กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงหันหัวมองย้อนกลับไป แล้วก็บังเอิญพบว่าสามดาบกำลังสั่นไหวอยู่

 

เมื่อถูกสายตาของเขาจ้องมอง ดาบพิภพกับดาบขุนเขาเทวะหกโลกาก็หยุดทันที

 

แต่ดูท่าว่าเช่าหยินจะไม่ทันสังเกตเห็นเขา มันเลยยังคงหัวเราะต่อไป สั่นไหวทั้งใบทั้งดาบอยู่อย่างนั้น

 

ดาบพิภพจึงใช้ด้ามดาบเขกหัวมัน

 

“นั่นพวกเจ้ากำลังสนทนาอะไรกันอยู่?” กู่ฉิงซานสงสัย

 

“ถกกันเรื่องชั้นเชิงวรยุทธน่ะ” เสียงของฉานนู่ดังออกมาจากดาบขุนเขาเทวะหกโลกา

 

แต่น้ำเสียงตอบสนองของเธอ ดูจะประหม่าเล็กน้อย

 

ดาบพิภพช่วยเสริม “เป็นเช่นนั้น วิชาดาบเมื่อครู่รุนแรงยิ่ง พวกเราเลยกำลังหารือเกี่ยวกับมัน ว่าจะประสานงานกันเพื่อสำแดงเดชออกมาให้ดีที่สุดได้อย่างไร”

 

กู่ฉิงซานจึงหันหัวกลับไป

 

สามดาบพากันถอนหายใจโล่งอกพร้อมๆกัน

 

ลอร่าที่ยืนอยู่บนไหล่ของกู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ

 

ท่ามกลางพายุหิมะ วิสัยทัศน์ถูกจำกัดเป็นอย่างมาก

 

ข้อจำกัดนี้ ดูเหมือนว่าจะมาจากกฏเกณฑ์บางอย่างของต้นกำเนิดโลก ดังนั้นไม่ว่าคุณจะครอบครองความสามารถในการมองเห็นที่ดีเพียงใด ดวงตาของคุณก็จะถูกขัดขวาง ส่งผลให้ไม่สามารถมองเห็นได้ไกลเกินไปนัก

 

ลอร่าพอคิดเกี่ยวกับมัน เธอเลยคว้าเอากระเป๋าใบเล็กออกมาจากด้านหลัง

 

เธอล้วงมือเข้าไปข้างในและหยิบเอากล้องกล้องส่องทางไกลแบบเลนส์เดียวที่ยืดหดได้ออกมา

 

“ทุกที่รอบๆเหมือนกันไปหมดเลย มีแต่หน้าผากับมอนสเตอร์” เธอเอ่ยเสียงดัง “ถ้าเป็นแบบนี้ ขอบอกตรงๆว่า ต่อให้เป็นตัวเราเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางไหนดี”

 

“งั้นตอนนี้พวกเราคงทำได้แค่รอประกาศเท่านั้นสินะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ขณะกำลังสนทนา จู่ๆบนพื้นหิมะและน้ำแข็งในจุดที่ไกลออกไป ก็พลันเปล่งแสงกระพริบไหวอันไม่รู้จบ วาบขึ้นมา

 

รังสีแสงส่ายไปมา และในที่สุดก็ควบรวมกันเป็นเสาแสง สาดขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

นั่นมันคงจะเป็นเครื่องหมายบอกทิศทางต่อไปแน่ๆ

 

“นั่งลงก่อน แล้วไปดูกันเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ลอร่านั่งลงบนไหล่เขา

 

พอหย่อนก้นลง ร่างของกู่ฉิงซานก็วูบไหว มุ่งหน้าไปยังทิศทางของแสงทันที

 

หนึ่งนั่งหนึ่งวิ่ง ข้ามผ่านผืนหิมะและน้ำแข็ง

 

บางครั้งบางคราว มอนสเตอร์ยักษ์บางตนก็ผุดออกมาจากพื้นหิมะ

 

แต่กู่ฉิงซานกำลังรีบ เขาผละดาบออกจากมือ และปล่อยให้มันรับหน้าที่นำพามอนสเตอร์เหล่านั้นไปสู่ความตายด้วยตนเองเลยโดยตรง

 

