ตอนที่ 284 จะยอมเลิกราได้อย่างไร

แม่สาวเข็มเงิน

ความวุ่นวายที่หลี่อันหรูนำมานั้นยังไม่จบสิ้น

เดิมทีในหมู่บ้านโจรแห่งนี้มีผู้หญิงน้อยผู้ชายมากอยู่แล้ว ผู้หญิงส่วนน้อยที่เหลือถ้าไม่กล้าหาญเกินคนก็แอบชอบไอ้หมอหน้าขาวอย่างเจียงป่าวชิง พวกผู้ชายที่มีภรรยาแล้วก็ดีหน่อย ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปนาน ชายโสดเหล่านี้ก็เหมือนหมาป่าและเสือดุ ทว่าน่าเสียดาย กฎในหมู่บ้านข้อแรกคือไม่อนุญาตให้รังแกผู้หญิงและเด็ก ในฐานะที่เป็นโจร เรื่องนี้ทรมานกว่าการฟันพวกเขาให้เจ็บปวดเสียอีก

ช่วงนี้ หลายคนได้ยินว่าหัวหน้าสามไปลักพาเอาสาวสวยคนหนึ่งกลับมา

ที่จริงแล้วพวกเขาไม่มีความคิดคดเคี้ยวต่อหลี่อันหรูในตอนแรก พวกเขาเพียงแค่คิดว่าถ้าหากหัวหน้าสามทำลายกฎเกณฑ์ได้ อย่างนั้นลูกน้องอย่างพวกเขาจะขอลองทำสิ่งใหม่ ๆ บ้างได้หรือไม่

รอมาสองสามวัน ก็ได้ยินมาว่าช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหัวหน้าสามไม่กล้ากลับไปที่บ้านตัวเอง วัน ๆ เอาแต่กินดื่มอยู่ที่บ้านหัวหน้าใหญ่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะไปแตะต้องผู้หญิงคนนั้นเลย

พวกผู้ชายที่หิวโหยยากเกินจะทนได้จึงพากันนั่งไม่ติด ตอนไม่มีอะไรทำ พวกเขารวมกลุ่มกันไปเดินเตร่แถว ๆ ที่ที่หัวหน้าสามอยู่ จนวันหนึ่งบังเอิญเห็นหลี่อันหรูนั่งพิงอยู่ตรงหน้าต่างด้วยสีหน้าเศร้าโศก

แต่ละคนตกใจทันที

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีผู้หญิงน้อย ส่วนคนในหมู่บ้านทั้งหมด คนที่หน้าตาดีที่สุดคือไอ้หมอหน้าขาวเจียงป่าวชิง แต่เขากลับเป็นผู้ชาย นี่คือสิ่งที่น่าเศร้าสลดหมดแรงสำหรับพวกเขา

พวกเขาเหี่ยวแห้งมายาวนานแต่ตอนนี้มีหญิงสาวสวยเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน พวกผู้ชายเลือดร้อนเหมือนแท่งเหล็กจะนั่งติดที่ได้อย่างไร แต่ละคนต่างอยากจะไปเกาะหน้าต่างบ้านหัวหน้าสามให้รู้แล้วรู้รอด

พวกเขาทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยผิวปากอยู่ตรงนอกรั้วตลอดทั้งวัน บ้างก็พากันพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยคำพูดลามกที่ผู้ชายรู้กัน แล้วก็พากันหัวเราะคิกคักชอบใจ

แม้หลี่อันหรูจะไม่เข้าใจคำพูดเหล่านั้นทั้งหมด แต่จากแววตาของคนพวกนี้ นางก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ได้พูดเรื่องดี ๆ นางตกใจจนไม่กล้าเปิดหน้าต่างอีกเลย ได้แต่หลบอยู่ใต้ผ้าห่มและร้องไห้ตัวสั่นอยู่อย่างนั้น

ตอนที่เจียงป่าวชิงมาเปลี่ยนยาที่ขาให้หลี่อันหรู นางก็ขมวดคิ้ว “นี่ เจ้าควรเอาขาไปโดนแสงแดดให้มาก ๆ ไม่อย่างนั้นจะหายช้า”

คนที่กระดูกหักจะกระตุ้นการฟื้นตัวของร่างกายโดยที่ไม่ออกไปรับแสงแดดเลยได้อย่างไร

ดวงตาหลี่อันหรูแดงก่ำ น้ำเสียงของนางโศกเศร้าราวกับนกที่ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด “หมอเจียง ข้า… ไม่กล้าเปิดหน้าต่างหรือออกไปไหนเลย พวกผู้ชายข้างนอกเหมือนต้องการจะกินคน น่ากลัวมากจริง ๆ”

