หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.533 – เหมันต์ยามค่ำ

 

บนพื้นน้ำแข็ง

 

ท่ามกลางพายุหิมะร้องหวีดหวิว

 

ทว่ากลับเกิดปรากฏการณ์น่าฉงน ที่จู่ๆก็มีแสงสว่างจ้าส่วนหนึ่ง ลุกโชนขึ้น ทะยานไปเชื่อมต่อกับท้องฟ้า

 

กู่ฉิงซานกับลอร่ายืนอยู่ตรงขอบหน้าผา เฝ้ารอการประกาศภารกิจเสร็จสิ้น

 

“ทำไมพวกเราถึงยังไม่ได้รับการตัดสินว่าบรรลุภารกิจแล้วซักที?” กู่ฉิงซานบ่น

 

“อย่าพึ่งกังวลไป ปกติแล้วก็มักจะใช้เวลาสักครู่หนึ่งแบบนี้แหละ” ลอร่ากล่าว

 

ขณะที่กำลังสนทนากัน ทั้งสองก็เหมือนกับจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหุบปากลงพร้อมกัน

 

มองไปยังละรอกคลื่นของลาวาที่กำลังกระเพื่อมอยู่เบื้องล่าง

 

ปรากฏสิ่งแปลกปลอมบางอย่างลอยอยู่บนผิวธารกระแสลาวา

 

มันแลคล้ายกับโคนต้นสนขนาดใหญ่ มองลงไปจากมุมสูงจะดูเหมือนกับเรือขนาดเล็กที่สามารถนั่งลงได้ราวๆ 3-5คน

 

ท่ามกลางการหลอมละลายของลาวา ผิวของโคนต้นสนค่อยๆถูกกระเทาะออก และเผยให้เห็นถึงเนื้อในซึ่งเป็นชั้นผิวที่ดูแสนจะลึกลับ

 

เหมือนว่าเดิมที ชั้นผิวขนาดใหญ่นี้จะถูกซุกซ่อนตัวอยู่ในก้นบึ้งเบื้องล่างของหุบเหวลึก และถูกเก็บไว้โดยปีศาจหิมะนับไม่ถ้วน

 

หากมิใช่เพราะปืนในตำนานอย่างหงสาคำรนฟีเนียส ที่พึ่งสำแดงอำนาจ ระเบิดเปลวเพลิงหลอมละลายไปตลอดทั้งหุบเหวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ลึกลงจนสุดก้นบึ้ง เกรงว่าทั้งสองก็คงจะไม่ได้ค้นพบกับผลไม้ชิ้นนี้

 

“นั่นมันบ้าอะไรกันน่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยปากออกมา

 

“มันคือผลไม้แช่แข็ง” ลอร่าตอบด้วยสีหน้าแปลกๆ “เป็นผลไม้ของต้นไม้สมบัติในดินแดนอัศจรรย์ มันมักจะชอบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่เย็นฉ่ำ มีความสามารถในการแยกกลิ่นอายของตัวเอง เพื่อป้องกันการถูกค้นหา และจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของมันก็คือ กลัวอุณหภูมิสูง”

 

“งั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันลอยขึ้นมา” กู่ฉิงซานพยักหน้า

 

นี่คงจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ หากมิใช่เพราะปืนพกกระบอกนั้น ผลไม้นี้คงจะสามารถซ่อนตัวเองอยู่ได้ตลอดไป

 

ขณะพูดคุยกัน เขาและเธอก็เห็นว่าผลไม้ค่อยๆปริออกท่ามกลางลาวา

 

ผิวของมันปรากฏรอยร้าวเป็นชั้นๆ

 

เป๊าะ!

