ผู้เล่นกลุ่มหนึ่งมาจากทางทิศตะวันออก แต่มันชัดเจนว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มาจากเขตฮัวเซีย

ชื่อของผู้เล่นทุกคนในกลุ่มนี้ล้วนเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เพราะระบบแปลภาษาทุกภาษาบนโลกให้กลายเป็นภาษาจีนที่ถูกฝังไว้ภายในเกม มันเลยทำให้ประโยคที่คนเหล่านี้พูดกันถูกแปลเป็นภาษาจีนไปด้วย

นี่ถือเป็นฟังก์ชันที่ทรงพลังมาก ๆ ในมิธ เพราะมันสามารถทำให้ผู้เล่นจากทุกเขตสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทันทีที่ข้อความภาษาต่างประเทศปรากฏขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงทำให้เซียวเฟิงสามารถรู้ได้ว่าผู้เล่นทั้งหลายที่มาจากไหนไม่รู้ตรงหน้านี้คือผู้เล่นจากเขตโทโย

“หมอนี่มันมาจากเขตโทโยไม่ใช่เหรอ?… ใครกันวะเนี่ย?”

ผู้เล่นจากเขตโทโยทั้งหมดมาจากกิลด์เดียวกันที่ชื่อว่า กิลด์เฮย์อัน เข้าร่วมอีเวนต์ทั้งหมดราว ๆ 30 คน ซึ่งมากกว่าผู้เล่นจากกิลด์ใหญ่บางกิลด์ในเขตฮัวเซียเสียอีก

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าคนพวกนี้จะน่ากลัวอะไรนัก ขั้นแรกสุดเลย ในเขตโทโยไม่ได้มีกิลด์มากมายเหมือนอย่างที่ฮัวเซียเป็น ปริมาณความหนาแน่นมันต่างกันมาก ๆ ที่เขากล้าบอกแบบนี้ก็เพราะว่าภาพตอนที่อีกฝ่ายทำสงครามน้ำลายกับผู้เล่นเขตฮัวเซียบนเรือ เรือของเขตโทโยนั้นบรรทุกผู้เล่นมาราว ๆ 100 กว่าคนเท่านั้น

ในส่วนของผู้เล่นที่มีท่าทีว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มในตอนนี้อย่าง เฮย์อันบิ๊กสเน็ก ผู้ที่กำลังหัวเราะและพูดอยู่นั้น ดูจะเป็นพวกชอบคุยโว และดูจะตั้งใจคุยโวให้ได้ยินด้วย ไม่เพียงแต่เขากำลังดูถูกเซียวเฟิงเท่านั้น แต่สายตาที่มองมาของคนทั้งเขตต่างก็เหมือนหมาป่าที่เจอเหยื่อกันหมดเลยด้วย

“หัวหน้าครับ ไอ้หมอนี่มันคนดังนี่! ฉันเคยเห็นมันในวีดีโอ มันเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในเขตฮัวเซียเลย!”

ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังบิ๊กสเน็กกล่าวขึ้น ชื่อของเขาคือ เฮย์อันฉางชี ลักษณะเด่นคือเคราแพะบนใบหน้า หลังจากที่พูดออกมาเช่นนั้นแล้ว เจ้าตัวก็หัวเราะเสียงดังราวกับพยายามจะข่มขวัญศัตรูไปพลาง ๆ

“โอ้ คนที่มีอาร์ติแฟคท์ 2 ชิ้นน่ะเหรอ?” บิ๊กสเน็กเลียริมฝีปากของตนเองช้า ๆ แล้วแสยะยิ้มออกมา เขาจ้องเขม็งมายังเซียวเฟิงด้วยสายตาที่เหมือนสัตว์ร้าย

