ซวนหยวนหลี่เทียนยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่ประตูห้อง

“สตรีที่รัก ระหว่างข้ากับหลี่อ๋อง เจ้ารักใครรึ ?”

“คุณชายอิ๋น ข้ารักท่าน บุรุษอย่างหลี่อ๋องจะเทียบกับท่านได้อย่างไรกันเล่า ? เขาเป็นเพียงแค่องค์ชายแห่งแคว้นเล็ก ๆ เท่านั้น มิได้เป็นองค์รัชทายาท สืบราชบังลังก์ก็ไม่ได้”

“แล้วเจ้าว่าระหว่างข้ากับองค์ชายนั่น ผู้ใดยอดเยี่ยมกว่ากัน ?”

“ก็ต้องเป็นคุณชายอิ๋นอยู่แล้ว เรื่องเช่นนี้ยังจะต้องกล่าวถามอีกหรือไร ? หลี่อ๋องเป็นคนไม่ได้ความ ข้าเข้าไปอยู่ในจวนตั้งนาน เขาไม่เคยแตะต้องเนื้อตัวข้าเลย องค์ชายอิ๋นตรวจสอบแล้วไม่ใช่หรือ ?”

“โอ… นางฟ้าตัวน้อยของข้า ข้ายิ่งชอบเจ้ามากขึ้นแล้วสิ”

ซวนหยวนหลี่เทียนได้ยินบทสนทนาทั้งหมด โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มิอาจทนฟังได้อีกต่อไป

— ปัง! —

ซวนหยวนหลี่เทียนพรวดพราดเข้าไปในห้อง บันดาลโทสะโกรธขึ้ง ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ เสื้อผ้าอาภรณ์ของทั้งสองในห้องนั้นไม่เรียบร้อย ทั้งผมเผ้ายังกระเซอะกระเซิงอยู่

“หญิงเลว!” เขาตะคอก

อิ๋นเจี้ยนโดนจับได้คาหนังคาเขา กลับไม่รู้สึกอับอาย ซ้ำร้าย ยังกล่าวด้วยความภูมิใจ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าสตรีผู้นี้เหมาะสมกับข้า แม่นางหรูอวิ๋นที่รัก… เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้ารักข้าหรือรักเขา พูดออกมาอีกครั้งสิ”

มู่หรูอวิ๋นคล้องคออิ๋นเจี้ยน ลมหายใจอันเร่าร้อนของนาง กล่าวออกมาเป็นประโยคว่า “ข้ารักท่าน คุณชายอิ๋น”

ซวนหยวนหลี่เทียนโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ สำหรับเขา เขาไม่ได้รู้สึกรักมู่หรูอวิ๋นมากมายถึงขนาดนั้น เพียงแต่รู้สึกว่านางเป็นสตรีอ่อนโยน จิตใจดี แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกรักนางสักเท่าไหร่นัก แต่นางก็มิควรทรยศหักหลังเขาโดยการไปนอนกับบุรุษอื่นเช่นนี้

“หญิงร้ายชายชั่วช้า! พวกเจ้าทั้งสองตายเสียเถอะ”

ในขณะเดียวกันนั้น รองอาจารย์ใหญ่พรวดพราดเข้ามา “หลี่อ๋อง อย่าวู่วามไป จงอย่าลืมว่าเขาเป็นคนของสำนักจินติ่ง”

ด้วยเสียงดังเอะอะโวยวาย  ผู้ที่อยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ทันที และเมื่อทุกคนเห็น ดวงตาพลันเบิกโพลง สตรีของหลี่อ๋องสวมเขาให้หลี่อ๋องต่อหน้าต่อตา เรื่องนี้ดุเดือดเกินไปแล้ว

— เปรี้ยง! —

มู่เฉียนซีทำลายกระดิ่งควบคุมวิญญาณกู่ลง วิญญาณกู่นี้จะอยู่ได้เพียงหกชั่วยามเท่านั้น หลังจากนั้นมันจะตายไปเอง  หากต้องการทำลายมันลงก่อนหกชั่วยาม ต้องทำลายกระดิ่งควบคุมวิญญาณ แล้ววิญญาณกู่จะตายสลายไปโดยพลัน

มู่หรูอวิ๋นที่กำลังอยู่ในสภาพจิตใจปั่นป่วนผมเผ้ากระเซอะกระเซิงได้สติกลับคืนมา นางพบว่าตนเองกำลังกอดอิ๋นเจี้ยนอยู่ จากนั้นนางกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

“อ๊ายยยย! ฮือ ๆ ๆ”

นางร้องห่มร้องไห้ ละล่ำละลักกล่าวเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านพี่หลี่เทียน ช่วยข้าด้วย…”