 

บังเกิดเสียงกระเทาะดังขึ้น

 

ผลไม้ก็แตกออกเป็นชิ้นๆโดยสมบูรณ์

 

แล้วขนนกที่ดูคล้ายกับผลึกน้ำแข็งใส คอยส่งกลิ่นอายเย็นเยียบ ซุกซ่อนตนอยู่ภายในผลไม้ ก็ปรากฏออกมาสู่สายตาของทั้งสอง

 

มันถูกรองรับเอาไว้ด้วยชิ้นส่วนของเปลือกผลไม้ที่แตกออก ส่งผลให้ขนนกยังมิได้สัมผัสเข้ากับลาวาเดือดตรงๆ

 

แต่ทันทีที่ขนนกนี้ปรากฏขึ้น ธารลาวาโดยรอบก็มอดดับลงทันที

 

กระแสลาวาโดยรอบแปรสภาพเป็นแผ่นหินสีดำขนาดใหญ่ ทอดยาวออกไป

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ขนนกผลึกน้ำแข็งนี้ต้องเผชิญ มันคือตลอดทั้งทะเลสาบลาวา ดังนั้นแม้มันจะทรงพลัง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอที่จะต่อกร

 

ขนนกเริ่มสั่นสะท้าน

 

ทันใดนั้นชั้นผิวของขนนกผลึกน้ำแข็งก็สาดชั้นรังสีแสงออกมา

 

ใบหน้าของลอร่าแปรเปลี่ยนกลับกลาย

 

นั่นเป็นเพราะเธอรู้จักเจ้าของขนนกนี้!

 

“รีบไปนำมันมาเร็วเข้า!” ลอร่ากรีดร้องเสียงดัง

 

“เข้าใจแล้ว”

 

กู่ฉิงซานจีบออกด้วยวิชาลับ ก้าวตรงไปสุดขอบหน้าผา แล้วเอื้อมมือออกไป

 

ขนนกผลึกน้ำแข็งบินเข้ามาในมือของเขาทันที

 

เย็นจัง!

 

ทันทีที่สัมผัสโดนมือ ชั้นน้ำแข็งบางๆก็เริ่มกัดกิน ลามไปตามนิ้ว ลากยาวแผ่ขยายไปทั่วแขนของกู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว

 

เขาจึงเร่งกระตุ้นพลังวิญญาณเพื่อระงับการรุกล้ำของพลังเยือกแข็งนี้เอาไว้ชั่วคราว

 

ปกติแล้วพลังธาตุน้ำแข็งระดับนี้ มันไม่สมควรที่จะสามารถคุกคามใดๆแก่เขาได้

 

แต่นี่มันเป็นเพียงแค่ขนนก ทว่ากลับครอบครองพลังอำนาจถึงขนาดนี้ได้นี่มัน … ภายใต้การตริตรองอย่างรอบครอบ ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสัย

 

กู่ฉิงซานหรี่ตาลง เพ่งมองขนนกผลึกน้ำแข็งอย่างระมัดระวัง

 

เห็นแค่เพียงรอยเลือดจางๆ ที่หากไม่สังเกตก็คงแทบจะมองไม่เห็นบนขนนกนี้

 

ก่อนหน้านี้ขนนกได้ต่อสู้กับทะเลสาบลาวา ส่งผลให้ชั้นแสงหลากสีรอบตัวมันอ่อนโทรมลงเล็กน้อย

 

พอเห็นว่ามันปลอดภัย ลอร่าก็โล่งใจในที่สุด

 

โชคยังดีที่กู่ฉิงซานสามารถลงมือได้ทันเวลา มิฉะนั้นแล้วหากมันถูกกระตุ้นจนหลอมละลาย กลิ่นอายของขนนกนี้ก็คงจะถูกเปิดเผย แพร่กระจายออกไปโดยสิ้นเชิงเป็นแน่

 

แต่ดูเจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้สึกวางใจ จึงเปล่งคาถา ร่ายลงบนขนนกผลึกน้ำแข็งทับเอาไว้อีกชั้น

 

แสงไสวจากผลึกน้ำแข็งมอดดับลง กลับคืนสู่ขนนกในที่สุด

 

ขนนกกลับคืนสู่ความสงบดังเดิมอีกครั้ง

 

“ฟู่ว… เราได้ปิดซ่อนคลื่นความผันผวนของมันเอาไว้แล้ว ทริสเต้จะไม่มีทางค้นพบถึงการดำรงอยู่ของมันได้อย่างแน่นอน” ลอร่าผ่อนลมหายใจ กล่าวออกมาด้วยความสุข

 

กู่ฉิงซานที่กำลังเฝ้ารอเงียบๆ จนกระทั่งเธอเสร็จสิ้นกระบวนการนี้ ได้เอ่ยปากถามออกมา “แล้วเจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกัน?”