“ใช่แล้วครับ ๆ! คนนั้นแหละ! ตั้งแต่เกมเปิดมาจนถึงตอนนี้ ทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์เพิ่งจะค้นพบอาร์ติแฟคท์แค่ 2 ชิ้นเท่านั้น และทั้ง 2 ชิ้นก็อยู่กับมันหมดเลย!” สายตาของฉางชีเริ่มแสดงความตื่นเต้น

ฟังเรื่องที่พวกนี้พูดราวกับว่าตรงนี้ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว เซียวเฟิงก็ได้แต่ส่ายหน้า ดูเหมือนว่าปกปิดตัวตนไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรเพราะยังไงคนพวกนี้ก็หาตัวเขาเจออยู่แล้ว

“ฮ่า ๆๆ! อันดับหนึ่งของเขตฮัวเซีย แกควรจะดีใจนะที่ถูกคนจากเขตโทโยอย่างพวกเราหมายตาอาร์ติแฟคท์ของแกอยู่น่ะ!” บิ๊กสเน็กยิ้มและโบกมือ จากนั้นผู้เล่นทั้ง 30 คนก็เริ่มกระชับพื้นที่เข้าไปหาเขา

“ฉันเองก็ขอชื่นชมแกด้วยละกัน ในฐานะนักบวช แกกล้าที่จะไม่พาใครมาด้วยและเลือกที่จะมาทำอีเวนต์คนเดียวแบบนี้” ฉางชีพูดเสริมและยิ้มเยาะเย้ย

“ในเมื่อพวกนายรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใคร แต่ก็ยังมั่นใจว่าพวกนายจะสามารถแย่งอาร์ติแฟคท์ไปจากฉันได้อีกเหรอ?” เซียวเฟิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้ว่าฉางชีจะบอกว่าตนเคยดูวีดีโอของเซียวเฟิง แต่ชายหนุ่มก็ไม่มั่นใจว่าฉางชีไปดูวีดีโอช่วงไหนมา บางทีถ้าอีกฝ่ายไปดูช่วงที่ถ่ายทอดสดตอนเขาปะทะกับกิลด์กลอรี่ล่ะก็ คงไม่มีหน้ามายิ้มระรื่นแบบนี้แน่ ๆ

“ฮึ่ม! พวกฉันรู้น่าว่าแกแข็งแกร่ง! แต่แล้วไงเล่า! แกมันก็มีดีแค่อาวุธที่อยู่เหนือกว่าคนอื่น ๆ ในเขตของแกเองเท่านั้นแหละ!”

“พวกเขตฮัวเซียมันก็แค่พวกโง่! ไม่รู้หรือไงว่าคำว่า เจ้า ในโลกของเกมน่ะ มันใช้ได้แค่กับคนเก่ง ๆ เท่านั้น!”

“ใช่แล้ว! เพราะงั้นฉันกล้าพูดเลยว่าคนของโทโยน่ะ ต่างกับพวกแกเยอะ! พวกเราทุกคนต่างเป็นนักรบกันหมด! โดยเฉพาะผู้เล่นที่ได้เข้าร่วมกับอีเวนต์ครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคาราเต้กันหมดเว้ย! พวกเรา 1-1 กับบอสกันได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ในสายตาของพวกฉันน่ะ เขตฮัวเซียของแกมันก็แค่ลูกหนูที่กำลังวิ่งไปมาเท่านั้นแหละ!” ฉางชีไม่หยุดถากถาง

“เลิกเสียเวลาพูดกับมันได้แล้ว ระวังตัวให้ดี บางทีมันอาจจะติดต่อหากำลังเสริมก็ได้ คนของเขตฮัวเซียน่ะมีมากกว่าเราหลายเท่าเกินไป ถ้าหากเราโดนล้อม พวกเราจะโต้ตอบอะไรไม่ได้เลย ที่นี่ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน ๆ เพราะงั้นรีบลงมือซะ!” บิ๊กสเน็กตวัดมือลงมาทันที จากนั้นผู้เล่นกว่า 30 คนของเขตโทโยภายใต้กิลด์เฮย์อันก็พากันกรูเข้าใส่เซียวเฟิงอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ”

