บทที่ 243 บุกรุก

คู่ชะตาบันดาลรัก

ดาวตี้ชิง บางครั้งก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่งดวง

อย่างเช่นตอนนี้แคว้นฉีกับแคว้นฉู่ถูกแบ่งอาณาเขตด้วยแม่น้ำ มีฮ่องเต้สองพระองค์ ดาวตี้ชิงจึงมีสองดวง

แต่ดวงดาวทั้งสองต่างเป็นดาวตี้ชิงที่แท้จริง ไม่เหมือนดาวดวงนี้ที่มีลักษณะของดาวตี้ชิง แต่ไม่มีแสงเจิดจ้าอย่างที่ดาวตี้ชิงควรจะมี

ดูแล้วไม่น่าจะเป็นฮ่องเต้ เมื่อทำความเข้าใจในส่วนนี้เสวียนเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก

นั่นหมายความว่าอย่างไร มีดาวตี้ชิงดวงหนึ่งซ่อนอยู่ใกล้ดวงดาวจื่อเว่ย หากมันได้รับโอกาสก็มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาแทนที่!

สถานการณ์ที่มีแม่น้ำคั่นเหนือใต้ทำให้ดวงดาวตี้ชิงทั้งสองดวงส่องสว่างไม่เพียงพอ หากได้รับผลกระทบจากดาวมืดดวงนี้…

“หืม!” เสวียนเฟยใจสั่น การสังเกตการณ์โชคชะตาของแผ่นดินมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะถูกสะท้อนกลับมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกาย

เขาค่อยๆ ตั้งสติและดูสถานการณ์โดยรวมอีกรอบ จากนั้นก็คิดถอนตัวออกจากหยวนเสิน[1] แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีพลังสายหนึ่งบุกรุกเข้ามาดึงจิตใจของเขาให้กลับมาที่เดิม

เสวียนเฟยตกใจมาก

เกิดอะไรขึ้นมีคนบุกรุกเข้ามาในหยวนเสินของเขา! เขาอยู่ในเขตของเสวียนตูกวัน บนหอดูดาวต่อหน้าอาจารย์อาของตน ยังถูกผู้อื่นบุกรุกเข้ามาในหยวนเสินได้อีกหรือ

เวลาสองเค่อ ก่อนหน้านี้ ตอนที่นักพรตผู้เฒ่าประกาศเริ่มพยากรณ์ หมิงเวยนั่งลงตามคนอื่นไป

การสอดแนมโชคชะตาของแผ่นดินไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง ในชาติก่อนที่ใต้หล้าตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย นางและท่านอาจารย์ต้องเฝ้าดูดวงดาวเกือบทุกสองสามวันเพื่อหาโอกาสเปลี่ยนแปลงโชคชะตา

แต่เมื่อมายังยุคสมัยนี้นางคิดว่าการดูดาวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนางไม่มีดาวแห่งโชคชะตาเป็นของตนเอง

การที่เสวียนชื่อจะสังเกตดวงดาวจำเป็นต้องหาดาวแห่งโชคชะตาของตนเองเสียก่อน จากนั้นจึงใช้มันเป็นเกณฑ์มาตรฐานในการสอดแนมทะเลแห่งดวงดาวและสังเกตแนวโน้มทั่วไป

แล้วจะทำอย่างไรดี

มีทางอยู่!

นางไม่มีโชคชะตา แต่สองคนที่อยู่ข้างกายนางมีนี่นา!

พวกเขาเองกำลังสังเกตดวงดาว หากมองผ่านจิตใจของพวกเขาก็เหมือนมองโชคชะตาของตนเองแล้วยังไม่ถูกสะท้อนกลับอีกด้วย

ทำไมน่ะหรือ เนื่องจากการสะท้อนกลับเป็นสิ่งที่ตอบสนองต่อโชคชะตา แต่นางไม่มีแน่นอนว่านางไม่ได้รับผลกระทบนี้

ในตอนแรกนางบุกรุกเข้าไปยังหยวนเสินของอวี้หยาง นางแอบแฝงได้อย่างแนบเนียนจนอวี้หยางไม่สังเกตเห็น

การสังเกตดวงดาวเป็นเรื่องที่ต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก อวี้หยางจดจ่อไปกับการเชื่อมต่อระหว่างโชคชะตาแต่ละดวงจนกลายเป็นทะเลดาวจึงไม่ระมัดระวังสิ่งอื่นใด

นอกจากนี้เขายังไม่คาดคิดว่าในเขตเสวียนตูกวันแล้วยังมีอาจารย์นั่งควบคุมอยู่จะมีใครบางคนบุกเข้ามาในหยวนเสินของตนเอง