ซวนหยวนหลี่เทียนมองมู่หรูอวิ๋นด้วยสายตารังเกียจ เขากล่าวกับนาง “มู่หรูอวิ๋น เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังจะแสดงละครตบตาอะไรกับข้าอีก ? ในเมื่อเจ้ารักชายผู้นี้มาก ก็จงไปอยู่กับเขาเสีย!  ต่อไปอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” ดวงตาซวนหยวนหลี่เทียนดูเหมือนจะมีน้ำตาซ่อนอยู่ หลังจากที่กล่าวจบ เขาหันหลังจะเดินออกจากห้องไป

“ฮือ ๆ ๆ ท่านพี่หลี่เทียน ท่านฟังข้าอธิบายก่อน  มู่เฉียนซี ทั้งหมดมันเป็นแผนของมู่เฉียนซี”

เมื่อได้ยินชื่อมู่เฉียนซี ซวนหยวนหลี่เทียนชะงักการก้าวเท้าลงทันที และเมื่อนางเห็นซวนหยวนหลี่เทียนชะงักไป ดวงตาของนางเปล่งประกายความความหวังขึ้นมาเล็กน้อย   ทันใดนั้น เสียงอิ๋นเจี้ยนดังขึ้นมาจากด้านหลัง “แม่นางของข้า เจ้าสะลึมสะลือเกินไปหรือไม่ ?! เมื่อคืนเป็นเจ้าเองที่นัดข้ามา ทั้งยังมอบยากำหนัดให้ข้าอีก เพียงแต่เมื่อคืนนี้เราสองมีความสุขกันมากเกินไป ไม่ทันได้ใช้ยานั้นเลย”

ดวงตาซวนหยวนหลี่เทียนลุกประกายไปด้วยไฟแห่งความโกรธเคือง “มู่หรูอวิ๋น เจ้ายังมีหน้าไปใส่ความซีเอ๋อร์อีกรึ ? เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดก็เป็นฝีมือเจ้าที่ใส่ร้ายซีเอ๋อร์ด้วยใช่หรือไม่ ?”

“…”

“เหอะ! ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ เจ้ามันสตรีชั่…” ซวนหยวนหลี่เทียนเจ็บปวดใจยิ่งนัก เขาไม่อาจกล่าวต่อให้จบได้

มู่หรูอวิ๋นใบหน้าซีดเผือด นางรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้นางพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ ซวนหยวนหลี่เทียนเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจนางแม้แต่น้อย

นี่เป็นฉากสนุกสนานยิ่งนัก มู่เฉียนซีที่ไม่อยากดูฉากนี้อีกต่อไปหันหลังจะเดินออกไปจากห้อง ทว่าทันใดนั้นอิ๋นเจี้ยนตะโกนกล่าวขึ้นว่า “ช้าก่อนผู้นำตระกูลมู่”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว กล่าวถาม “มีอะไรรึ ?”

“ท่านผู้นำตระกูลมู่ ข้าทราบมาว่าแม่นางหรูอวิ๋นเป็นสาวใช้ของตระกูลมู่ ไม่ทราบว่าท่านผู้นำตระกูลจะมอบนางให้เป็นสตรีของข้าได้หรือไม่ หากได้ ข้าคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลมู่ไม่น้อยเลยทีเดียว”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่แยแส “นับตั้งแต่มู่หรูอวิ๋นถูกส่งตัวไปที่จวนหลี่อ๋อง นางก็มิใช่คนของตระกูลมู่อีกต่อไป หากเจ้าปรารถนาในตัวนางก็ส่งสาส์นไปให้ผู้เฒ่ารอง ข้าว่าผู้เฒ่ารองคงจะปลื้มใจน่าดูที่สตรีชั้นต่ำอย่างนางคว้าบุรุษผู้สูงส่งอย่างเจ้าได้”

อิ๋นเจี้ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านผู้เฒ่ารองคงจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

มู่หรูอวิ๋นจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความเกลียดชัง ปากก็กล่าววาจา “มู่เฉียนซี เจ้าลอบกัดข้า เจ้าต้องไม่ตายดีแน่ เจ้าต้องไม่ตายดี!”

“แม่นาง อย่าแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ข้าไม่ชอบ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เรามา…”

มู่หรูอวิ๋นกรีดร้องขัดขืน “ปล่อยข้านะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าคนหยาบช้า!”