หลี่อันหรูมองเจียงป่าวชิงอย่างเศร้าใจ “หมอเจียง ข้าขอร้องเจ้าล่ะ เจ้าช่วยข้าด้วยเถอะนะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี ไม่เหมือนกับคนป่าเถื่อนพวกนั้น เจ้าช่วยข้านะ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปข้าต้องตายแน่ ๆ”

เจียงป่าวชิงนิ่งไม่ไหวติง ทำเพียงพูดขึ้นนิ่ง ๆ “ถ้าหากเจ้าไม่รักษาบาดแผลให้ดี ๆ ขาของเจ้าจะใช้การไม่ได้อีกต่อไป และเกรงว่าชีวิตของเจ้าจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายในอนาคตเสียอีก”

หลี่อันหรูสำลักคำพูดที่อยากจะพูดต่อ ดวงตาแดงก่ำของนางหลั่งน้ำตาใสออกมา นางพูดอย่างน่าสงสารทั้งน้ำตา “หมอเจียง ทำไมเจ้าถึงได้ใจดำกับข้าแบบนี้เล่า ?”

เจียงป่าวชิงชะงักไป ก่อนจะเผยสีหน้าจนปัญญาออกมาให้เห็น “แม่นางหลี่ โปรดเจ้าจงเข้าใจสถานการณ์ด้วย ข้าเป็นโจร ฉะนั้นมันสมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือที่ข้าจะต้องใจดำกับเจ้า ?”

หลี่อันหรูพูดไม่ออก

เจียงป่าวชิงส่ายศีรษะพลางหยิบกล่องยาเตรียมตัวกลับไป แต่หลี่อันหรูรีบจัดการกับอารมณ์ของตัวเองและเรียกเจียงป่าวชิงไว้ น้ำเสียงของนางฟังดูน่าสงสารอย่างมาก

“หมอเจียง ข้าอยู่ที่นี่คนเดียวรู้สึกอึดอัดมาก เจ้าช่วยอยู่คุยเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่ ?”

คนเลือดเย็นไร้ความปราณีอย่างเจียงป่าวชิงตั้งใจจะตอบกลับไปว่าไม่ได้ แต่นางครุ่นคิดสักครู่ก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันหากเกลี้ยกล่อมให้หลี่อันหรูพูดเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง นางจะได้ถือโอกาสทำความรู้จักและหาข้อมูลเกี่ยวกับหลี่อันหรูเพิ่มเติมก็คงไม่เสียหายอะไร

ดังนั้น เจียงป่าวชิงจึงหันกลับมาอีกครั้งและวางกล่องยาลง

หลี่อันหรูดีใจมาก น้ำเสียงของนางอ่อนกว่าเดิมด้วย “ขอบคุณเจ้ามากนะหมอเจียง”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าและเอ่ยถาม “เอาล่ะ เจ้าอยากคุยอะไรล่ะ ?”

หลี่อันหรูพิงอยู่บนหมอนอิง นางยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครบางคนเข้ามาในห้อง คนคนนั้นดูโกรธมากและกระแทกถาดรองลงบนโต๊ะอย่างแรง

นั่นคือซิ่วผิง

เนื่องจากหลี่อันหรูเป็นผู้หญิง จิ้นเทียนหยู่จึงยืมตัวซิ่วผิงจากบ้านหัวหน้าสองให้มาช่วยดูแลหลี่อันหรู โดยปกติซิ่วผิงจะช่วยรินน้ำหยิบยาทำนองนั้น

อันที่จริงซิ่วผิงเองก็ไม่ได้รังเกียจหลี่อันหรูหรือมีปัญหาใด ๆ แต่ตอนนี้เมื่อนางถือยากลับมา นางเห็นกับตาว่าหลี่อันหรูพยายามยั่วยวนเจียงป่าวชิงจึงรู้สึกโมโหทันที

เจียงป่าวชิงชะโงกหน้าไปมองถ้วยยาที่อยู่ในถาดรองบนโต๊ะแล้วพยักหน้าอย่างเสียมิไม่ได้ นางรู้สึกขึ้นมาจริง ๆ ว่าซิ่วผิงเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง นางวางถาดรองกระแทกลงบนโต๊ะด้วยความโกรธขนาดนั้น ยายังกระเซ็นไม่เท่าไหร่เอง ช่างเป็นคนที่เก่งจริง ๆ