หมิงเวยมองเห็นทะเลแห่งดวงดาวและดาวมารผ่านสายตาของเขา

อวี้หยางพอมีความสามารถอยู่ดาวมารที่เขาเห็นนั้นน่าจะเป็นเสวียนเฟยในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

เจ้าสำนักเสวียนตูกวันผู้ซึ่งควรจะปกป้องโชคชะตาของแผ่นดิน ราชครูแห่งแคว้นฉีเหนือกลายเป็นผู้ยุยงสร้างความปั่นป่วน

การถือกำเนิดของดาวมารนี้ทำให้โชคชะตาของแคว้นฉีเหนือเข้าสู่ความเสื่อมโทรมโดยตรง อย่างไรก็ตามมีเหตุผลพื้นฐานอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือยังไม่ทันที่เขาจะได้เห็นมันจิตใจของเขาก็สั่นสะเทือนและทนไม่ไหวอีกต่อไป

หมิงเวยจึงทำได้เพียงถอนตัวเองออกมาจากหยวนเสินของเขา

จวินโม่หลีและศิษย์อีกคนยังแข็งแกร่งไม่พอ ทะเลดาวไม่แม้แต่จะปรากฏออกมา ต่อให้อยากเห็นก็มองไม่เห็นอะไร

จึงเหลือเพียงเสวียนเฟย หมิงเวยต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบุกรุกหยวนเสินของเสวียนเฟย

นางแอบแฝงเข้ามาได้อย่างแนบเนียน แต่เขาก็ระวังตัวมากและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค้นพบการมีอยู่ของนาง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไป

“ใคร” เสียงของเสวียนเฟยดังก้องในหยวนเสิน น้ำเสียงของเขาดูตึงเครียดและมีเจตนาที่จะสังหาร หมิงเวยมองดวงดาวอันมืดมิดดวงนั้นผ่านตัวเขา

“ดาวตี้ชิง จริงๆ แล้วมีเพียงหนึ่ง เมื่อครู่ท่านตกใจเพียงเพราะดาวดวงนี้หรือ”

เสียงนี้…

เสวียนเฟยสูดลมหายใจ “ท่านบุกรุกเข้ามาในหยวนเสินของข้า ท่านมาจากที่ใดกันแน่ถึงได้บังอาจทำเรื่องเช่นนี้ในเสวียนตูกวัน!”

หมิงเวยหัวเราะเบาๆ แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เสวียนตูกวัน มีอะไรที่โดดเด่นกัน เหตุใดข้าถึงจะไม่กล้ากำเริบเสิบสานเล่า”

“ท่าน…” เสวียนเฟยอึ้งไปชั่วขณะ น้ำเสียงของนางดูสงบเกินไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย

เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังสังเกตทะเลดวงดาวผ่านความคิดของเขา

เสวียนเฟยไม่สามารถขยับตัวได้เขาคิดจะเลิกสังเกตดวงดาวแต่ก็กังวลว่านางจะก่อความวุ่นวาย เมื่อถึงตอนนั้นก็จะตอบสนองต่อโชคชะตาของเขา และคนที่ได้รับบาดเจ็บก็เป็นตัวเขาเอง

เขาสงบสติอารมณ์แล้วพูดว่า “แม่นางมีเจตนาอะไรกันแน่”

หมิงเวยพูดอย่างเกียจคร้าน “มีเจตนาอะไรงั้นหรือไม่ใช่ว่าต้องพยากรณ์โชคชะตาแผ่นดินหรอกหรือ ข้ากำลังสังเกตดวงดาวยังจะมีเจตนาอะไรอีก”

“ด้วยความสามารถของท่านสามารถสังเกตดวงดาวด้วยตนเองได้อยู่แล้ว เหตุใดถึงต้องบุกรุกเข้ามาในหยวนเสินของข้าด้วย”

หมิงเวยหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ตอบ นางยังคงสังเกตดาวจื่อเว่ยต่อไป

“รัศมีของดาวตี้ชิงไม่ได้รับผลกระทบอะไร เห็นได้ว่าไม่ใช่ดาวสังหาร ในทางตรงกันข้ามดาวอันมืดมิดนี้มีลักษณะของดาวตี้ชิง แต่กลับไม่มีแสงเจิดจ้าของดาวตี้ชิงเลย อืม…เหมือนกับว่า…เป็นดาวตี้ชิงที่ถูกผลักออกจากวิถีทาง”

“แม่นางคิดจะทำอะไรกันแน่”

“น่าสนใจจริงๆ ดาวตี้ชิงยังอยู่ สองแสงปกติ เหตุใดถึงมีดาวตี้ชิงซ่อนอยู่อีกดวงกัน เป็นไปได้ไหมว่ามันคือดาวตี้ชิงที่แท้จริง แต่กลับถูกดาวดวงอื่นเข้ามาแทนที่”

