เซียวเฟิงไม่ได้ปล่อยปีศาจหีบสมบัติหลุดไปได้เลยแม้แต่ตัวเดียวตลอดทางที่เขาเดินผ่าน ด้วยพลังโจมตีที่รุนแรง ไม่มีคำว่าพลาดอยู่แล้วสำหรับเขา

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้เจอเจ้าตัวใหญ่ที่มีแต้มสมบัติกว่า 100 แต้มเป็นรางวัลแล้ว ไม่ว่ามันจะต้องใช้เวลาฆ่านานขนาดไหน แต่มันก็คุ้มค่า

ปีศาจหีบสมบัติยักษ์

เลเวล : 20

ประเภท : บอสหายาก

ธาตุ : พิเศษ

พลังชีวิต : 40,000 / 40,000

พลังโจมตี : 400-400

พลังป้องกันกายภาพ : 400-400

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 400-400

พิเศษ : ดร็อปแต้มสมบัติ 100 แต้มเมื่อมันถูกฆ่า

นี่เป็นบอสปีศาจหีบสมบัติ ที่พลังป้องกันสูงถึง 400 หน่วย เกราะแข็งประดุจเหล็กกล้า ขนาดที่หลังจากเซียวเฟิงใช้บัฟเพิ่งพลังโจมตีของตนที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอันดับ 1 ของทั่วทุกเซิร์ฟเวอร์หรือไม่ก็อันดับต้น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ทุกการโจมตีของเขากลับเข้าถึงตัวบอสได้ราว ๆ 100 เดียวเท่านั้น ถ้าหากไม่คริติคอลที่ทำความเสียหายเกิน 300 กับค้อนแห่งการพิพากษาที่ทำความเสียหายทีละหลักพันขึ้นไปแล้วล่ะก็ ป่านนี้เซียวเฟิงคงจะเลิกคิดที่จะฆ่ามันไปแล้ว

การกำจัดบอสปีศาจหีบสมบัตินั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน นานจนมือเขาแทบจะเป็นตะคริวขึ้นมากว่ามันจะยอมตาย

ตอนนั้นเอง ขณะที่เขาเตรียมจะเดินออกจากจุดนี้หลังจากที่ฆ่ามอนสเตอร์ไปแล้ว เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

หันกลับไปมองเขาก็พบว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นเป็นชายที่ดูสุภาพ มือหนึ่งของเขาถือดาบที่อยู่ในฝักไว้ ดู ๆ ไปแล้วคนคนนี้น่าจะเป็นคลาสนักดาบ ส่วนชื่อผู้เล่นนั้นถูกปกปิดเอาไว้

กระนั้นแล้วชื่อกิลด์ ‘เบลค’ ที่อยู่เหนือหัวนั้นก็ดึงดูดสายตาที่เอื่อยเฉื่อยของเซียวเฟิงได้อยู่ครู่หนึ่งเลยทีเดียว

“ผมได้ยินมาว่านายคือคนที่เก่งกาจที่สุดในเขตฮัวเซีย หรือที่เขาขนานนามกันว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์ สินะครับ?”

ชัดเจนเลยว่าชายผู้นี้มาเพื่อตามหาตัวเขาโดยเฉพาะ เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเซียวเฟิงพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?”

เซียวเฟิงละสายตาของตนออกจากชื่อกิลด์บนหัวอีกฝ่ายก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ หลังจากที่เขาเคยถอดหน้ากากกระโหลกออกและเปิดเผยตัวตนของตนเองบนเรือไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดอยากจะปกปิดตัวตนของเขาเองอีก

มันเลยทำให้เขาไม่มั่นใจนักว่าชายคนนี้ตั้งใจสะกดรอยตามเขามาหรือแค่บังเอิญผ่านมาเจอกันแน่

“อาร์ติแฟคท์ทั้ง 2 ชิ้นนั้น ผมรู้สึกสนใจมาก ๆ เลยล่ะครับ ” สุภาพบุรุษผู้นั้นพูด แววตาที่จ้องมองมาของเขานั้นแอบแฝงความมั่นใจในความเหนือกว่าของตนเอาไว้