เซียวเฟิงถอนหายใจแต่ไม่ใช่ให้กับตนเองหรอก เขาแค่กำลังสงสารคนเหล่านี้มากกว่า

ผลการต่อสู้นั้นไม่มีวี่แววว่าจะแตกต่างไปจากที่เขาคิดเลย ภายใน 10 นาที ผู้เล่นกว่า 30 คนที่ฮึกเหิมอยากเข้ามาแย่งอาร์ติแฟคท์ของเซียวเฟิงก็กลายเป็นเพียงซากศพที่กระจัดกระจายไปทั่วจากการโดนอาวุธของเซียวเฟิงไล่ทุบ โดยที่เซียวเฟิงไม่ได้เสียเลือดแม้แต่นิดเดียว

ยามที่ได้มองกองศพของผู้เล่นจากเขตอื่น มันก็ทำให้เซียวเฟิงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา นั่นคือหลังจากที่ชายหนุ่มฆ่าผู้เล่นจากเขตอื่นแล้ว ก็จะสามารถเก็บอาวุธของผู้เล่นเขตนั้น ๆ ได้ ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเลย

“ผู้เล่นจากเขตโทโยนี่เก่งกันจังเลยน้า…ดูสิ ตัวฉันเต็มไปด้วยเลือดทั้งตัวเลย นี่ถ้าไม่โชคดีล่ะก็ ฉันอาจจะแพ้ไปแล้วก็ได้”

หลังจากที่เลือกเอาของที่ต้องการจากกองอาวุธมากมายได้แล้ว เซียวเฟิงก็พูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ

เหล่าคนจากกิลด์เฮย์อันนั้นยังคงไม่สลด บางทีถ้าคนเหล่านี้ไปเจอมู่หรงหยุนหรือซางกวนแทนอาจจะไม่มีโอกาสได้มานอนพูดต่อแบบนี้ก็ได้

“แก! รอไปเถอะ! จักรพรรดิเต๋าของเราจะต้องตามหาตัวแกแล้วก็ล้างแค้นให้พวกเราแน่ ๆ !”

“ใช่แล้ว! จักพรรดิเต๋าน่ะเก่งที่สุดในเขต! เขาจะต้องเหยียบหน้าแกจนจมดินได้แน่ ๆ! และจะจมดินอย่างง่ายดายเลยด้วย!”

“เซ็มบงซากุระอีกคน! เธอเป็นนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตโทโยเลย! เพราะงั้นแกอาจจะตายโดยที่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ!”

ศพปากมากทั้ง 30 กว่าร่างนั้นยังคงหยิ่งจองหองราวกับแพล่มคำสาป อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่ได้สนใจจะพูดหรือฟังอะไรกับคนเหล่านี้ต่ออยู่แล้ว เพราะงั้นจึงหันหน้าออกแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

ความคืบหน้าของเขตโทโยและเขตฮัวเซียนั้นนับว่าใกล้กันมาก ๆ สังเกตได้จากอาวุธที่ดร็อปลงมาจากคนเหล่านี้ ส่วนมากจะเป็นอุปกรณ์ระดับเงินทั้งหมด สิ่งที่ดีที่สุด 1 ชิ้นก็แค่ระดับทองเท่านั้น

ผู้เล่นระดับสูงของเขตฮัวเซียเองก็น่าจะระดับใกล้ ๆ กันด้วย เพียงแต่ว่าเขตฮัวเซียนั้นมีจำนวนมากกว่าอีกหลายเท่าตัวเฉย ๆ

นอกจากนี้ สิ่งที่เรียกว่าเป็นกำไรที่มากที่สุดจากการฆ่าผู้เล่น 30 กว่าคนนั้นเห็นทีคงจะหนีไม่พ้นแต้มสมบัติ ที่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นเกิน 1,000 แต้มแล้วจากแต่เดิมแค่ 200 กว่าแต้มเท่านั้น

