ลอร่าตบไหล่ของกู่ฉิงซานและกล่าว “ฝากด้วยล่ะ เพราะเราไม่สามารถลงมือได้”

 

พร้อมกันกับเสียงของเธอ เหล่ามอนสเตอร์ก็ค้นพบถึงตัวตนของทั้งสองคนแล้ว!

 

พวกมันวิ่งเข้ามา และเริ่มโอบล้อม

 

ขณะเดียวกัน กองศพขนาดใหญ่ภายในเมืองก็ค่อยๆเริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ

 

มันจำต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งเลยทีเดียว กว่าที่มอนสเตอร์จะสามารถมีขนาดใหญ่ได้ถึงเพียงนี้

 

ไม่จริงน่า นี่หมายความว่าแค่ในการทดสอบแรก เชื้อไฟก็ปลดปล่อยมอนสเตอร์เหล่านี้ออกมา แล้วสังหารหมู่คนไปเป็นจำนวนมากเลยน่ะสิ

 

และผู้คนที่เข้ามาที่นี่ ก็คงไม่ได้คาดหวังเลย ว่าการเรียกขานของวิหคหนาม จะเป็นการต่อสู้ที่ร้ายแรงถึงชีวิตและความตายเช่นนี้

 

แต่พวกคนที่ยังสามารถเอาชีวิตรอดไปได้ก็คงจะไม่คิดอะไรมากมายนักหรอก

 

เพราะตามกฏแล้ว ยังไงคนที่ตายก็จะถูกส่งกลับไปยังอัลเบอัส

 

โฮกกกก!!

 

บรรดามอนสเตอร์ร่างมนุษย์ที่มุดขึ้นมาจากพื้นดิน เริ่มที่จะพุ่งเข้ากระหนาบพวกเขาจากทุกทิศทาง

 

ตามแต่ละข้อต่อของพวกมัน ต่างมีใบมีดยาวผุดออกมา บ้างก็ชุ่มไปด้วยเลือด ขณะที่บ้างก็มีเศษเนื้อของบรรดาเหล่าผู้ทดสอบกลุ่มก้อนหน้าติดอยู่

 

ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร มอนสเตอร์บางตัวเริ่มทะยานตัวสูงขึ้น และโฉบลงมาทางกู่ฉิงซานกับลอร่าที่อยู่เบื้องล่าง

 

ทว่ากู่ฉิงซานกลับยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม พร้อมด้วยร่างเงาจากดาบพิภพที่กำลังเบ่งบาน เริ่มร่ายรำไปในอากาศ

 

รังสีดาบนับไม่ถ้วนบินออกมาจากดาบยาว และม้วนเข้าทั้งตัดทั้งสับมอนสเตอร์ที่อยู่กลางอากาศ

 

เลือดฝนพร่างพราวลงมา

 

“แบบนี้ไม่ดีแล้วนะ นี่มันมากเกินไป”

 

ลอร่าที่กำลังสังเกตสภาพโดยรอบ เริ่มร้องด้วยความกระวนกระวายออกมา

 

ใช่แล้วล่ะ มอนสเตอร์มันมุดออกมาจากพื้นดิน เพิ่มจำนวนมากขึ้น มากขึ้นจนแทบจะล้นเมืองอยู่แล้ว!

 

ขณะที่ซากศพกองพะเนินซ้อนทับๆกัน ก็ค่อยๆเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

 

ซากศพแกว่งไกว โงนเงนไปมา เข้าผสมโรงกลุ่มมอนสเตอร์ เบียดเสียดกันมุ่งเข้ามากดดันกู่ฉิงซานกับลอร่าตลอดทั้งสี่ทิศ

 

เมืองรกร้างที่แต่เดิมถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวนวล บัดนี้ค่อยๆกลายเป็นสีดำ เนื่องจากถูกกลืนไปด้วยกระแสของมอนสเตอร์

 

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมไอ้การทดสอบนี้ถึงได้ถูกเรียกว่าการต่อสู้ที่ถูกปิดล้อม” กู่ฉิงซานบ่น

 

เขาได้ลองลอบคิดดูว่า หากการต่อสู้นี่คือการทดสอบความแข็งแกร่งจริงๆแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่าเขาคงจะไม่สามารถบินหนีมันไปตรงๆได้

 

“มัวแต่คิดอยู่นั่นแหละ เร่งมือเร็วเขา ถ้าพวกเราถูกล้อมจริงๆ ทุกอย่างก็เป็นอันจบนะ” ลอร่ากระตุ้นเตือน