พลังวิญญาณอันไร้ที่สิ้นสุดระเบิดขึ้นรอบกาย กู่ฉิงซานทะยานเหินบินขึ้นจากพื้นอย่างเต็มกำลัง

 

เขากำลังรีบมุ่งไปยังสถานที่ๆรังสีแสงสาดไสวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

แล้วก็พบกับหน้าผา

 

กู่ฉิงซานปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกมา กวาดลงหน้าผาเบื้องล่าง แต่กวาดลึกลงไปเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพบถึงจุดสิ้นสุดของมัน

 

ณ ขณะนั้นเอง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น

 

“ผลงานของคุณเมื่อครู่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ดังนั้นคุณจึงได้รับคุณสมบัติให้ข้ามผ่านการทดสอบอื่นๆไปเลยโดยตรง และเตรียมได้รับรางวัลภารกิจจากทริสเต้อย่างเป็นทางการ”

 

เสียงยังคงพูดต่อไป

 

“อย่างไรก็ตาม ฝูงมอนสเตอร์อันน่าหวาดกลัวกำลังจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า พวกมันคอยหลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเหวลึกที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ยามใดก็ตามที่ทริสเต้มิได้ให้ความสนใจ พวกมันก็มักจะฉวยโอกาสออกมาก่อความวุ่นวาย แน่นอน ถึงแม้ว่านี่จะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยก็ตามที แต่มันก็ค่อนข้างที่จะน่ารำคาญ”

 

“ภายใต้การเรียกขานของวิหคหนาม ได้โปรดช่วยวิหคหนามทริสเต้จัดการปัญหาเล็กๆน้อยๆนี้ด้วยเถอะ”

 

“ฉันเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า สำหรับรุ่นเยาว์ที่อายุต่ำกว่า 30 ปีอย่างพวกคุณ มันอาจจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากไปบ้าง แต่ขอจงร่วมมือกัน เพื่อพิชิตศัตรูกลุ่มนี้ลงให้จงได้!”

 

ว่าจบ เสียงก็หายไป

 

“นี่น่ะหรอคือสิ่งที่เรียกว่า ‘การเรียกขานของวิหคหนาม?’ มันจะเป็นคนคอยกำหนดภารกิจให้เราเองงั้นสินะ” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“ถูกต้อง อันที่จริงนี่คือกระบวนการตามปกติของการเรียกขานของวิหคหนาม” ลอร่าตอบกลับ

 

กู่ฉิงซานยื่นหน้า ก้มมองลงไปในเหวลึกที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง

 

เห็นแค่เพียงร่างของมอนสเตอร์มากมายที่ซุ่มซ่อน และเกาะติดอยู่ตามมุมต่างๆของเหวลึก

 

ร่างกายของพวกมันใหญ่โต ทว่าขณะเดียวกันก็โปร่งใส โปร่งใสชนิดที่ว่าสามารถมองทะลุเห็นถึงอวัยวะภายในได้เลยโดยตรง

 

มองทะลุเข้าไป จะเห็นว่าอวัยวะเหล่านั้นมีลักษณะคล้ายทำมาจากผลึกน้ำแข็งผสานเข้ากับก้อนหิน มีขนาดใหญ่โตและหยาบด้าน

 

มอนสเตอร์เหล่านั้นเริ่มปีนป่ายขึ้นมาบนหน้าผาชันอย่างว่องไว ความเร็วของพวกมันช่างไม่สอดคล้องกับขนาดตัวเอาเสียเลย

 

“มันคือปีศาจหิมะ” ลอร่ากล่าว

 

“อะไรคือปีศาจหิมะ?” กู่ฉิงซานถาม

 

“มันคือมอนสเตอร์กึ่งธาตุที่ยากต่อการสังหาร” ลอร่าอธิบาย “หินและน้ำแข็งจะสามารถช่วยรักษาบาดแผลของมันได้อย่างรวดเร็ว นั่นเพราะพวกมันถูกสรรค์สร้างขึ้นมาจากธาตุเหล่านั้น”

 

มองลงไปยังก้นบึ้งของหุบเหวลึก ร่างของมอนสเตอร์ค่อยๆเด่นชัดขึ้นในสายตา บ่งบอกว่ามันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คิ้วของกู่ฉิงซานก็เริ่มขมวดเข้าหากัน

