ตอนที่ 399 เธอดังแล้ว! / ตอนที่ 400 หมอนข้างไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจอีก?

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 399 เธอดังแล้ว!

คำวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะยังมีแอนตี้แฟนรวมทั้งแอคหลุมที่หลินเยียนอยู่จำนวนมากและคิดที่จะควบคุมสถานการณ์ แต่สุดท้ายคนที่ดูภาพยนตร์ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจคุมได้แล้วจริงๆ

สุดท้ายทั้งโลกอินเทอร์เน็ต รวมถึงเวยปั๋วทางการของคู่ปรับมหากาฬก็มีคอมเมนต์หนึ่งฟลัดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

คอมเมนต์นี้มีแค่สองคำเท่านั้น…หน้าแตก!!!

ก่อนหน้านี้ช่วงสามวันแรกไม่มีใครสนใจ ถึงวันที่สี่รอบดึกเต็มสนิท พอถึงวันที่หกสายของโรงภาพยนตร์ใหญ่แต่ละเจ้าต่างเริ่มเพิ่มรอบฉายของคู่ปรับมหากาฬให้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว

แอนตี้แฟนทั้งหมดของหลินเยียนในอดีต แอนตี้แฟนทั้งหมดจริงๆ ต่างกลายเป็นคนเพิ่มยอดรายได้ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ การถูกพูดถึงทำให้ยอดขายของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมทั้งชื่อเสียงของหลินเยียนเริ่มพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วราวกับรถไฟเหาะ กวาดม้วนการค้นหายอดฮิตทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต…

วงการบันเทิงเป็นสถานที่อันแสนจะประหลาดมหัศจรรย์แห่งหนึ่ง หนึ่งวินาทีก่อนหน้าคุณอาจยังเป็นพวกโนเนม แต่วินาทีต่อมาอาจโด่งดังภายในชั่วข้ามคืน

วินาทีก่อนยังเป็นคนที่ทั่วทั้งโลกอินเทอร์เน็ตต่างเกลียดชัง วินาทีต่อมากลับกลายเป็นคนที่ทั่วทั้งโลกอินเทอร์เน็ตชื่นชอบ!

ตอนที่หลินเยียนได้ยินข่าวนี้ เธอยังนอนหลับอยู่บนเตียง

คนที่ด่าเธอเมื่อหลายวันก่อนมีเยอะเกินไปและโหดร้ายเกินไป จ้าวหงหลิงกลัวว่าเธอจะได้รับผลกระทบจึงสั่งให้เธองดเล่นอินเทอร์เน็ต ห้ามสนใจคำวิจารณ์จากโลกภายนอก

เวลาปกติตอนที่เผยอวี้เฉิงออกไปทำงานไม่อยู่บ้าน หลินเยียนอยู่คนเดียวภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้รู้สึกสงบสุขดีมาก

ประจวบเหมาะกับที่จ้าวหงหลิงห้ามเธอเล่นอินเตอร์เน็ต เธอจึงถือเป็นการลาพักผ่อนไปโดยปริยาย

“ฮัลโหล พี่หลิง? มีอะไรเหรอ? เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นอีกเหรอ?” หลินเยียนถามด้วยอาการสะลึมสะลือ

มีเสียงตื่นเต้นของตัวตัวแว่วมาจากทางปลายสายโทรศัพท์นั้นโดยไม่รอให้จ้าวหงหลิงเอ่ยปาก “แม่เจ้า!เธอดังแล้วนะ!!!”

“หา? ฉันก็ดังมากมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง?” หลินเยียนเลิกคิ้ว

“ไม่ใช่! ไม่ใช่ดังแบบด่าเธอแบบนั้น! ดังจริงๆ! ตอนนี้ทั้งอินเทอร์เน็ตกำลังชื่นชมฝีมือการแสดงของเธอใหญ่เลย! เพราะเธอ จำนวนตั๋วที่ขายได้ของคู่ปรับมหากาฬเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล! เมื่อกี้โปรดิวเซอร์เฝิงจากทางกองถ่ายยังโทรหาพี่หลิงบอกว่าอยากจะติดต่อเธอ อยากให้เธอเข้าร่วมกิจกรรมการโปรโมทหนังด้วยนะ!” ตัวตัวพูดอธิบายด้วยความตื่นเต้นเป็นล้นพ้น

หลินเยียนตื่นขึ้นมาเล็กน้อย “ให้ฉันเข้าร่วมกิจกรรมการโปรโมทหนัง?”

