?”

เจียงป่าวชิงหัวเราะ “หึ ๆ พี่รุ่ยเอ๋อร์นี่ก็พูดตลกแล้ว”

ผู้หญิงคนนี้คือซูรุ่ยเอ๋อร์ หรือหัวหน้าสองของหมู่บ้านแห่งนี้

จิ้นเทียนหยู่กระฟัดกระเฟียดขึ้นมาทันที เขากระทืบเท้าดัง ปึง! แล้วถลึงตาใส่ซูรุ่ยเอ๋อร์ด้วยความเดือดดาล “พี่รุ่ย พี่พูดเหลวไหลอะไรล่ะนั่น ?! ใครชอบผู้ชายกัน! ข้าชอบผู้หญิงขาว ๆ ผิวนุ่มนิ่มต่างหากเล่า ข้าชอบแค่ผู้หญิงเท่านั้นรู้ไว้ด้วย!”