ตอนที่ 401 อะไรที่ไม่ควรแตะต้องซี้ซั้วบ้าง / ตอนที่ 402 อย่ารนหาที่ตาย

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 401 อะไรที่ไม่ควรแตะต้องซี้ซั้วบ้าง

จนใจที่หลินเยียนไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังแกว่งมือไปมาทำอะไรแม้แต่น้อย

ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน โชคยังดีที่หลินเยียนหัวไว สัมผัสอะไรบางอย่างได้

สายตาที่เผยอวี้เฉิงมองหมอนข้างที่อยู่ในอ้อมกอดเธอนั้น เหมือนสายตาที่เขามองเห็นโปสเตอร์ของเผยหนานซวี่ทุกประการ…

วินาทีต่อมาหลินเยียนเขวี้ยงหมอนข้างที่อยู่ในอ้อมกอดเสียงดัง ‘ฟิ้ว’ ไปให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาทันทีพร้อมกอดเผยอวี้เฉิงเอาไว้ เอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นี่มันหมอนข้างบ้าบออะไรกันเนี่ย! ทั้งแข็งทั้งไม่เรียบ! กอดไม่สบายเลยสักนิด! ข้างในต้องยัดนุ่นผสมแน่เลย! หมอนข้างที่ยัดนุ่นธรรมชาติบริสุทธิ์ดีที่สุดแล้วจริงๆ ”

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

ติ๊ด ติ๊ด…

ติ๊ด…

นาฬิกาข้อมือไม่ดังแล้ว

ฉินฮวนกับซิงเฉินถอนหายใจโล่งอกอย่างแรง คล้ายรอดจากคราวเคราะห์แล้ว

ตอนนี้เหมือนเผยอวี้เฉิงจะได้สติกลับมาเล็กน้อยแล้ว มองหลินเยียนด้วยสายตาอันอ่อนโยนพร้อมพูดว่า “หิวหรือเปล่า? อยากกินอะไรไหม?”

สายตาของเผยอวี้เฉิงเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรมาก่อนเลย ถ้าไม่ใช่มีเสียงร้องเตือนดังขึ้นมาจริงๆ หลินเยียนคงนึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอนแน่

เรื่องที่หลินเยียนกลัวเป็นอันดับสองในตอนนี้ก็คือเสียงร้องเตือนจากนาฬิกาข้อมือเผยออวี้เฉิงส่วนอันดับแรกนั้นคือคำพูดของเผยอวี้เฉิงที่พูดว่า “หิวหรือเปล่า อยากกินอะไรไหม”

เมื่อได้ยิน หลินเยียนก็รู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเรื่องเมื่อครู่เสียอีก เธอรีบตอบกลับไปว่า “ไม่หิวๆๆ ค่ะ ฉันกินไปแล้ว! ไม่ต้องรบกวนให้คุณทำให้ฉันกินหรอกค่ะ!”

สีหน้าของหลินเยียนจริงใจได้เท่าไหร่ก็จริงใจเท่านั้น พยายามไม่กินข้าวอย่างสุดกำลัง

“จริงสิคะคุณเผย คุณดื่มเหล้ามาสินะ! ต้องรู้สึกไม่สบายตัวแน่เลย! ฉันจะไปต้มน้ำแกงแก้เมาให้คุณที่ห้องครัวสักหน่อยนะคะ!” หลินเยียนพูดไปพลาง พยุงให้เผยอวี้เฉิงนั่งลงบนโซฟาไปพลาง

โชคยังดี คงเพราะการโยนหมอนข้างทิ้งและการเข้ามากอดของเธอทำให้อีกฝ่ายมีความสุขทันที ขณะนี้อารมณ์ของเผยอวี้เฉิงสงบนิ่งโดยสมบูรณ์ กลับคืนสู่ความสุภาพอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นมา “ขอบใจ”

หลินเยียน “ไม่ต้องเกรงใจๆ !”

ขอเพียงคุณไม่เข้าครัว จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ!

ฉวยโอกาสช่วงที่ซิงเฉินกำลังคุยงานกับเผยอวี้เฉิงหลินเยียนเรียกฉินฮวนมาด้านข้าง “คือว่า มิสเตอร์ทิวลิปคะ ขอถามหน่อยว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หมอนข้างนั่นมันอะไรกันเหรอ?”

“คุณหลิน ผมชื่อฉินฮวน!” ฉินฮวนแนะนำตัวเองก่อน จากนั้นก็เหล่มองหมอนข้างซึ่งถูกเขวี้ยงไปที่มุมกำแพงใบนั้น จากนั้นจึงพูดว่า “นั่นคือของใช้ส่วนตัวของคุณชายรอง คุณไม่ทราบเหรอครับ?”