หลี่อันหรู คุณหนูที่มาจากตระกูลใหญ่อย่างแท้จริงมีความเย่อหยิ่งเป็นธรรมดา แต่ความเย่อหยิ่งของนางถูกจิ้นเทียนหยู่ทำลายไปตั้งแต่วันแรกที่นางถูกจับแล้ว ตอนนี้ซิ่วผิงระบายอารมณ์เช่นนี้ หากว่าเป็นเมื่อก่อน อาการขี้โวยวายของหลี่อันหรูคงกำเริบแล้ว แต่ตอนนี้นางทำเพียงมองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาประหนึ่งว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม

ซิ่วผิงเห็นแล้วก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากกว่าเดิม ‘หนอย ยังกล้าใช้สายตายั่วยวนหมอเจียงต่อหน้าข้าอีกนะ! สารเลว!’

ซิ่วผิงเป็นคนปากไวคนหนึ่ง นางถลึงตาใส่หลี่อันหรูทันที “มองอะไร! ไม่เคยเห็นผู้ชายรึไง ?! ผู้ชายข้างนอกมีตั้งมากมาย ข้าแนะนำให้เจ้าสักสองสามคนก็ยังได้”

ผู้ชายที่เหมือนหมาป่าและเสือดุข้างนอกแทบจะเป็นฝันร้ายของหลี่อันหรู นางได้ยินดังนั้น สีหน้าของนางขาวซีดทันที มือไม้ระวิงวุ่นจับผ้าห่มที่คลุมอยู่บนขาแน่น เนื้อตัวสั่นเทาเต็มที่และพูดอะไรไม่ออก

สภาพของหลี่อันหรูเป็นเช่นนี้ แล้วจะสืบข่าวได้อย่างไร

เจียงป่าวชิงมองซิ่วผิงเล็กน้อย “นี่ ซิ่วผิง นางขี้ขลาดมาก เจ้าอย่าทำให้นางกลัวดีกว่า”

ซิ่วผิงเบะปาก อยากจะพูดอะไรอีก แต่เจียงป่าวชิงส่ายหน้าให้นางอย่างอ่อนโยน ซิ่วผิงถึงจะยอมเลิกราแต่ก็ยังพูดพึมพำประมาณว่า “นางคุณหนูบ้า เจ้าจะเสแสร้งทำไม” จากนั้นก็ออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

หลี่อันหรูขดตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยท่าทางตกใจ

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะพูดปลอบนาง “ซิ่วผิงนางแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ นางเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง คงไม่ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน”

ในถ้ำโจรจะมีผู้หญิงที่ดีได้อย่างไร… หลี่อันหรูไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ในใจ แต่นางกลับไม่สามารถพูดออกไปได้ ทำได้เพียงพยักหน้าด้วยสีหน้าน้อยใจและพูดขึ้นเสียงเบา “ข้ารู้”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าเช่นกัน แต่ทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกัน

หลี่อันหรูรู้ว่าตัวเองอยากไปจากถ้ำโจรแห่งนี้ใจจะขาด จากสถานการณ์ปัจจุบัน คนที่มีโอกาสช่วยเหลือมากที่สุดคงไม่พ้นหมอเจียงที่ดูสวยน่ารักเสียจนเหมือนไม่ใช่ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้านางคนนี้

จะว่าไปแล้ว นางเป็นคนที่สวยน่ารักและเย่อหยิ่ง เมื่อตอนที่นางยังเด็ก คนที่บ้านพานางออกไปเป็นแขกในงานเลี้ยง ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน ผู้คนต่างก็ต้องทึ่งกับความงามของนางกันทั้งนั้น แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งความงามของนางจะนำหายนะมาสู่นางเช่นนี้

หลี่อันหรูนึกถึงวันที่นางถูกลักพาตัวมาก็อดที่จะตัวสั่นอย่างเสียมิได้

“หมอเจียง…” น้ำเสียงของหลี่อันหรูค่อนข้างขมขื่น “เจ้าอาจไม่รู้ว่าตั้งแต่เด็ก ผู้หญิงอย่างเราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล เพื่อหนทางชีวิตการเป็นขุนนางของพ่อและพี่ชาย… ตอนนี้ข้าถูกลักพาตัวมาก็หมายความว่าผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูลถูกปล้นชิงไปแล้ว เจ้าลองคิดดูสิว่าวงศ์ตระกูลของข้าจะยอมเลิกราได้อย่างไร พวกเขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่ดีต่อพวกเจ้าแน่ ๆ เลยนะ”