 

อ้างอิงตามที่เสียงประกาศ มอนสเตอร์เหล่านี้สมควรที่จะแข็งแกร่ง และจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะมัน

 

ประจวบไปกับการที่ลอร่าอธิบายว่ามันสามารถรักษาตนเองได้ -ไม่ใช่พวกที่ยอมตายกันง่ายๆ ดังนั้นหากเขาต้องการที่จะเก็บกวาดปัญหาทั้งหมดในคราเดียว วิธีที่ดีที่สุดคงจะเป็นการใช้ค่ายกลดาบไท่หยีอีกครั้ง!

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานก็โพล่งออกมาทันที “ไม่สำคัญหรอกว่าพวกมันจะเป็นตัวอะไร เพราะสุดท้ายเดี๋ยวก็ต้องตายลงด้วยน้ำมือหม่อมกระหม่อมอยู่ดี”

 

ว่าแล้วกู่ฉิงซานก็เริ่มขับเคลื่อนเทคนิคดาบ

 

ฮู้มมมม!

 

ปลายแหลมของทั้งสามดาบ จี้ลงไปยังทิศทางของเหวลึกโดยพร้อมเพรียง ขณะเดียวกันก็สาดกลิ่นอายสังหารอันน่าขวัญผวาออกมา

 

พวกมันดูเหมือนจะเตรียมตัวพร้อมแล้ว

 

“โปรดรอสักครู่” ลอร่าขัด

 

“หือ? มีอะไรงั้นหรอ?”

 

“เมื่อครู่เจ้าพึ่งทุ่มลงมือเต็มกำลังไปมิใช่หรือ น่าจะสูญเสียพลังงานไปเยอะเลยใช่ไหม ดังนั้น คราวนี้เราจะช่วยเจ้าเอง”

 

“อ้าว ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทบอกเองว่าท่านไม่อาจลงมือได้หรอกหรือ?”

 

“แต่เราสามารถมอบบางสิ่งบางอย่าง แล้วให้เจ้าเป็นคนใช้งานมันได้”

 

ลอร่าหันไปหยิบกระเป๋าใบเล็กด้านหลังเธออีกครั้ง

 

เธอเปิดมัน และเริ่มควานหา

 

“เอ .. มันอยู่ตรงไหนกันนะ ..”

 

กู่ฉิงซานมองลอร่า ก่อนจะสลับกลับไปดูมอนสเตอร์ใต้หุบเหว

 

หลังจากเฝ้ารออยู่ครู่หนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา “เวลาของพวกเราไม่ได้ม-”

 

“เราเจอแล้ว!” ลอร่าอุทานด้วยความสุข

 

แล้วเธอก็ยัดอะไรบางอย่างลงในมือของกู่ฉิงซาน

 

กู่ฉิงซานก้มลงมองดู และพบว่ามันเป็นปืนพก

 

นี่คือปืนพกสีเงินอันประณีต มันดูกระทัดรัดน่ารัก มีขนาดรวมๆแล้วเล็กกว่าฝ่ามือของกู่ฉิงซานซะด้วยซ้ำ

 

กู่ฉิงซานทดลองกระชับมัน แต่ก็พบว่าตรงส่วนไกปืนเขาแทบจะเอานิ้วสอดเข้าไปไม่ได้เลย

 

“ปืนงั้นหรอ?”

 

“นี่คือสิ่งที่เราใช้ป้องกันตัวเอง แต่น่าเสียดายที่กระสุนของมันเหลือแค่นัดสุดท้ายเท่านั้น”

 

“เจ้าสิ่งนี้จะช่วยได้จริงๆน่ะหรือ?”

 

“ไม่ต้องมัวคิดให้เสียเวลา ขอแค่ลองเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง”

 

กู่ฉิงซานลอบส่ายหัวอย่างลับๆ

 

‘มันใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นไหม? เหลือกระสุนนัดสุดท้าย … นัดเดียวมันจะไปฆ่ามอนสเตอร์ทั้งฝูงลงได้ยังไง?’