 

กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็ผละดาบพิภพออกจากมือ

 

“ฆ่าพวกมันซะ”

 

เขาเอ่ยสั้นๆ

 

ว่าแล้ว ดาบพิภพก็เริ่มว่ายมาเวียนวนรอบกู่ฉิงซาน หมุนควงเป็นเส้นโค้งมนงดงามรอบทั้งคนทั้งร่างของเขา

 

บังเกิดรังสีดาบสีนวลผ่อง วาดวูบไหวคล้ายกับจันทร์เต็มดวง ก่อนจะเริ่มแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว และสับสะบั้นทุกสิ่งที่ขวางทางออกเป็นสองท่อน มิแตกต่างจากหั่นขอนไม้

 

เทคนิคลับแห่งดาบ ตัดจันทรา!

 

กู่ฉิงซานคือผู้ฝึกดาบขอบเขตประทับเทพ ดังนั้นเทคนิคลับแห่งดาบนี้ จึงสามารถระเบิดพลังเหลือคณาออกมาได้อย่างที่มันไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

“สวยจังเลย นี่น่ะหรอคือเทคนิคดาบบิน?” ลอร่าที่กำลังเฝ้ามอง ปรบมือด้วยความตื่นเต้น

 

กู่ฉิงซานพอได้ยินได้เห็นท่าทีแบบนั้นของเด็กสาว เขาก็ถึงกับไร้คำจะกล่าว

 

เพราะที่เธอแสดงออก มันดูไม่แตกต่างจากการที่เด็กตัวน้อยกำลังดูโชว์ดอกไม้ไฟอยู่เลย

 

เมื่อพบเจอกับสถานการณ์ไม่คาดคิด บรรดามอนสเตอร์ที่อยู่หลังๆก็พยายามหลบเลี่ยงรังสีดาบ พวกมันทิ้งตัวลงนอนแนบกับพื้นโดยสิ้นเชิง และเริ่มหยิบฉวยซากแขนขา ที่ปลิวว่อนจากคมดาบขึ้นมากัดกิน

 

มอนสเตอร์ยังคงหลั่งไหลออกมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่อง

 

พวกมันเหล่านี้ แลคล้ายกับซากศพมนุษย์ที่กำลังแก่งแย่งอาหารกัน

 

จำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

เพียงไม่กี่ลมหายใจ บรรดามอนสเตอร์ที่แออัดก็เริ่มกลืนกินพวกซากศพทั้งหมดจนสิ้น

 

ได้ยินเพียงเสียงเคี้ยวกรุบกรับอันน่าขนลุกสะท้อนสะท้านไปทั้งเมือง

 

มอนสเตอร์ที่ได้กินศพ ขนาดตัวของมันก็เริ่มใหญ่โตขึ้น แน่นอน พละกำลังและความไวของมันก็เช่นกัน

 

พวกมันคำรามคลั่ง และเริ่มกระโจนเข้าหากู่ฉิงซานกับลอร่าอีกรอบ

 

มองลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน จะเห็นแค่เพียงกระแสสีดำอันเชี่ยวกราด คล้ายคลื่นมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ โถมกระหน่ำลงมาบรรจบกัน เข้าโอบล้อมกู่ฉิงซานกับลอร่าโดยสมบูรณ์

 

พื้นที่ของทั้งสองมีขนาดเล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ และไม่นาน เขาและเธอก็คงจะถูกกลืนลงลงโดยกระแสมอนสเตอร์

 

“ฝ่าวงล้อมออกไปซะกู่ฉิงซาน! การต่อสู้นี้คือการทดสอบว่าพวกเราจะสามารถฝ่ามันไปได้รึเปล่า!” ลอร่าเตือนเขาด้วยความกระวนกระวาย

 

แต่กู่ฉิงซานไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

 

เขาเพียงจีบออกด้วยเทคนิคดาบอย่างคล่องแคล่ว

 

ขณะที่พลังวิญญาณในตันเถียนพลุ่งพล่านออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง

 

หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตประทับเทพขั้นปลาย กู่ฉิงซานก็ยังไม่เคยได้ทุ่มลงมือเต็มกำลังมาก่อนเลย

 

ฮู้มมมม!