“โอ้? นายต้องการอาร์ติแฟคท์ของฉันงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงยิ้ม

“ถ้าให้ผมยืมพวกมันมาเล่นสักหน่อย ผมจะไม่ฆ่านายเป็นไง?” ใบหน้าที่สุภาพยังคงยิ้ม หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้รู้สึกหนาวเย็นแทน

“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ…เป็นไง?” เซียวเฟิงเองก็ยังคงยิ้มให้เขาดังเดิม

“อย่างงั้นผมเองก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้มันดร็อปลงมาจากตัวนายหรอกนะครับ โอกาสในการดร็อปของอาร์ติแฟคท์เนี่ยน้อยขนาดไหนกันน้า? กว่าจะได้มันมานายต้องฆ่าบอสกี่ครั้งกัน? 10 ครั้งได้ไหม? หรือ 100 ครั้ง?” รอยยิ้มที่ปลดปล่อยความเยือกเย็นออกมาเรื่อย ๆ นั้นแสดงเจตนารมณ์ของผู้พูดได้ชัดเจน ยิ่งยามที่มือขวาเอื้อมไปจับด้ามดาบที่อยู่ทางซ้ายมือ ด้วยท่าทีที่พร้อมจะโจมตีตลอดเวลานั่นก็ยิ่งทำให้สิ่งที่เขาคิดมันชัดเจนมากขึ้นไปอีก

เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเตรียมคทาแห่งการรักษาให้พร้อม แม้ว่าบัฟระดับสูงทั้ง 4 ชนิดยังคงมีผลอยู่ แต่เขาก็แอบร่ายบัฟเพิ่มให้ตนเองไปอีกนิด ๆ หน่อย ๆ ด้วย

ตอนนั้นเอง ร่างของชายตรงหน้าก็เริ่มขยับ!

การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นเร็วจนตาของเซียวเฟิงมองไม่ทันด้วยซ้ำว่าคนคนนี้ดึงดาบออกมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีคมดาบสีเงินก็จ่อมาที่ลำคอของเขาแล้ว

สีหน้าของเซียวเฟิงไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แม้ว่าอีกฝ่ายจะเร็วแล้วก็จริง แต่คทาแห่งการรักษาก็ถูกจัดเตรียมในท่าตั้งรับคมดาบไว้ตั้งแต่แรกด้วยความจงใจ

บล็อก!

ความเสียหายปรากฏขึ้นเหนือหัวเซียวเฟิง หลอดเลือดของเขาก็ปรากฏขึ้นมาทันที ซึ่งในขณะเดียวกัน เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัว

[คุณได้รับการโจมตีที่รุนแรงจากผู้เล่น มู่หรงหยุน ตอนนี้คุณเข้าสู่โหมดตอบโต้กลับแล้ว]

การแจ้งเตือนยามที่ถูกโจมตีด้วยความรุนแรงนั้นจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เล่นเขตเดียวกันปะทะกันเอง ในแผนที่พิเศษเช่นนี้ มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่จะได้พบผู้เล่นชื่อสีเทาหรือสีแดง นั่นเพราะตามปกติแล้วศัตรูที่เจอจะเป็นเขตอื่นเสียมากกว่า

หากมีใครสักคนมีชื่อสีเทาหรือสีแดงปรากฏขึ้น นั่นหมายถึงผู้เล่นคนนั้นไปฆ่าผู้เล่นคนอื่นมาแล้ว และผู้เล่นผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นก็เป็นผู้เล่นเขตเดียวกันเองด้วย! ซึ่งในตอนนี้เซียวเฟิงก็กลายเป็นเป้าหมายการโจมตีเสียแล้ว!