 

‘เฮ้อ เจ้าหญิงน้อยแม้จะหลักแหลม แต่ก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ’

 

กู่ฉิงซานกำลังจะส่งปืนพกคืนให้แก่ลอร่า แต่แล้วเขาก็พลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

 

เสี่ยวเหมียวเคยบอกกับเขา ‘ไม่ว่าของชิ้นใดก็ตามในดินแดนอัศจรรย์ หากถูกนำออกมา พวกมันล้วนมีมูลค่ามหาศาลเสมอ’

 

และวิหคหนามก็อาศัยอยู่ในดินแดนอัศจรรย์ แถมยังเป็นพวกที่มักจะชอบสะสมแต่สิ่งที่มีคุณค่าชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติเอาไว้

 

ซึ่งสิ่งนี้พิสูจน์ได้ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น แล้วรุ่นเยาว์มากมายในตลอดทั้งโลก 900 ล้านชั้นจะเดินทางมาเพื่อตอบรับการเรียกขานของแสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้ไปทำไมกัน?

 

-ต้องไม่ลืมนะว่า เด็กสาวตัวน้อยบนไหล่เขา เธอคนนี้เป็นถึงเจ้าหญิงผู้สืบทอดราชบัลลังก์คนต่อไปของราชวงศ์วิหคหนาม

 

แล้วตัวตนเช่นนั้น … จะเก็บของไร้ประโยชน์เอาไว้ได้อย่างไร?

 

กู่ฉิงซานพอคิดได้ ก็เริ่มมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 

ในเวลาเดียวกัน บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ก็ปรากฏบรรทัดแสงหิ่งห้อยขนาดเล็กเด้งขึ้นมา

 

“อาวุธปืนในตำนาน : หงสาคำรนฟีเนียส”

 

“วิชายุทธเทพสงคราม : อุปกรณ์นี้ไม่มีสกิลที่จะสามารถใช้เรียนรู้ได้”

 

“คำอธิบายตามพงศาวดาร : ปรากฏถึงการลอบสังหารที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ แต่มันก็ได้ห่างหาย ว่างเว้นไปแล้วในช่วงตลอด 10000 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โปรดจ่าย 100 แต้มพลังวิญญาณ หรือไม่ก็ไปหาหนังสือประวัติศาสตร์มานั่งอ่านซะ!”

 

กู่ฉิงซานเข้าใจได้ในทันที

 

เจ้าปืนนี้ … มันคงเก็บซ่อนพลังอำนาจอันมหาศาลเอาไว้ แตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกของมันเป็นแน่

 

ดังนั้นขนาดของมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมากังวลใดๆ ขอแค่ยิงออกไปเดี๋ยวก็รู้เอง

 

เขายกปืนพกสีเงินขึ้น และเล็งลงไปยังเหวลึกเบื้องล่าง

 

“จะยิงแล้วนะ”

 

“อื้ม”

 

ลอร่ายกสองมือขึ้นมาปิดหู สีหน้าแสดงออกถึงความตื่นเต้น

 

ท่าทีของเธอดูไม่แตกต่างไปจากกำลังเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกในการรับชมการแสดงในโรงละครเลย

 

กู่ฉิงซานเล็งไปยังปีศาจหิมะตนแรกที่อยู่ใกลล้สุดแล้วเหนี่ยวไกออกไป

 

‘ปัง!’

 

ปืนพกสีเงินสั่นไหวเล็กน้อย

 

กู่ฉิงซานก้มมองลงไปใต้หุบเหวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

แต่กลับพบว่ากระสุนดันทะลุผ่านร่างของปีศาจหิมะ และพริบตาเดียวมันก็หายวับไปจากพิสัยจิตสัมผัสเทวะของเขา จมลึกลงไปในเหวอันไร้ก้นบึ้งเสียแล้ว

 

เร็วจริงๆ!