 

สามดาบยาวปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าตามลำดับ

 

ดาบเล่มแรก แลดูสามัญ แต่กลับส่งคลื่นความผันผวนคุกรุ่นออกมา

 

ดาบเล่มที่สองมีรูปร่างแปลกตา แต่มันก็ดูเรียวยาวประณีต

 

ดาบเล่มที่สามเปล่งประกายสดใส คล้ายหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง

 

“จัดการซะ”  กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างนุ่มนวล

 

แล้วสามดาบก็วูบหายไป

 

พวกมันฉวัดเฉวียนไปทั่วแผ่นฟ้าและผืนดิน ด้วยความว่องไวอันยอดเยี่ยม ทิ้งภาพติดตาของดาบไว้เป็นชั้นๆ

 

และในทุกๆภาพติดตาดาบที่ทิ้งไว้ ก็ยังคงลอยล่องอยู่ในอากาศที่ว่างเปล่า นิ่งงันมิได้ขยับย้ายไปไหน

 

ความเร็วของสามดาบเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกมันก็ทิ้งไว้เพียงประกายเงาดำ แล้วก็วูบหายไป

 

เมืองอันรกร้างทั้งหมด บัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเงาดาบหนาทึบ

 

ทุกสิ่งอย่างนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป บรรดามอนสเตอร์พึ่งย่ำเท้าเข้ามาได้เพียงไม่มีก้าว เงาดาบทั้งหมดก็โฉบลงมายังตำแหน่งของพวกมันแล้ว

 

ทว่าน่าแปลกนัก ทั้งๆที่เงาดาบมันปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองแท้ๆ แต่พวกมอนสเตอร์ที่วิ่งผ่านเงาดาบเหล่านั้นไป กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย

 

“เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกัน?” ลอร่าเอ่ยถาม

 

กู่ฉิงซานถอนหายใจ และเริ่มทำการกระตุ้นเทคนิคดาบ

 

ค่ายกลดาบไท่หยี จงตื่นขึ้น!

 

บังเกิดความผันผวนของสายลม

 

สายลมที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด พัดกระพือเข้าใส่ตลอดทั้งเมืองรกร้างในทันใด และควบรวมกันเป็นกระแสพายุอันรุนแรงอย่างรวดเร็ว

 

และแน่นอน ว่ามันไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานสายลมนี้เอาไว้ได้!

 

มอนสเตอร์ทั้งหมดถูกกลืนเข้าไปในพายุ ศพกองพะเนินก็ค่อยๆถูกลบออกไปอย่างเงียบๆ จนสุดท้ายก็ไม่เห็นกระทั่งร่องรอย และเกรงว่าพวกมันคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน ก่อนที่จะตาย

 

กระแสลมหอนลั่นไปทั่วทั้งผืนดิน มันโถมเข้าโอบทุกสิ่งอย่าง และหมุนควงเป็นงวงช้างทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

 

เมฆหมอกหนาทึบที่ปกคลุมตลอดทั้งเมือง เริ่มกระจัดกระจายตัวออก สลายไปตามแรงลม

 

ขณะที่กระทั่งหิมะก็ยังหยุดตก

 

ท้องฟ้าสีสว่างสดใสปรากฏขึ้นเหนือเมืองรกร้าง

 

ดวงอาทิตย์สามารถสาดแสงลงมาได้ในที่สุด แผ่ขยายความรู้สึกอบอุ่น เปล่งประกายไปตลอดทั้งเมือง

 

จากนั้นก็บังเกิดฉากอันน่าอัศจรรย์ใจยิ่งขึ้น

 

ภายในตลอดทั้งเมืองกลับเต็มไปด้วยแสงแดดอันอบอุ่น

 

ขณะเดียวกันพายุหิมะก็ยังคงตกลงอยู่ แต่เป็นภายนอกกำแพงเมือง

 

สิ่งมหัศจรรย์ดังกล่าวนี้กินเวลาต่อเนื่องไปกว่าสิบลมหายใจ ก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไป

 

ในที่สุด ไม่เว้นกระทั่งกำแพงสี่มุมเมือง มันก็ได้ถูกทำลายลงไปกับสายลม

 

ด้วยสายลมนี้ ซากเมืองทั้งเมืองพลันกระจัดกระจาย เหลือทิ้งไว้เพียงพื้นโล่งกว้างที่บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

 

สายลมหยุดลงในที่สุด

 

เมฆดำบนผืนฟ้าค่อยๆกลับมารวมตัวกันอีกครา

 

ตลอดทั้งสวรรค์และโลกคล้ายกลับกลายจากกลางวันสู่กลางค่ำ เหี่ยวเฉามืดมนดังเดิม

 