“ไม่เลวเลย”

เซียวเฟิงนวดคางตนเองและพูดพึมพำเบา ๆ ความเร็วจากการฆ่าผู้เล่นที่มีแต้มอยู่แล้วนั้นเร็วกว่าการไปฆ่ามอนสเตอร์เป็นไหน ๆ

แม้ตรงหน้าเขาจะมีปีศาจหีบสมบัติเงินอยู่ก็จริง แต่หลังจากที่แผน ‘หมูในอวย’ ประสบผลสำเร็จ เซียวเฟิงก็ไม่ได้มีกระจิตกระใจจะฆ่ามอนสเตอร์พวกนั้นต่อแล้ว เขาตัดสินใจเรียกเสี่ยวเสวี่ยออกมาแทนและมุ่งหน้าตรงไปยังใจกลางเกาะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในขณะเดียวกัน เซียวเฟิงก็คอยเหลือบมองไปยังกระดานลีดเดอร์บอร์ดที่อยู่เหนือเกาะมหาสมบัตินี้ไปด้วย ในหัวเขานั้นคิดว่าตนเองน่าจะต้องอยู่อันดับหนึ่งหรือไม่ก็ท็อป 3 ด้วยแต้มสมบัติกว่า 1000 แต้มนี้แน่ ๆ ทว่าผลของมันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นแถมยังน่าตกใจมาก ๆ อีกด้วย

10 อันดับบนลีดเดอร์บอร์ดนั้นไม่มีเขาอยู่เลย!

ตอนนี้ทั้ง 10 อันดับที่อยู่บนบอร์ดนั้นมีแต้มสมบัติสะสมกันไม่ต่ำกว่า 2,000 แต้มแล้ว! เห็นได้ชัดเลยว่าแต้มขนาดนี้ไม่ได้มาจากการฆ่ามอนสเตอร์แน่ ๆ !

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตนเองจะถูกดันจนหลุดออกมานอก 10 อันดับแล้ว แต่เซียวเฟิงก็ยังไม่รู้สึกกระวนกระวายอยู่ดี อีเวนต์นี้เพิ่งจะเริ่มมาได้เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น เขายังมีเวลาอีกมากในการจัดการเรื่องนี้

[เพื่อนของคุณ ซางกวน อาโอเชิน ต้องการจะโทรหาคุณ!]

ทันใดนั้นเอง ระหว่างที่เซียวเฟิงกำลังควบเสี่ยวเสวี่ยไปยังใจกลางของเกาะ เสียงของระบบก็แจ้งเตือนขึ้นมาในหู มันเป็นสายเรียกเข้าจากไอ้เปี๊ยกนั่น

“อะไร?”

เซียวเฟิงรับสายตามปกติแล้วถาม

“พี่ชาย พี่ฆ่าผู้เล่นนักดาบไปหรือเปล่า? ที่มาจากกิลด์เบลคชื่อว่า มู่หรงหยุน”

เด็กน้อยรีบถามทันทีที่เซียวเฟิงรับสาย

“กับมือเลย มีอะไร?” น้ำเสียงของเซียวเฟิงยังคงราบเรียบตามเดิม

“โอ้ยยยยย พี่ชาย!!” มันกลับกลายเป็นฝ่ายซางกวน อาโอเชินแทนที่น้ำเสียงกระสับกระส่าย “พี่รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร!?”