 

กู่ฉิงซานลองคิดว่า หากเป็นตนเองที่ถูกผู้อื่นยิงด้วยปืนกระบอกนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้ซึ่งการป้องกัน เกรงว่ามันจะอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

 

ในส่วนลึกของผาชัน ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง เห็นแค่เพียงปีศาจหิมะตัวที่ถูกยิง กลิ้งม้วนลงตกหน้าผาไป

 

ร่างของมันจมหายลงไปในเหวลึก

 

“ในเรื่องความเร็วนับว่าสุดยอดไปเลย แถมอานุภาพมันก็ร้ายไม่เบา” กู่ฉิงซานเอ่ยชมคำหนึ่งแล้วคืนปืนพกให้แก่ลอร่า

 

“จะรีบไปไหน มันยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย ฟังเรานะ ตอนนี้รีบถอยออกจากตรงนี้กันก่อนเถอะ” ลอร่ากล่าว

 

กู่ฉิงซานชะงักไปเล็กน้อย

 

“บอกให้รีบถอยไง เดี๋ยวมันจะเริ่มร้อนแล้ว อุณหภูมิที่กำลังจะปรากฏมันสูงเกินกว่าที่เรากับเจ้าจะรับไหวนะ!” ลอร่าเร่งเร้า

 

กู่ฉิงซานจึงรีบพาเธอออกมาจากบริเวณขอบหน้าผาทันที

 

สักพักหนึ่ง เพียงแค่หยุดฝีเท้าลง ก็บังเกิดแสงเรืองรองของเปลวเพลิงอันกระจ่างชัด ลุกโชนขึ้นมาจากตลอดทั้งเหวลึกอันไร้ก้นบึ้งที่พึ่งถูกกระสุนยิงลงไปเมื่อครู่นี้

 

อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หิมะและน้ำแข็งที่ปกคลุมเริ่มถูกหลอมละลาย ผสมปนเปกับกับเสาหินที่กลิ้งลงไป ทั่วบริเวณฟุ้งไปด้วยเขม่า

 

ท่ามกลางเขม่าหนา จู่ๆก็ปรากฏเสียงหวีดร้องน่าสมเพชนับไม่ถ้วนดังขึ้น

 

วู้มมมม!

 

วิหคเพลิงขนาดยักษ์ที่ทั้งตนทั้งร่างลุกโชน หนืดเหนียวไปด้วยลาวาเหลวที่กำลังหลอมละลาย โผบินขึ้นมาจากเหวลึก

 

เพียงมันสยายปีกออก ทั้งร่างทั้งปีกของมันก็ครอบคลุมไปตลอดทั้งเหวลึก

 

วิหคยักษ์จ้องมองกู่ฉิงซาน “โปรดให้คะแนนสำหรับการให้บริการในครั้งนี้ด้วย”

 

กู่ฉิงซานหันไปมองลอร่า

 

ลอร่าก็มองเขาและกล่าว “เจ้าเป็นคนยิง ฉะนั้นก็ต้องเป็นคนให้”

 

กู่ฉิงซานหันไปถามวิหคที่ท่วมไปด้วยเปลวเพลิง “ฆ่าพวกมัน .. ทุกตัวตายจนหมดแล้วใช่ไหม?”

 

“เหลือแต่ขี้เถ้า”

 

“งั้นเอาคะแนนเต็มไปเลย!” กู่ฉิงซานอุทานออกมา

 

วิหคเพลิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และแตกสลายหายไปในความว่างเปล่า

 

กู่ฉิงซานหยุดอยู่สักครู่ ก่อนจะลองเดินตรงไปยังขอบผา ก้มมองลงไป

 

แล้วก็พบกับลาวาเดือดที่กำลังหลอมละลายอย่างช้าๆ

 

หินในผาถูกเผาไหม้จนกลายเป็นสีแดง ขณะที่หิมะและน้ำแข็งถูกละลาย ระเหยกลายเป็นไอพวยพุ่งขึ้นมาทันที

 

ปีศาจหิมะ หรือจะตัวอะไรก็ไม่รู้ล่ะ ถูกหลอมละลายไปจนสิ้น

 

ตลอดทั้งหุบเหวหิมะและน้ำแข็ง บัดนี้แปรสภาพกลายเป็นทะเลสาบลาวาไปแล้ว!

 

เฝ้ามองไปยังฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้ กู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “นี่เหลือกระสุดแค่นัดสุดท้ายจริงๆน่ะหรอ?”

 

“ใช่”

 

“น่าเสียดายจัง”

 

“นี่ไม่นับว่าน่าเสียดายอะไร ก็แค่ปืนกระบอกเดียว สมบัติของเรามีมากกว่านี้อีกเยอะ” ลอร่าหัวเราะคิกคัก