เฝิงอันหวาอยากจะให้เธอเป็นมนุษย์ล่องหนจะตายอยู่แล้ว แต่กลับเป็นฝ่ายมาเชิญเธอเข้าร่วมกิจกรรมการโปรโมทหนังด้วยตัวเองเนี่ยนะ?

ท่าทางคำพูดของตัวตัวจะเป็นความจริง…

ที่จริงแล้วหลินเยียนก็เคยคิดเหมือนกันว่าชื่อเสียงของภาพยนตร์จะต้องดีขึ้นแน่ แต่คิดไม่ถึงว่ากลับพลิกสถานการณ์ครั้งใหญ่ภายในช่วงเวลาอันสั้นแค่ไม่กี่วันแบบนี้

“พินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นคนลงมืออย่างงั้นเหรอ?” หลินเยียนถาม

จ้าวหงหลิงที่อยู่ทางปลายสายตอบกลับมาว่า “พินนาเคิล เอนเตอร์เทนเมนต์บอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ครั้งนี้เกิดจากฝีมือการแสดงของเธอ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ฟื้นคืนชีพ”

“ไม่ต้องถ่อมตัวแล้ว การแสดงของเธอดีจริงๆ ที่จริงก่อนหน้านี้ที่ทุกคนไม่ชอบเธอ เหตุผลส่วนใหญ่นั้นเพราะเธอไม่มีความสามารถ นี่คือจุดตายของนักแสดง แต่ตอนนี้เธอทำให้ทุกคนเห็นความสามารถที่แท้จริงของเธอ และทำให้พวกเขาเห็นความจริงใจของเธอด้วย”

จ้าวหงหลิงพูดต่อไปว่า “ด้านเฝิงอันหวายังไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันยังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอเหมือนเดิม เขาติดต่อเธอไม่ได้ ถึงได้ติดต่อมาหาฉัน ฉันยังไม่ได้เปิดเผยอะไรให้เขารับรู้มากนัก

เพียงแต่ฉันช่วยเธอสืบข่าวมาได้ เขาเชิญเธอเข้าร่วมกิจกรรมการโปรโมทหนังจากใจจริง เธอเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ มันจะส่งผลดีกับเธอเหมือนกันนะ”

หลินเยียนพยักหน้า “ได้ พี่หลิงช่วยจัดการให้ฉันก็พอ”

ตอนที่ 400 หมอนข้างไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจอีก?

หลังจากวางสาย หลินเยียนมองเวลาที่โทรศัพท์มือถือ คาดว่าตอนนี้เผยอวี้เฉิงคงใกล้กลับมาแล้ว

จริงอย่างที่คิดเอาไว้ เพิ่งวางโทรศัพท์ลงก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาพร้อมกับเสียงประตูทันที

เผยอวี้เฉิงสวมชุดสูทดิออร์สีน้ำเงินอมเทา พาดชุดโอเวอร์โค้ทสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่งอยู่บนข้อมือ กำลังดึงเนคไทไปพลาง เดินย่างก้าวเข้ามาไปพลาง

ฉินฮวนที่ติดตามอยู่ข้างหลังกำลังรายงานอะไรบางอย่างกับเผยอวี้เฉิงอยู่เป็นระยะ ซิงเฉินซึ่งที่ผ่านมาจะคาบอมยิ้มด้วยท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย วันนี้กลับดูเหมือนมีความในใจอะไรบางอย่าง เดินตามอยู่ข้างหลังไม่พูดไม่จา

หลินเยียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา กอดหมอนข้างอันอ่อนนุ่มอยู่ในอก เมื่อเห็นเช่นนี้จึงรีบลุกขึ้นยืน “คุณเผย! คุณกลับมาแล้วเหรอคะ!”

หากว่ากันตามเหตุผล พวกเขาไม่เพียงเป็นแฟนกันเท่านั้น มิหนำซ้ำยังถือว่าอยู่ด้วยกันแล้วด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นการเรียกขานเช่นนี้กลับยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คล้ายจะแปลกๆ อยู่บ้าง

เพียงแต่พอนานวันเข้า เธอจึงคุ้นชินมาตั้งแต่แรก เผยอวี้เฉิงเองก็ไม่เคยตั้งใจแก้ไขคำพูดเธอ เธอจึงเรียกแบบนี้ไปเลย

ไม่อย่างนั้นถ้าให้เธอใช้ชื่อเล่นเรียกเผยอวี้เฉิง คงรู้สึกแปลกๆ เหมือนดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้างแน่นอน