“คนที่มาจากกิลด์ของนายไม่ใช่หรือไง?” เซียวเฟิงตอบกลับไปด้วยคำถาม เขารู้มาตั้งแต่บนเรือแล้วหลังจากที่ได้เห็นซางกวน อาโอเชินอยู่ในกลุ่มของผู้เล่นกิลด์นี้ด้วย

“นั่นก็ใช่ แต่ฉันกับเจ้านั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันหรอก เข้าประเด็นสำคัญก่อน กิลด์ของพวกเราน่ะมันค่อนข้างพิเศษนิดหน่อย…” เจ้าตัวแสบพยักหน้าและรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เขาครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนคำพูดที่กำลังจะพูดออกไป “ยังไงก็เถอะ เบลคของพวกเราน่ะค่อนข้างพิเศษมาก ๆ แล้วก็ยากที่จะมีเรื่องด้วย เพราะงั้นพี่ชาย พี่ต้องรีบหาที่ซ่อนให้ได้นะ… ซีเหมินฉุยเสวียกำลังตามหาตัวพี่แล้ว เพราะพี่ไปฆ่ามู่หรงหยุน เขาจะต้องล้างแค้นพี่แน่ ๆ ! ซีเหมินฉุยเสวียคือเจ้าของฉายาเบลดมาสเตอร์แห่งเขตฮัวเซียของพวกเรา ฉันมั่นใจว่าอย่างน้อย ๆ พี่น่าจะเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง”

เขาคิดเรื่องนี้อยู่นานแล้วก็จริงแต่ก็ยังจัดการชุดความคิดมากมายในหัวไม่ได้ ในท้ายสุดจึงได้แค่ย้ำเตือนเซียวเฟิงให้รู้ถึงอันตรายเฉย ๆ

“อ่าฮะ” มีเพียงคำตอบสั้น ๆ หลุดออกไปจากปากของเซียวเฟิงเพียงคำเดียวเท่านั้น แถมคำ ๆ นั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษซ่อนอยู่ด้วย

“พี่ชาย! พี่ต้องเชื่อฉันนะ! ถึงชื่อของกิลด์เบลคจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากมายนัก แต่กิลด์นี้จะต้องกลายเป็น 1 ในกิลด์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตฮัวเซียในอนาคตแน่ ๆ! เป็นสิ่งที่กิลด์ขยะอย่างกลอรี่เทียบไม่ติดเลย! พี่ห้ามดูถูกเด็ดขาดเลยนะ!” น้ำเสียงของซางกวน อาโอเชินดูจะร้อนใจมากขึ้นแล้วแถมยังดูจริงจังมากขึ้นด้วย

“เข้าใจแล้ว” แม้จะดูไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เซียวเฟิงพูดได้แล้ว ทว่าจู่ ๆ เขาก็หยุดพูดต่อและครุ่นคิดอยู่อีกนิดหน่อย เมื่อกลั่นกรองคำถามในหัวได้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ตัดสินใจถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความลังเลแบบที่ไม่ค่อยได้ยินกันบ่อยนัก

“ตระกูลซางกวนของนาย ตระกูลซีเหมิน แล้วก็ตระกูลมู่หรงต่างก็โผล่หน้ากันมาหมดแล้ว แล้วตระกูลจางอยู่ไหนซะล่ะ?”

“พะ…พี่ชาย!?”

อีกฟากหนึ่งของสายโทรศัพท์ เด็กน้อยสะดุ้งโหยงผ่านน้ำเสียง เขาดูตกใจมาก ๆ “พะ…พี่ชายเป็นใครกันแน่เนี่ย!? ทำไมถึงรู้เรื่องตระกูลพวกนี้ด้วย!?”

เซียวเฟิงไม่ได้ตอบคำถามเขาแต่อย่างใด หากแต่ภายในแววตาของเขามันก็แสดงให้เห็นถึงปัญหาเล็กน้อยขณะที่ยังควบม้าผ่านป่าไปเรื่อย ๆ ในสายโทรศัพท์ ณ ตอนนี้มีแต่เสียงลมที่แทรกเข้ามาเท่านั้น

