หลินจงอวี้คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านสกุลหลินจะไม่เหมือนอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้
คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะยอมรับตนเองง่ายดายเช่นนี้
รับเข้ามานั้นง่ายดาย แต่หากจะย้ายสัญชาติ เช่นนั้นจะต้องกลับไปที่บ้านเกิดของสกุลหลินเพื่อจัดการสิ่งต่างๆ โชคดีที่สกุลที่จัดการเรื่องนี้ไม่ใช่ศัตรูของสกุลหลิน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงง่ายกว่าที่คิดมาก ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็สบายใจและอยู่พูดคุยกับพวกผู้ชายทั้งสามอย่างสนุกสนาน
อันที่จริงเหตุการณ์ในสกุลหลินมิได้สงบสุขเหมือนอย่างที่ตาเห็น
ทว่าท่านพ่อกับท่านพี่ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ พวกเขาไม่ยอมเปิดเผยเรื่องใดกับนาง นางรู้ดีว่าพวกเขาอยากให้นางสบายใจ
แต่นางเองก็เป็นหนึ่งในคนสกุลหลิน จะให้นางหนีปัญหาอยู่คนเดียวได้อย่างไร?
“มาเถิด ลองชิมดู นี่เป็นอาหารที่เจ้าชอบกินตอนเด็ก แม่ของเจ้าจากไปเร็วนัก พ่อเองก็ออกไปรบต่างบ้านต่างเมือง ดังนั้นเจ้าจึงต้องลำบาก”
หลินมู่จือยังคงรู้สึกผิดกับลูกสาวคนนี้เสมอ
ภรรยาด่วนจากไป สกุลซ่างกวนบีบให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของสกุลนั้น ดังนั้นเขาจึงเจ็บปวดใจไม่น้อย
เขาจึงระบายความอัดอั้นทั้งหมดกับสงคราม แม้ศัตรูจะหวาดกลัวแต่ถึงกระนั้นหลินเมิ้งหยากลับถูกละเลย
การได้รับตำแหน่งชายาอวี้นับว่าเป็นเรื่องไม่เลว แต่ในราชวงศ์หาได้มีความจริใจต่อกัน ฮองเฮากำลังจับตามองสกุลหลิน ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจะต้องลำบากอย่างแน่นอน
“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ ตอนอยู่จวนอวี้ ข้าคิดถึงรสชาติอาหารของบ้านเรามาก เชิญท่านพ่อ เชิญท่านพี่”
หลินเมิ้งหยาเข้าใจพ่อของตนเองดี แต่หัวใจของนางยังคงจำเรื่องที่ซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่กระทำต่อตนเองไว้มิลืมเลือน
ท่านพ่อออกรบอยู่ต่างบ้านต่างเมืองหลายปี จวนเจิ้นหนานโหวมีซ่างกวนฉิงคอยดูแล แม้จะไม่ได้เย็นชาต่อกันเสมือนแท่งเหล็ก แต่ถึงกระนั้นก็ยังรับฟังข่าวสารของกันและกันบ้าง
มิเช่นนั้นเรื่องที่นางถูกทรมานมานานหลายปีคงมิอาจปิดบังท่านพ่อมาได้อย่างเนิ่นนาน
เมื่อครู่นางกับท่านพี่ลองแอบฟัง ก่อนจะพบว่าสองแม่ลูกเงียบผิดปกติ พวกนางไม่แม้แต่จะส่งเสียงโวยวาย อีกทั้งยังกล่าวสำนึกผิดทุกวัน
นางคิดว่าซ่างกวนฉิงจะต้องวางแผนอะไรอยู่อย่างแน่นอน
หากนางพูดเรื่องบางอย่างออกไปแล้วล่ะก็ เกรงว่าสกุลหลินจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ ลูกรู้ว่าท่านโกรธแม่เลี้ยง แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ท่านจัดการคุมขังพวกนางเพราะความโกรธ แต่ท่านพ่ออย่าลืมนึกถึงบ้านสกุลซ่างกวน พวกเขาเป็นสกุลที่มีอำนาจที่สุดในต้าจิ้น หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป เกรงว่าพวกเขาจะอาฆาตท่านได้”
หลินเมิ้งหยาไม่ได้กลัว แต่นางเข้าใจปัญหานี้ดี
ที่บ้านสกุลหลินยังคงยืนหยัดเช่นทุกวันนี้ได้ ก็เพราะสกุลหลินไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
แต่ตอนนี้นางแต่งงานกับหลงเทียนอวี้แล้ว ดังนั้นสกุลหลินจึงถูกจับตามองมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่างกวนฉิงยังไม่ได้รับความรักและเอ็นดูจากท่านพ่อ นางไม่ได้คลอดลูกชายแม้แต่คนเดียว แน่นอนว่าสกุลซ่างกวนจะไม่มีวันปล่อยโอกาสควบคุมสกุลหลินไปอย่างแน่นอน
ความคิดของนางแตกต่างจากหลินหนานเซิง หลินมู่จือมองดูลูกสาว สีหน้าเผยความยินดี
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะละเอียดรอบคอบถึงเพียงนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องมีการลงโทษอยู่ดี เอาแบบนี้แล้วกัน คุมขังพวกนางไว้สักหนึ่งเดือน เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า
นางมิใช่พระแม่มารี ทั้งหมดที่นางทำก็เพื่อตระกูลของตนเองแต่เพียงเท่านั้น
ส่วนซ่างกวนฉิงกับหลินเมิ้งหวู่ วันใดนางขจัดสกุลซ่างกวนได้แล้ว นางค่อยมาสนใจความเป็นความตายของพวกนางทั้งสอง
ความอบอุ่นจากบรรยากาศในห้องแผ่กระจาย ใบหน้าของทุกคนถูกประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม ส่วนอีกด้าน ซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่กำลังตกอยู่ในอาการหนาวสั่น
“ท่านแม่ ไม่รู้ว่าพวกท่านตาจะได้รับข้อความที่ส่งไปแล้วหรือไม่?”