เผยอวี้เฉิงเหมือนดื่มเหล้ามาบ้าง มีท่าทางเกียจคร้านและปล่อยตัวมากกว่าเวลาปกติเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นก็เพิ่มความดำมืดลุ่มลึก แฝงความเลือนรางไม่ได้สติอยู่หลายส่วน

พอได้ยินเสียงของหญิงสาว สายตาเผยอวี้เฉิงก็มองไปที่เธอ ความสงบเย็นชาและเกียจคร้านภายในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นประกายแวววาว จากนั้นเมื่อสายตาไม่อยู่ที่หมอนข้างที่เธอกอดอยู่ กลับกลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทีละน้อย…

หลินเยียนถูกเผยอวี้เฉิงจ้องมองจนรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง เธอกะพริบตา ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ผ่านไปเนิ่นนานถึงรู้ตัวว่า เหมือนเขากำลังมองหมอนข้างที่อยู่ในอ้อมกอดเธอเอง…

เอ่อ? หมอนข้างใบนี้มันทำไมกันอีกล่ะ

ทำไมสายตาเผยอวี้เฉิงถึงได้ไม่เป็นมิตรมากขนาดนี้

แต่อยู่ดีไม่ว่าดีทำไมต้องไม่เป็นมิตรกับหมอนข้างใบหนึ่งด้วยล่ะ

ช่วงหลายวันที่เข้ามาอยู่นี้ เธอระมัดระวังแล้วนะ เอาของอันตรายทั้งหมดไปซ่อนอย่างมิดชิด หมอนข้างใบนี้เป็นของที่อยู่ในบ้านเผยอวี้เฉิง เธอไม่ได้เป็นคนเอาเข้ามา แล้วไปทำให้เขาไม่พอใจตรงไหนกันล่ะ

หลินเยียนส่งสายตาสงสัยไปยังฉินฮวนที่อยู่ข้างหลังเผยอวี้เฉิงโดยอัตโนมัติ บอสนายเป็นอะไรน่ะ

ฉินฮวนกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง แอบกุมหน้าผากอย่างเงียบๆ ทันที ทำท่าทางให้ ‘โยนทิ้ง’ ไปเสีย

“หา…?”

ฉินฮวนโบกมือทำไม

หลินเยียนยิ่งไม่เข้าใจ

ฉินฮวนเห็นหลินเยียนไม่เข้าใจความหมายของตัวเอง จึงทำปากบอกเธอว่า ‘โยนทิ้ง’ ออกมาสองคำ

ขณะเดียวกัน เผยอวี้เฉิงก็ค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปจนถึงเบื้องหน้าหลินเยียนแล้ว

แรงกดดันมหาศาลไหลทะลักออกมาพร้อมกับการรุกคืบเข้ามาหาของชายหนุ่ม…

หลินเยียนอดขดตัวถอยหลังไปครึ่งก้าวไม่ได้ กอดหมอนข้างที่อยู่ในอกแน่นขึ้นอีกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว…

จากนั้นก็เห็นเผยอวี้เฉิงเดินถึงเบื้องหน้าหญิงสาว ขณะเดียวกันนั้น นาฬิกาสีเงินที่อยู่บนข้อมือเขากลับเริ่มส่งเสียงดัง ‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด’

พับผ่าสิ!

อะไรกันเนี่ย!

พอได้ยินเสียงเร่งเตือนราวกับจะเป็นจะตายนี้ หลินเยียนก็ขนลุกชันไปทั้งร่าง

หลายวันนี้ยังดีอยู่ชัดๆ นี่นา แล้วทำไมอยู่ดีไม่ว่าดีก็เริ่มส่งเสียงดังติ๊ดติ๊ดติ๊ดออกมาอีกแล้วล่ะ!

หรือว่าอยากสู้กันอีก?

ตีให้ตายเธอก็ไม่อยากสู้กับเผยอวี้เฉิงเป็นครั้งที่สองหรอกนะ!

ครั้งก่อนที่ทำลายโต๊ะหนังสือตัวนั้น ทำให้เธอปวดใจไปตั้งหลายคืน ของที่อยู่ภายในห้องนี้ไม่มีชิ้นไหนถูกแน่ ไม่ว่าจะทำชิ้นไหนพังก็ต้องแพงมากแน่นอน!

ฉินฮวนกับซิงเฉินที่อยู่ข้างหลังพอได้ยินเสียงเตือนก็สีหน้าเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ทั้งสองคนเริ่มทำภาษามือชี้โบ๊ชี้เบ๊ใส่หลินเยียนพร้อมกัน