“จริง ๆ ฉันก็คิดอยู่แล้วแหละว่าพี่ชายน่ะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ ” หลังจากที่ได้สติกลับมา เด็กน้อยก็ยอมตอบอย่างช่วยไม่ได้ “ตระกูลจางเองก็เข้ามาในโลกของเกมแล้วเหมือนกัน แต่ตระกูลนั้นเข้ามาในโลกแห่งนี้ด้วยตัวตนที่ต่างออกไปมาก ๆ น่ะครับ เขาเป็นรองหัวหน้าของกิลด์เบลค แต่อีเวนต์นี้ไม่มีเขาอยู่ด้วยหรอกนะครับ”

“เข้าใจแล้ว”

เซียวเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็นก่อนจะวางสายไป ความเร็วของเสี่ยวเสวี่ยเพิ่มขึ้นอีกขั้นพร้อมกับแววตาของเซียวเฟิงที่จ้องมองไปตรงหน้า แววตานั้นไร้จุดหมายเพราะในหัวชายหนุ่มกำลังคิดหลายเรื่องจนยากที่จะจำแนกได้

เขาตัดสินใจเอาชุดแฟชั่นระบบออกมาจากกระเป๋า ชุดเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไร เซียวเฟิงสวมชุดเหล่านี้เพื่อปกปิดตัวตนของเขาอีกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังเปลี่ยนจากหน้ากากกระโหลกที่เขาชอบใส่เป็นประจำ ไปใส่หน้ากากสีดำแทน ดูเหมือนว่าชายหนุ่มในตอนนี้จะไม่อยากให้ใครจำหน้าได้เสียแล้ว

เกาะมหาสมบัตินั้นกว้างขวางมาก ขนาดที่ใช้ความเร็วสูงสุดของเสี่ยวเสวี่ยแล้ว กว่าจะเข้าถึงใจกลางของเกาะได้ก็ยังต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมง นี่มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเกาะแห่งนี้กว้างใหญ่ขนาดไหน

ตลอดทางเซียวเฟิงพบเจอกับผู้เล่นมากมายที่ไม่ได้มาจากเขตเดียวกับเขา ทุก ๆ คนล้วนมาจากเขตอื่นทั้งหมด ไม่มีใครคนไหนที่มาจากเขตฮัวเซียเลย

เขาไม่ได้สนใจผู้เล่นเหล่านี้ ในขณะเดียวกันด้วยความเร็วของเสี่ยวเสวี่ย มันก็ทำให้ไม่มีใครมองเห็นเซียวเฟิงด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีคนที่รับรู้ถึงการมาของเซียวเฟิงและตั้งใจจะดักฆ่า ซึ่งคนเหล่านี้ก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากเซียวเฟิงเช่นกัน มือข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างตัวและฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย เหตุการณ์ซ้ำ ๆ แบบนี้เกิดขึ้นตลอดทางจนแต้มสมบัติของเซียวเฟิงนั้นทะลุสูงเกิน 3,000 แต้มเข้าไปแล้ว

ดูเหมือนว่าความกว้างใหญ่ของเกาะแห่งนี้จะดูไม่สำคัญขึ้นมาเลย เพราะแต้มที่ปรากฏบนลีดเดอร์บอร์ดนั้นมันเข้าสู่ระดับน่ากลัวเข้าไปแล้ว

ตอนนี้ 10 อันดับบนลีดเดอร์บอร์ด มีแต้มสะสมกันมากกว่า 10,000 แต้มเสียอีก! ชัดเจนเลยว่าทั่วทั้งเกาะนี้คงจะกลายเป็นสนามรบที่มีแต่ผู้คนจ้องจะเข่นฆ่ากันเป็นแน่ นั่นเพราะว่ารายชื่อของ 10 อันดับบนกระดานนั้นยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่แต้มที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

ทั้ง 10 คนนั้นต่างก็กำลังไล่ฆ่าคนอื่น ๆ อยู่อย่างไม่หยุดพักแน่ ๆ ไม่งั้นแต้มสมบัติคงจะไม่แปรผันอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้