ทุกๆ วันหลินเมิ้งหวู่มักรอคอยการตอบกลับจากท่านตา นางไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
ท่านพ่อทำเกินไปแล้ว นางมีใบหน้างดงามประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์ แต่กลับถูกริบเครื่องประดับไปจนหมด หากท่านยายมาเห็นเข้า นางจะฟ้องท่านยายดูสักตั้ง
“อย่าร้อนใจไปเลย แม่นมของเจ้าเอ่ยว่าช่วงนี้จวนของเรามีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด การจะลอบส่งข้อความออกไปนั้นมิใช่เรื่องง่าย แต่ถึงกระนั้นทุกเดือนข้ามักจะส่งจดหมายไปถึงท่านยายของเจ้า หากท่านยายของเจ้าไม่ได้รับมัน เกรงว่าพวกเขาจะต้องรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเราสองแม่ลูกอย่างแน่นอน”
ขอบตาของซ่างกวนฉิงแดงก่ำ กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันช่างทรมานยิ่งนัก
ใบหน้าของนางซีดเผือด เส้นผมที่เคยหวีแต่งทรงอย่างเป็นระเบียบกลับรกรุงรัง
นางไม่เหมือนฮูหยินหลินผู้สง่างามอีกต่อไป นับตั้งแต่วันที่ท่านโหวกลับมา ชีวิตของพวกนางสองแม่ลูกก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
“ต้องรอนานขนาดไหนกัน ท่านแม่ ท่านไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”
หลินเมิ้งหวู่เบะปาก ก่อนจะส่งเสียงเอาแต่ใจกับแม่ของตนเอง
อีกไม่กี่วันจะถึงวันงานเทศกาลฤดูหนาวแล้ว ภายในวังหลวงจะจัดงานขอพรครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น
นางเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือน หากนางไม่ออกไปเสนอหน้าแล้วล่ะก็ เช่นนั้นนางจะหาเจ้าบ่าวของตนเองเจอได้อย่างไร?
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แม่จะต้องทำให้เจ้าเข้าวังในวันงานเทศกาลฤดูหนาวให้ได้”
มองดูลูกสาวของตนเอง ร่องรอยของการตัดสินใจอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นในดวงตาของซ่างกวนฉิง
นังแพศยาคนนั้นทั้งที่ตายไปนานแล้ว แต่ยังเอาหัวใจของท่านพี่ไปด้วย หากนางตายไป เช่นนั้นเขาจะคิดถึงนางเหมือนกับนังนั่นบ้างหรือไม่?
ประตูสวนถูกเปิดออก สองแม่ลูกหันไปมองทางประตูด้วยสายตาระแวดระวัง แต่พวกนางกลับได้เห็นร่างบางที่คุ้นเคย
ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ดั่งดอกฝูหรงประดับไว้ซึ่งรอยยิ้ม
เครื่องประดับศีรษะสีแดงพลิ้วไหวตามการเยื้องย่าง
เสื้อคลุมสีขาวขับให้นางดูสง่างาม ยิ่งทำให้พวกนางสองแม่ลูกรู้สึกเกลียดชังนางยิ่งนัก
“เจ้ามาทำอะไร? หรือจะมาดูความทรมานของพวกเราสองแม่ลูก?”