“โอ้? น่าสนใจจริง ๆ นั่นแหละ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายสามารถข่มซีเหมินได้ซะอยู่หมัด ดูเหมือนจะไม่ได้มีดีแค่ที่ไอเทมสินะครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าเสียดาย ที่ท้ายสุดแล้วคนธรรมดา ๆ อย่างนายก็ไม่ได้เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ฝีมือ’ ที่แท้จริงอยู่ดี”

มู่หรงหยุนดูเหมือนจะตกใจน้อย ๆ เขาเก็บดาบในท่ายืนสงบนิ่งขณะที่ส่ายหน้าเบา ๆ ให้เซียวเฟิง ทันใดนั้นเอง ดาบมือเดียวที่เพิ่งเก็บลงฝักดาบไปก็ถูกชักขึ้นมาอีกครั้งและหมุนทะลวงเข้าใส่เซียวเฟิงอย่างรวดเร็ว

กระบวนท่านี้ไม่ใช่สกิล มันแค่เป็นการรังสรรค์วิธีการโจมตีเฉย ๆ เช่นเดียวกับการหาวิธีโจมตีมอนสเตอร์ที่บางตัวแค่ฟัน ๆ สับ ๆ ก็ได้แล้ว ในขณะที่บางตัวต้องแทงหรือไม่ก็ปาดไม่งั้นจะไม่สามารถเข้าถึงผิวเนื้อภายใต้เกล็ดของมันได้ ของบางอย่างแค่เป็นกรรมวิธีก็จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป

พลาด!

พลาด!

พลาด!

สายตาของเซียวเฟิงยังไม่เปลี่ยนแปลงไป เขาถอยออกมาครึ่งก้าวและหลบกระบวนท่าเหล่านั้นได้อย่างเฉียดฉิวในทุก ๆ ครั้ง ซึ่งค่าสถานะความเสียหายที่แจ้งเตือนขึ้นมาก็เป็นเรื่องยืนยันได้ว่าหลบได้ ไม่เพียงเท่านั้น ทุกครั้งที่หลบ ชายหนุ่มก็ใช้คทาแห่งการรักษาทุบอีกฝ่ายกลับไปด้วยความรุนแรง

ความใจเย็นของเซียวเฟิงนั้นทำให้มู่หรงหยุนเริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว เขาคิดว่าเซียวเฟิงจะตกใจกับการโจมตีของตัวเองเสียอีก!

เมื่อเห็นคทาของเซียวเฟิงเคลื่อนเข้าหา มู่หรงหยุนที่รู้อยู่แล้วว่าพลังโจมตีของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้เบา ๆ เหมือนอย่างที่นักบวชควรจะเป็น ดังนั้นจึงไม่คิดจะขัดขวางการโจมตีดังกล่าวและเปลี่ยนไปถอยหลบแทน

พลาด!

ข้อความแจ้งเตือนความเสียหายแบบเดียวกันปรากฏขึ้นเหนือหัวของนักดาบหนุ่ม เห็นดังนั้นแล้วมู่หรงหยุนก็หยุดถอยหลังแล้วกระโจนใส่เซียวเฟิงกลับในทันทีด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ดาบในมือชี้ปลายและพุ่งหาเซียวเฟิงพร้อมกับเปล่งแสงประกายราวกับใช้สกิลอยู่

ไม่มีใครรู้ว่าเซียวเฟิงนั้นยังคงอ่อนข้อให้อีกฝ่ายอยู่เพราะเห็นว่าเป็นผู้เข้าร่วมอีเวนต์เหมือนกัน หลังจากที่การโจมตีแรกพลาด เขาก็รีบตั้งตัวและพุ่งเข้าใส่มู่หรงหยุนด้วยเช่นกัน คทาแห่งการรักษาถูกยกขึ้นชี้ฟ้าก่อนจะเปล่งแสงสีทองเป็นประกายออกมา

คราวนี้เมื่อเซียวเฟิงเริ่มโจมตีใหม่อีกครั้ง ค้อนสีทองขนาดใหญ่ก็พลันปรากฏขึ้นในมือของเขาแทน มันยาวกว่า 3 เมตรและมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 1 เมตรในส่วนที่เป็นหัวค้อน เขาเหวี่ยงมันเข้าใส่มู่หรงหยุนอย่างไม่ลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น