 

ใบหน้าของลอร่าดูเศร้าหมอง แต่ขณะเดียวกันมันก็ผสมปนเปไปกับความสงสัย

 

“นี่คือขนนกของเหมันต์ยามค่ำ – อีเลีย , ดูเหมือนว่าเธอจะเคยมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่” ลอร่าบ่นงึมงำ

 

“เธอเป็นคนรู้จักของฝ่าบาทอย่างงั้นหรอ?”

 

“ใช่ เหมันต์ยามค่ำอีเลีย , แสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้ ทั้งสองคนเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาวิหคหนาม”

 

“แสงแห่งรุ่งอรุณจะเป็นผู้รับผิดชอบในการคุ้มภัย – องครักษ์แห่งราชวงศ์ทุกคนจะตกอยู่ในความดูแลของเธอ ซึ่งรับหน้าที่ในการรับผิดชอบความปลอดภัยทั้งหมด”

 

“แต่ทริสเต้กลับสังหารทุกคนในครอบครัวของเรา ปิดกั้นไม่ให้ข่าวนี้รั่วไหล ในขณะที่เราออกมาจากอาณาจักร และมุ่งหน้ามายังอัลเบอัส”

 

“ถ้าแสงแห่งรุ่งอรุณรับผิดชอบในด้านคุ้มภัย แล้วเหมันต์ยามค่ำล่ะ มีหน้าที่อะไร?”

 

“เธอเป็นผู้รับผิดชอบในด้านงานสงครามภายนอก ตลอดทั้งอาณาจักรวิหคหนาม”

 

กู่ฉิงซานพอได้รับฟัง ก็ตระหนักถึงใจความสำคัญของเรื่องนี้ทันที คิ้วของเขายกสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิด

 

“นั่นหมายความว่า … กองทัพทั้งหมดย่อมตกอยู่ภายใต้คำสั่งของเธอใช่หรือไม่?” เขาถาม

 

“ใช่”

 

“แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

 

ลอร่าส่ายหัวและกล่าว “ไม่รู้สิ เดิมทีทริสเต้เป็นคนรับผิดชอบในด้านความปลอดภัยทั้งหมด ขณะที่อีเลียรับผิดชอบในการปกป้องอาณาจักร แล้วเพราะเหตุใดเธอจึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่กันแน่นะ?”

 

ลอร่ายังคงตกอยู่ในความสับสนอันล้ำลึก

 

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?

 

กู่ฉิงซานเริ่มปั่นสมอง ใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว

 

“กระหม่อมจะลองกล่าวในสิ่งที่คิดดู และฝ่าบาทก็คอยตอบนะว่าสิ่งที่กระหม่อมกล่าวมันถูกต้องหรือไม่”

 

“เข้าใจแล้ว” ลอร่าตอบรับ

 

“มีเลือดติดอยู่บนขนนก ดังนั้นดูเหมือนว่าอีเลียจะได้รับบาดเจ็บ”

 

“ใช่”

 

“ในเมื่อเธอเลือกที่จะซ่อนขนนกนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอกลัวว่าทริสเต้จะค้นพบถึงร่องรอยของเธอใช่หรือไม่”

 

ลอร่าพยักหน้า “หลังจากที่ขนของวิหคหนามร่วงตกลง มันก็ยังคงแฝงไว้ซึ่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเจ้าของ”

 

“ในกรณีนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บจากภายนอก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังสามารถที่จะเข้ามาสู่โลกใบนี้ได้”

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเธอได้รับบาดเจ็บจากภายนอก?” ลอร่าถาม

 