ทั้งที่เป็นลูกสาวเหมือนกัน แต่หลินเมิ้งหวู่กลับเกลียดชังหลินเมิ้งหยาจับใจ ดวงตาคู่สวยอาบไปด้วยยาพิษ
“นี่คือผลกรรมที่พวกเจ้าได้ทำเอาไว้ หลินเมิ้งหวู่ หากพวกเจ้าสองแม่ลูกมิได้วางยาข้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็คงไม่พบจุดจบเช่นนี้”
สีหน้าของหลินเมิ้งหวู่เปลี่ยนไป นางมิได้สำนึกผิด แต่นางกลัวว่าหากท่านพ่อได้ยินเข้า ชีวิตของพวกนางสองแม่ลูกคงจบสิ้น
“หลินเมิ้งหยา เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
สีหน้าของซ่างกวนฉิงยังคงไม่ประสงค์ดี
จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดตนเองจึงพ่ายแพ้ให้กับเด็กคนนี้ ทั้งที่นางกุมชีวิตของเด็กคนนี้เอาไว้แล้วแท้ๆ
คิดไม่ถึงเลยว่านางจะต้องพ่ายแพ้ให้กับนางหลายต่อหลายครั้งจนทำให้นางหยิ่งผยองพองขนถึงเพียงนี้
“ที่ข้ามาก็เพราะจะเตือนพวกเจ้า ข้าได้วางแผนทำอะไรสกุลหลินเด็ดขาด มิเช่นนั้นแม้แต่ท่านพ่อก็จะปกป้องพวกเจ้าไม่ได้ อย่าลืมว่านับตั้งแต่วันที่ฮ่องเต้มีพระราชโองการแต่งตั้งข้าเป็นชายาอวี้ พวกเจ้าก็ได้ทำร้ายชายาอวี้ไปแล้ว วังหลวงไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปอย่างแน่นอน”
ซ่างกวนฉิงรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดนางจึงไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลินมู่จือฟังต่อหน้า
หัวใจสั่นสะท้าน ตอนนี้นางเพิ่งเข้าใจว่าหากไม่มีเหตุอันใด อย่าได้ทำให้หลินเมิ้งหยาขุ่นเคืองเป็นอันขาด
ที่แท้นางก็กลายเป็นงูพิษเช่นนี้
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหาคนมาช่วย แต่ข้าจะบอกอะไรให้ ชีวิตของพวกเจ้าอยู่ในกำมือของข้า นับตั้งแต่วันที่เจ้าแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวน เจ้าก็หาใช่คนของสกุลซ่างกวนอีกต่อไป แต่เจ้าเป็นคนของสกุลหลิน หากสกุลหลินเป็นอะไรไปขึ้นมา พวกเจ้าคิดหรือว่าจะเอาตัวรอดไปได้? ลองตรองดูเถิดว่าเพราะเหตุใดว่าที่สามีของเจ้าอยู่ๆ ก็ตายไป?”
“เอาล่ะ ข้าเองก็เหนื่อยที่จะพูดจาไร้สาระแล้ว เจ้าจงอยู่กับลูกของเจ้าที่นี่อย่างว่านอนสอนง่ายเถิด มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสชาติของความทรมานเสียยิ่งกว่าตาย”
หลินเมิ้งหยาหมุนตัวเดินกลับออกไป
สีหน้าของซ่างกวนฉิงเคร่งขรึมลง หลินเมิ้งหวู่กัดฟันแน่นเพราะความโกรธ
“ท่านแม่ หรือว่า….หรือว่านางจะจับตัวแม่นมได้?”
สีหน้าของทั้งคู่ตกตะลึง จดหมายที่ซ่างกวนฉิงเขียนอยู่ที่นาง หากหลินมู่จือพบเข้าล่ะก็ มันจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
“ไม่ได้การ ข้าจะต้องไปเอาจดหมายคืน”
ใช้กำไลหยกติดสินบนผอจื่อหน้าประตูห้อง ทว่าแม่นมของหลินเมิ้งหวู่กลับปรากฏตัวออกมาต่อหน้าพวกนาง
“เจ้า…เจ้าไม่ได้ตกอยู่ในกำมือของหลินเมิ้งหยาหรือ?”
ไม่อยากจะเชื่อ มองดูแม่นมที่ไม่ถูกทำร้ายแต่อย่างใด ซ่างกวนฉิงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก นาง…ถูกหลอกแล้ว
“ฮูหยิน เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
แม่นมไม่รู้เรื่อง เมื่อครู่นางกำลังเตรียมอาหารให้ฮูหยินและคุณหนู แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองจะตะโกนเรียกหานางเช่นนี้
“เจ้าไม่เป็นไรหรอกหรือ? แม่นม หลินเมิ้งหยาทำร้ายเจ้าหรือไม่?”
หลินเมิ้งหวู่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นดังนั้นจึงเอ่ยถาม
แม่นมส่ายหน้า นางยุ่งวุ่นวายกับงานในครัวตั้งแต่ช่วงบ่าย
“แย่แล้ว พวกเราติดกับเข้าแล้ว เจ้ารีบกลับไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าจะต้องนำจดหมายฉบับนั้นไปทำลายทิ้งเสีย อย่าให้หลินเมิ้งหยาเห็นเป็นอันขาด เร็วเข้า!”
เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนฉิงมีสีหน้ากระวนกระวาย นางทำได้เพียงหวังว่าแม่นมจะทำลายจดหมายฉบับนั้นได้ทันก่อนที่หลินเมิ้งหยาจะเจอ
“เจ้าค่ะ หนู่ปี้จะไปเดี๋ยวนี้ ฮูหยิน คุณหนู พวกท่านระวังตัวด้วย”
แม่นมรีบวิ่งกลับไปยังห้องของตนเอง ขณะที่ทุกคนมิได้สนใจ นางรีบมุ่งหน้าไปที่มุมหนึ่ง ก่อนจะดึงหินออกแล้วหยิบจดหมายของฮูหยินออกมา