เสวียนเฟยได้ยินก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดอย่างละเอียดรอบคอบก็รู้สึกว่าที่นางกล่าวมามีเหตุผล

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า…

“ดาวฝู่เหย้าปกติดีมีเพียงดาวตี้ชิงที่ถูกแทนที่ ถึงดาวตี้ชิงดวงนี้จะส่องแสงสว่างเพียงพอ แต่แสงที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอแล้วหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอำนาจของแคว้นจะตกต่ำลง”

เสวียนเฟยได้ยินนางพึมพำราวกับว่ากำลังพูดกับตนเองอยู่ไม่ได้คิดที่จะสนทนากับเขา

“อ้อ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่เกินสิบปีดาวตี้ชิงดวงใหม่คงดับสนิท โชคชะตาแผ่นดินจะตกต่ำลงและไม่มีวันฟื้นคืนมาได้”

“แล้วจะฟื้นคืนได้อย่างไร หากดาวตี้ชิงดวงนี้ไม่ไหวต้องเปลี่ยนเป็นอีกดวงหรือ ดาวตี้ชิงที่ควรอยู่ในตำแหน่งนี้จะถูกผลักกลับมาแล้วโชคชะตาแผ่นดินยังคงดำเนินต่อไปได้หรือไม่” อีกฝ่ายพูดเสียงเบาแต่คำพูดนั้นทำให้เสวียนเฟยตกใจกลัว

เปลี่ยนดาวตี้ชิงนางกล้าคิดได้อย่างไร!

เรื่องนี้จะทำให้แผ่นดินเกิดความวุ่นวายนำไปสู่ความล่มสลาย!

หรือก็คือจุดประสงค์ของการพยากรณ์แผ่นดินก็เพื่อช่วยเหลือฮ่องเต้ หากนางบอกกับฮ่องเต้ว่าดาวตี้ชิงของพระองค์ส่องสว่างไม่เพียงพอต้องเปลี่ยนดาวดวงใหม่ คิดว่าศีรษะยังจะอยู่บนคอเป็นอย่างดีอยู่หรือ

“ท่านคิดจะทำอะไร!” เสวียนเฟยใกล้สติแตกเต็มที

หมิงเวยยิ้ม “ท่านแตกต่างจากที่ข้าคิดไว้เสียอีก”

เสวียนเฟยชะงัก

หมิงเวยไม่คิดอธิบายอะไรนางพูดต่อว่า “เดิมทีข้าคิดว่าหากทำให้ท่านไม่ได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักท่านก็จะไม่ได้เป็น แต่ไม่คิดเลยว่าอีกคนแย่กว่าท่านเสียอีก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วท่านยังดีกว่า”

เสวียนเฟยถาม “ข้าควรขอบคุณมุมมองอันสูงส่งของท่านหรือไม่”

หมิงเวยไม่ตอบ แต่พูดต่อไปว่า “พวกเรามาทำข้อตกลงกันเถอะ!”

“…..” คนผู้นี้เหตุใดถึงเปลี่ยนหัวข้อได้ไหลลื่นเพียงนี้กัน เขาพูดเรื่องหนึ่ง นางก็เลี่ยงจนไม่รู้ว่าจะไปตรงไหนต่อดี!

“สถานการณ์ของท่านในเสวียนตูกวันไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แม้ครั้งนี้ท่านจะได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนัก แต่ปัญหาที่ตามมานั้นจะมีมากขึ้น อีกอย่างอวี้หยางเพิ่งมองเห็นดาวมาร เชื่อหรือไม่ว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้”

เสวียนเฟยเงียบไปชั่วขณะและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถึงเขาจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ เรื่องภายในเสวียนตูกวันข้าสามารถจัดการปัญหาภายในได้”

“ดูเหมือนท่านจะมีไม้ตายอยู่นะ! ก็จริงคนอย่างท่านหากไม่แน่ใจแล้วจะนำเรื่องการแข่งคัดเลือกเจ้าสำนักเสนอต่อเบื้องบนได้อย่างไร”

หมิงเวยชะงักแล้วพูดต่อว่า “แต่สถานการณ์ที่ท่านคิดไว้ก่อนหน้านี้คือไม่มีคนนอกอย่างข้า แต่ตอนนี้มีข้าแล้วท่านคิดว่าไม้ตายของท่านยังได้ผลอยู่หรือไม่ อวี้หยางมองเห็นดาวมาร หากข้าบอกว่ามองเห็นดาวมารเช่นกันและบอกว่าดาวมารดวงนั้นคือท่าน ท่านคิดว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร”

…………