“เพราะหากเธอได้รับบาดเจ็บในโลกนี้ มันก็จะพิสูจน์ได้ว่าเธอเคยต่อสู้ที่นี่ แต่กระหม่อมจดจำได้ว่า พระองค์เคยกล่าวว่าในโลกของวิหคหนาม วิหคหนามตนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของ มิสมควรกระทำการใดๆที่จะเป็นการปลดปล่อยกลิ่นอายออกมา เพราะมันจะทำให้พวกเขาถูกตรวจพบได้อย่างง่ายดาย”

 

“จึงสรุปได้ว่าเธอไม่ได้ต่อสู้ที่นี่ ดังนั้นอาการบาดเจ็บของเธอก็สมควรที่จะได้รับมันมาจากภายนอก”

 

“แท้จริงแล้วก็เป็นแบบนี้” ลอร่าอุทาน

 

กู่ฉิงซานยังคงคิด และพูดต่ออย่างรวดเร็ว “เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถตระหนักได้ถึงปัญหา และบางทีอาจจะได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลลับบางอย่าง ทำให้บังเกิดข้อสงสัยในตัวของทริสเต้”

 

“และนั่นคงจะเป็นเหตุผลที่เธอออกมา – แต่ก็สายเกินไป เพราะแผนของทริสเต้สำเร็จไปแล้ว”

 

“ตลอดทั้งราชวงศ์ หลงเหลือเพียงฝ่าบาทคนเดียวเท่านั้นที่หลบหนีมาได้”

 

“กระหม่อมเชื่อว่า เบาะแสแม้เพียงนิด ก็คงจะทำให้เธอตระหนักได้ว่าฝ่าบาทได้หายตัวไป”

 

กู่ฉิงซานมองลอร่า และกล่าวอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อท่านแม่ของฝ่าบาทถูกแทนที่ด้วยตัวปลอม แถมเจ้าหญิงก็ยังหายตัวไป ดังนั้นเหมันต์ยามค่ำอีเลีย จะต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

 

“ทว่าหากแม้กระทั่งจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถตรวจจับถึงฝ่าบาทได้”

 

“ฉะนั้นเกรงว่าเหมันต์ยามค่ำอีเลีย ก็คงจะไม่อาจตามหาตัวพระองค์ได้เช่นกัน สรุปแล้วการที่เธอเลือกมายังโลกของทริสเต้ก็เพื่อตามหาตัวท่าน และขณะเดียวกันก็รวดตรวจสอบถึงเหตุผลที่ทริสเต้ทรยศราชวงศ์ไปด้วยเลยในคราวเดียว”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยในสิ่งที่คิดตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ทั้งหมดทั้งมวลก็สมควรที่จะเป็นประมาณนี้”

 

ลอร่าพอได้ฟังชุดประโยคพวกนี้ เธอก็ตกใจและนิ่งงันไปอยู่นาน

 

แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ เธอเริ่มที่จะค้นพบว่าบุรุษตรงหน้าเธอ ก็ค่อนข้างที่จะน่ากลัวขึ้นมานิดหน่อยแล้วเหมือนกัน

 

‘โชคดีจริงๆที่เขาเป็นสมาชิกของสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม’

 

“ไม่น่าแปลกใจเลย … ” ลอร่าบ่นงึมงำ “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดตัวเราจึงสามารถผนึกโลกใบนี้ได้ง่ายดายนัก มันกลับกลายเป็นว่า แต่เดิม เทคนิคมนตราชั้นนอกที่ทริสเต้ร่ายป้องกันโลกใบนี้เอาไว้ มันได้ถูกทำลายลงโดยฝีมือของอีเลียมาก่อนแล้วนั่นเอง เราก็หลงคิดว่าตนโชคดี สามารถผนึกโลกนี้ได้ด้วยตัวเองซะอีก”

 

“แต่ฝ่าบาทก็ยังสามารถปั่นหัวทริสเต้ไม่ให้หาโลกใบนี้ได้พบ แถมยังทำให้ทริสเต้ไม่อาจตรวจจับได้ถึงสิ่งผิดปกติใดๆได้อีก แค่นี้พระองค์ก็ร้ายกาจมากพอแล้วนะ” กู่ฉิงซานกล่าวสรรเสริญ

 

ขณะกล่าว เขาก็เริ่มจมลงสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง

 

แล้วจู่ๆเขาก็เอ่ยถามออกมาว่า “เหมันต์ยามค่ำอีเลีย – เป็นผู้ที่ภักดีต่อราชวงศ์หรือไม่?”