เกล็ดหิมะเริ่มทยอยกลับมาร่วงโรยลงจากท้องฟ้า

 

บัดนี้ กู่ฉิงซานได้สลายเทคนิคดาบของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ลอร่ายันตัวลุกขึ้นบนไหล่ของกู่ฉิงซาน และหันไปมองรอบๆ

 

—ภายในสายตาของเธอ ทุกสิ่งอย่างยกเว้นผืนดินและหิมะ ล้วนถูกปัดเป่าจนหายไปสิ้นด้วยกระแสลมอันรุนแรงจากเทคนิคดาบ

 

ตลอดทั้งสวรรค์และโลกกลายเป็นสีเทา และหิมะก็ค่อยๆโปรยปรายลงมาอย่างอ่อนโยน

 

ทั้งเมืองทั้งมาร บัดนี้ไร้ซึ่งสิ่งใด

 

“เล่นกวาดซะเกลี้ยงเลยจริงๆ” ลอร่าถอนหายใจและกล่าว “เราไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะหนักมือถึงเพียงนี้”

 

เธอลอบรู้สึกประหลาดใจอย่างลับๆ และเริ่มวิเคราะห์ถึงสกิลดาบนี้ของกู่ฉิงซานในจิตใจ

 

ตลอดทั้งเมืองถูกกวาดไปจนสิ้นด้วยคมดาบ

 

กล่าวได้เลยว่าด้วยสกิลดาบอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้ มันจักสามารถทำให้เขาได้กลายเป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์อายุไม่เกิน 30 ปี ที่ร้ายกาจที่สุดในอันดับต้นๆท่ามกลางโลกตลอดทั้ง 900 ล้านชั้นอย่างแน่นอน

 

ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมกำปั้นเหล็กแบรี่ถึงยอมรับในตัวเขา

 

“พวกเรามีเวลาไม่มากนัก กระหม่อมเลยต้องเร่งจบการต่อสู้โดยเร็วที่สุด” กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว

 

แล้วเขาก็สั่งการภายในจิตใจ

 

สามดาบบินมาทันที และลอยล่องอยู่ในความว่างเปล่าเบื้องหลังเขาอย่างเงียบๆ

 

กู่ฉิงซานบ่นอย่างหงุดหงิด “แบบนี้ถือว่าผ่านแล้วรึยัง ทำไมถึงไม่มีอะไรออกมาตรวจสอบมันสักทีนะ?”

 

ลอร่ามองเขาอย่างสงบ แล้วก็เห็นได้ถึงเงื่อนงำบางอย่าง

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นกังวลเกี่ยวกับเธอมากเลยนะ?” ลอร่าถาม

 

“ก็กระหม่อมไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แถมยังไม่มั่นใจว่าพวกเราจะไล่ตามเธอได้ทันรึเปล่าอีก” กู่ฉิงซานถอนหายใจ

 

ลอร่าเข้าใจในที่สุด

 

มันกลับกลายเป็นว่า แท้จริงแล้วเขาเพียงต้องการประหยัดเวลา

 

ผู้หญิงแบบใดกันที่มีค่าถึงขั้นให้ชายคนหนึ่งต้องทำถึงขนาดนี้?

 

ในหัวใจของลอร่าบังเกิดความอยากรู้อยากเห็น

 

เธอหันไปมองดูกู่ฉิงซาน และเอ่ยถามขึ้นทันใด “เจ้าเคยนอนกับเธอหรือยัง?”

 

กู่ฉิงซานตกใจ เขารีบกล่าว “ไม่”

 

“นี่เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือ อดทนมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

 

“สาวน้อย รู้ตัวมั้ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”

 

กู่ฉิงซานหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่แท้จริงแล้วเขากำลังแอบลอบคิดถึงรสจูบของซูเซี่ยเอ๋ออย่างลับๆ

 

ในเวลานั้น ตนต้องแกล้งทำเป็นหลับ ไม่แม้กระทั่งจะสามารถเคลื่อนไหวได้

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เขาก็เสียดาย และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

 

ขณะที่เบื้องหลังเขา ดาบพิภพไม่ทราบว่าได้กล่าวสิ่งใดกับอีกสองดาบ แต่มิแคล้วเป็นเรื่องของกู่ฉิงซาน เพราะพอกล่าวจบ พวกมันทั้งสามก็เริ่มสั่นสะท้านแสดงอาการหัวเราะอย่างรุนแรงออกมาพร้อมกัน