“หา! นี่คือของราชาภาพยนตร์เผย? ฉันไม่รู้นี่นา! ฉันเห็นว่ามันวางอยู่บนโซฟาเลยนึกว่าเป็นของของที่บ้านไง!” หลินเยียนเอ่ย

“เหมือนว่าแฟนคลับจะให้คุณชายรองนะครับ คุณชายรองทะนุถนอมมันมาก ชอบพกติดตัวอยู่ตลอด โชคดีที่คุณโยนทิ้งเร็วนะครับ…” ฉินฮวนก็ตระหนกตกใจมากเช่นกัน

หลินเยียนตบดวงใจน้อยที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อกี้เธอกลับกอดของใช้ส่วนตัวของราชาภาพยนตร์เผยอยู่ในอ้อมกอดจนแน่นต่อหน้าต่อตาเผยอวี้เฉิง อยากตายแล้วจริงๆ …

เพียงแต่ไอดอลของเธอช่างน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน พกหมอนข้างของแฟนคลับเสียด้วยนะ! แต่เธอกลับพูดว่าข้างในหมอนข้างของราชาภาพยนตร์เผยเป็นนุ่นผสมเสียได้! ขอโทษด้วยนะ! ราชาภาพยนตร์เผย!เธอต้องทำเพราะความจำเป็นจริงๆ !

“นี่มันอันตรายเกินไปแล้วนะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีกับดักอยู่ทุกที่เลยสิ…เดี๋ยวฉันต้องยืนยันของที่อยู่ในบ้านหลังนี้กับราชาภาพยนตร์เผยและเผยอวี่ถังสักหน่อย จะได้ไม่แตะต้องของที่ไม่ควรแตะต้อง…” หลินเยียนพูดพึมพำ

ไม่อย่างนั้น บ้านหลังใหญ่โตเสียขนาดนี้ เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าของชิ้นไหนเป็นของใคร ของชิ้นไหนที่แตะต้องซี้ซั้วไม่ได้?

ตอนที่ 402 อย่ารนหาที่ตาย

สถานที่ซึ่งหรูหรามากที่สุดภายในคฤหาสน์ของเผยอวี้เฉิงไม่ใช่ห้องนอน ไม่ใช่ห้องหนังสือ และไม่ใช่ห้องฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำ แต่เป็นห้องครัว

ห้องครัวห้องนี้กว้างขวางมาก มีตู้เย็นขนาดมหึมา ข้างในมีอาหารสดสารพัดอย่างครบครัน อีกทั้งอุปกรณ์ก็สุดยอดมากเช่นกัน

ดูออกเลยว่าเผยอวี้เฉิงเป็นคนชอบทำอาหารมาก…

หลินเยียนหาวัตถุดิบที่ใช้ทำน้ำแกงแก้เมาได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มทำตามขั้นตอนที่สอนในอินเทอร์เน็ต

ที่จริงแล้วเธอมีฝีมือทำครัวแย่มาก แต่ก็อยู่ในระดับเดียวกับคนทั่วไปพอดี ไม่อาจเทียบกับโหมดนรกของเผยอวี้เฉิงได้โดยสิ้นเชิง

หลินเยียนต้มน้ำแกงอยู่ในครัวไปพลาง ยื่นหน้าออกไปมองที่ห้องรับแขกอยู่เป็นระยะไปพลาง

เธอรู้สึกว่าวันนี้เหมือนตา ‘อมยิ้ม’ นั่นจะอารมณ์ไม่ค่อยดีผิดปกติ

ตา ‘อมยิ้ม’ นั่นชื่ออะไรนะ…เหมือนจะชื่อซิงเฉิน…

จริงดังคาด หลินเยียนเพิ่งยื่นหน้าออกไปก็เห็นว่าเมื่อซิงเฉินรายงานเผยอวี้เฉิงเสร็จแล้วกลับไม่ได้จากไป ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเผยอวี้เฉิงด้วยสีหน้าอ้ำอึ้ง

เมื่อเผยอวี้เฉิงเห็นหนุ่มน้อยไม่มีท่าทีขยับเขยื้อน เขาจึงช้อนดวงตาขึ้นมามองหนุ่มน้อย “ทำไม ยังมีธุระอีกเหรอ”

ซิงเฉินแสดงสีหน้าเหมือนกำลังสู้กับตัวเอง อยากจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูด

ฉินฮวนที่อยู่ด้านข้างพอเห็นรูปการณ์ก็เหมือนรู้ได้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร รีบส่ายหน้าอยู่ด้านข้างอย่างแรง ทำปากพูดเตือนออกมาว่า “นี่! อย่ารนหาที่ตาย…”

ซิงเฉินคงเห็นว่าคืนนี้เผยอวี้เฉิงอารมณ์ไม่เลว สุดท้ายก็ยังสูดลมหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ใช่ครับ พี่อวี้ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องพี่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของซิงเฉิน ฉินฮวนก็เอามือจับหน้าผากด้วยความสิ้นหวังทันที พูดกดเสียงต่ำเตือนสติอยู่ด้านข้างด้วยความร้อนใจ “ซิงเฉิน นายบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมนายทำความผิดพลาดกระจอกสุดๆ แบบนี้ออกมาได้…”

พอพูดจบก็รีบก้าวไปข้างหน้า คิดจะลากตัวซิงเฉินไป “พี่อวี้ ซิงเฉินเขาไม่มีอะไรครับ วันนี้เขาดื่มมากไปหน่อยเท่านั้นเอง เลยพูดมากไปสักหน่อย! พี่ไม่ต้องสนใจเขาหรอกนะครับ!”

ซิงเฉินจ้องมองฉินฮวนเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงแขนฉินฮวนลงไปด้วยท่าทีอันแน่วแน่

ฉินฮวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซิงเฉิน ดังนั้นจึงสลัดหลุดออกได้ทันที

ซิงเฉินพุ่งเข้าหาเผยอวี้เฉิงแล้วพูดว่า “พี่อวี้ เสี่ยวเย่ว์รับโทษมานานขนาดนี้แล้ว ให้เธอกลับมาได้หรือยังครับ? เธออยู่สถานที่แบบนั้นอีกต่อไปไม่ได้แล้ว! ไม่อย่างนั้นเธอ…”

“ซิงเฉิน!” ฉินฮวนถลึงตาใส่ซิงเฉินอย่างดุดัน นี่เขากำลังรนหาที่ตาย!

อย่างไรก็ตามเผยอวี้เฉิงซึ่งกำลังพลิกอ่านเอกสารที่อยู่ในมือเล่นๆ ด้วยท่าทางสบายอารมณ์อยู่ด้านข้าง กลับพูดด้วยท่าทางสบายๆ อย่างยิ่งออกมาว่า “ไม่อย่างนั้นจะทำไม”

“อย่าพูด!” ฉินฮวนจ้องมองชายหนุ่มที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก ท่าทางเหมือนไม่มีพิษไม่มีภัยคนนั้น เหงื่อเย็นซึมอยู่บนหน้าผาก

“ไม่อย่างนั้น…เสี่ยวเย่ว์จะ…”

‘ฟึ่บ!’

แทบจะขณะเดียวกับที่ซิงเฉินเอ่ยปากพูด เผยอวี้เฉิงซึ่งเดิมทีนั่งพลิกอ่านเอกสารอยู่ด้านข้างก็ขยับมือข้างขวา

ไม่รู้ว่าหน้าผากซิงเฉินถูกอะไรกระแทก ตีลังกาหงายหลังทั้งร่างล้มอยู่กับพื้นทันที ใบหน้าเผยความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย

“พี่อวี้…” ซิงเฉินร่างสั่นระริกเล็กน้อย สายตาไปอยู่บนร่างเผยอวี้เฉิงที่เหมือนไม่เคยขยับเขยื้อนมาก่อน

“หืม ไม่อย่างนั้นทำไม” เผยอวี้เฉิงถามด้วยท่าทีเฉยเมยโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา

“พี่อวี้…เสี่ยวเย่ว์…”

‘โครม!’

คราวนี้ร่างซิงเฉินลอยประดุจว่าวที่สายขาด กระแทกกับชั้นหนังสือที่อยู่ไกลๆ อย่างรุนแรงจนหนังสือร่วงกองอยู่เต็มพื้น

“ไม่อย่างนั้นทำไม” เผยอวี้เฉิงดันแว่นตากรอบทองเล็กน้อย เอ่ยปากถามด้วยท่าทางสบายๆ

อย่างไรก็ตามซิงเฉินในเวลานี้กลับนิ่งเงียบ ฝืนสะกดกลั้นความเจ็บปวดบนร่างกาย ประคองร่างด้วยชั้นหนังสือที่อยู่ด้านข้างเพื่อพยายามฝืนยืนขึ้นมา