ด้วยระยะที่อยู่ใกล้มาก อีกทั้งมู่หรงหยุนก็ไม่คิดจะหลบด้วยเพราะตัวเองอยู่ใกล้เซียวเฟิงมากแล้วตอนนี้ ดังนั้นจึงสายเกินไปหากเขาจะคิดหลบ

อย่างไรก็ตาม มู่หรงหยุนไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เขาเปลี่ยนวิถีดาบจากท่าพุ่งทะลวงเป็นยกขึ้นสูงเพื่อตั้งรับเหนือหัว ทั้งนี้ก็เพื่อรับมือกับค้อนยักษ์สีท้องที่กำลังจะทุบลงมาแทน

บล็อก!

-1,087!

ข้อความแสดงความเสียหายที่ป้องกันไว้ได้ก่อนจะตามด้วยตัวเลข 4 หลักที่ทะลุเกราะป้องกันเข้ามา หลอดพลังชีวิตของมู่หรงหยุนหายเกลี้ยงไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และศพของเขาก็ลงไปนอนแบนราบอยู่กับพื้นภายใต้ค้อนสีทองอร่ามอันใหญ่นี้

ซุ่ม!

ค้อนยักษ์สีทองกลายเป็นกลุ่มแสงก่อนจะกระจายหายไป เซียวเฟิงปัดมือไปมาก่อนจะถอนหายใจและหันหลังกลับเพื่อเดินต่อ

ขณะเดียวกันนั้น ร่างของมู่หรงหยุนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ยังไม่สลายไปไหน ดูเหมือนว่าในหัวเขายังรู้สึกดูหมิ่นอีกฝ่ายอยู่

จริง ๆ การป้องกันเมื่อครู่นั้นสมบูรณ์แบบ หากแต่การโจมตีของค้อนแห่งการพิพากษานั้นเป็นการโจมตีแบบพื้นที่ หากเสื้อเกราะกันกระสุนสามารถกันกระสุนให้ได้เพียงแค่บริเวณที่ถูกสวมใส่อยู่ แต่ถ้ากระสุนที่ยิงมาเป็นกระสุนปืนใหญ่ คิดว่าเสื้อเกราะกันกระสุนจะกันได้หรือ?

ไม่ว่ามันจะไปกระทบส่วนไหนของร่างกาย ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี

ข่าวคราวเรื่องการตายของมู่หรงหยุนแพร่กระจายเข้าสู่หูทั้ง 17 คนที่อยู่ในกิดล์เบลคในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งขณะเดียวกันนั้น ข่าวคราวของคนที่ฆ่าอีกฝ่ายอย่างเซียวเฟิงเองก็เข้าหูพวกเขาด้วย

“มู่หรงตายแล้วเหรอ? ใครทำกันน่ะ?”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์? ไม่เลวเลยนี่”

ตอนนั้นเซียวเฟิงเองก็กำลังเดินตรงเข้าไปยังใจกลางของเกาะพลางบ่นพึมพำบางสิ่งบางอย่างไปด้วย

“ซีเหมินชุยเสวีย ซางกวน อาโอเชิน มู่หรงหยุน เบลค…บางทีฉันอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้…มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ตอนนี้ดูเหมือนความจริงจะมีเพียงหนึ่งเดียว…”

เซียวเฟิงบ่นพึมพำกับตนเองขณะที่แววตาของเขามันก็ยากที่จะหยั่งถึงได้ ความสับสนมันก่อเกิดขึ้นในหัว ดูท่าความจริงที่คิดได้นั้นจะค่อนข้างยอมรับได้ยากเลยทีเดียว

“ว้าว! ดูสิ เราจับปลาตัวใหญ่ได้หรือเปล่าเนี่ย?”

เสียงหัวเราะด้วยความเหยียดหยามดังขึ้นขณะที่เซียวเฟิงกำลังครุ่นคิด

เมื่อเขาแหงนหน้าขึ้นมามองอีกที รอบ ๆ ตัวเขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยผู้เล่นมากมายเสียแล้ว เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดก่อนหน้า เขาเลยไม่ได้ระวังตนเองเลย ประมาทเกินไปแล้ว!