 

“เธอเป็นแม่ทูนหัวของเรา และครั้งหนึ่งเธอเคยสาบานว่าจะปกป้องเราต่อหน้ารุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคหนาม”

 

“แล้วทริสเต้ล่ะ?”

 

“เธอสาบานว่าจะแข็งแกร่งขึ้น และคุ้มครองทุกสิ่งที่ควรค่าแก่การปกป้อง”

 

“เจ้าเล่ห์ไม่เลวเลย พูดแบบนั้นเพื่อไม่ให้การกระทำนี้ของตนเป็นการผิดคำสาบานสินะ แล้วถ้าหากละเมิดคำมั่นของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ล่ะ คนๆนั้นจะเป็นยังไง?”

 

“รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์จะกำจัดอำนาจวิเศษทั้งหมดของวิหคนามตนนั้นๆไป”

 

กู่ฉิงซานปรบมือดังฉาดและกล่าว “แบบนั้นก็เยี่ยมไปเลย! ดูเหมือนว่าเหมันต์ยามค่ำอีเลียจะอยู่ข้างเรา ดังนั้นถ้าเราสามารถหาตัวเธอได้ โอกาสที่จะสามารถเอาชนะทริสเต้ก็จะเพิ่มมากขึ้น!”

 

เอาชนะ?

 

ลอร่ากลายเป็นบื้อใบ้

 

นับตั้งแต่ช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติมาเยือนตัวเธอ จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เจ้าหญิงมีความคิดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในใจตน

 

นั่นก็คือสายเลือดของราชวงศ์วิหคหนามไม่อาจถูกสะบั้น ตนจะต้องหลบหนีและเอาชีวิตรอดไปให้ได้!

 

ทว่าบุรุษผู้นี้ เพียงแค่ได้เห็นได้ฟังถึงเรื่องราวของขนนกผลึกน้ำแข็ง เขาก็เริ่มวางแผนการ และพลิกตลบทุกสิ่งอย่าง คิดหมายวางแผนการที่จะเอาชนะขึ้นมาได้ซะอย่างงั้น?

 

นี่มันเรื่องจริงหรือนี่ …

 

ลอร่ารู้สึกว่า หากเป็นตัวเอง เธอคงไม่มีทางคิดอะไรแบบนี้ได้แน่ๆ

 

ในเวลานั้นเอง เสียงๆประกาศก่อนหน้านี้ก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว”

 

“คุณทุ่มเททำผลงานได้ดีมาก สามารถบรรลุภารกิจแรกได้อย่างสมบูรณ์ แล้วไหนจะภารกิจนี้อีก ขอจงมุ่งมั่นทำดีต่อไป แล้วในยามที่สามารถจบภารกิจทั้งหมดลงได้โดยสมบูรณ์ คุณก็จะได้รับรางวัลตามความดีความชอบที่ได้ทำมา”

 

“ฉันก็หลงคิดไปว่าจะได้รับรางวัลเลยทันทีซะอีก” กู่ฉิงซานพึมพำ

 

ได้ยินเพียงแค่เสียงประกาศกล่าวต่อว่า “สงครามครั้งที่สอง : การต่อสู้ลดระดับกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า โปรดเฝ้ารอสักหนึ่งนาที”

 

กู่ฉิงซานกับลอร่าจึงเฝ้ารออยู่ด้วยกัน

 

ขณะนั้นเอง บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ก็เกิดการเคลื่อนไหวเล็กน้อย

 

แล้วกู่ฉิงซานก็ว่างพอดี เขาจึงเบนสายตามายังหน้าต่าง มองไปยังเส้นบรรทัดแสงตัวอักษรขนาดเล็กที่ปรากฏขึ้น

 

“คำเตือนสูงสุด : ระบบเทพสงครามเริ่มสัมผัสได้ถึง ‘เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : เชื้อไฟ’ แล้ว!”