ภายใต้การควบคุมของอิ๋นเจี้ยน มีหรือมู่หรูอวิ๋นจะขัดขืนได้ ไม่มีทาง

มู่เฉียนซีกล่าว “รองอาจารย์ใหญ่ พอดีว่าข้ามีเรื่องที่จะต้องจัดการอยู่ที่นี่ อาจารย์กับทุกคนกลับกันไปก่อนเถอะ เสร็จเรื่องที่นี่แล้วข้าจะตามกลับไปภายหลัง”

รองอาจารย์ใหญ่พยักหน้า กล่าวว่า “เช่นนั้นอยู่ที่นี่เจ้าระวังตัวด้วย”

ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวบ้าง “รักษาตัวด้วย”

รองอาจารย์ใหญ่เอ่ยถามซวนหยวนหลี่เทียน “หลี่อ๋อง แล้วเรื่องมู่หรูอวิ๋น เจ้าจะเอาเช่นไรหรือ ?”

ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวตอบเสียงเย็น “ข้ากับนางไม่มีความสัมพันธ์อันใดกันอีกต่อไปแล้ว หากนางไม่อยากกลับ นางก็อยู่ที่นี่ไปเถอะ”

ทุกคนเดินทางกลับไปยังแคว้นจื่อเยี่ย ส่วนมู่เฉียนซีไปอยู่ที่หอหมอปีศาจ เมื่อเยวี่ยเจ๋อรู้เรื่องที่มู่หรูอวิ๋นใช้วิญญาณกู่ทำร้ายมู่เฉียนซี เขากล่าวขึ้น “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ไว้ชีวิตนาง มันไม่ง่ายไปหน่อยรึ ?”

จวินโม่ซี “เยวี่ยเจ๋อ เจ้ายังไม่รู้จักแก่นแท้ของพี่ใหญ่เจ้าอีกหรือ ?”

เยวี่ยเจ๋อ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?”

จวินโม่ซีกล่าวอย่างช้า ๆ “แม้วิญญาณกู่จะตายไปแล้ว แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยถูกวิญญาณกู่เข้าร่าง จะไม่มีวันเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีก ครานี้นางตกม้าตายลงจริง ๆ เสียแล้ว นับจากนี้ต่อไป ต่อให้นางมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น”

มู่เฉียนซีมองจวินโม่ซี นางกล่าวติดตลก “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ถึงธาตุแท้ของความเจ้าเล่ห์ของข้าแล้วสิ”

จวินโม่ซีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว ใครใช้ให้ข้าชาญฉลาดกว่าเจ้านี่กัน”

“เจ้าเด็กน้อย เจ้าต้องระวังตัวให้ดี วันนึงข้าจะจับเจ้าเป็นหนูทดลองยา”

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องปกป้องข้านะ” เยวี่ยเจ๋อกล่าวพลางทำทีวิ่งไปหลบด้านหลังมู่เฉียนซี

รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากมู่เฉียนซี หลังสิ้นสุดการประลองอันหนักหน่วงก็ได้เห็นฉากที่ยากจะเห็น เวลานี้ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกผ่อนคลาย เบิกบานใจไม่น้อยเลย

สาเหตุที่มู่เฉียนซีจำต้องอยู่ที่แคว้นชิงต่อ ประการแรกเพื่อที่นางจะได้จัดการเรื่องหอหมอปีศาจ อีกประการหนึ่งคือนางต้องไปดูอาการป่วยที่จวนท่านกั๋วกง

ในที่สุดเจ็ดวันหลังจากนั้นก็มาถึง ไป๋มู่เฟิงมารอมู่เฉียนซีที่หอหมอปีศาจตามคำนัดหมาย เมื่อเขาได้เห็นบุรุษหนุ่มรูปงามดั่งสตรีอีกครั้ง เขาก็ยังคงตกตะลึงกับรูปลักษณ์ที่งดงามเช่นนี้ไม่หาย

มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวว่า “เจ้าเหม่อลอยอะไร ? ไปจวนท่านกั๋วกงกันเถอะ”

ไป๋มู่เฟิงพยักหน้า กล่าวว่า “อา… ได้ ไปกัน…”

มาครานี้ มู่เฉียนซีไม่จำเป็นต้องปรุงยาที่จวนท่านกั๋วกงเหมือนคราก่อนแล้ว นางเตรียมหยูกยามาครบถ้วน เมื่อมาถึงนางจึงได้ฉีดยาให้กับท่านกั๋วกง และยื่นยาลูกกลอนให้กับไป๋มู่เฟิง “เจ้าเอาเม็ดยานี้ให้ท่านกั๋วกงกินวันละเม็ด กินหมดแล้วอาการของท่านกั๋วกงจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ”

“วิเศษแท้!” ไป๋มู่เฟิงแทบกระโดดโลดด้วยความตื่นเต้น

ไป๋กั๋วกง “มู่เฟิง เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านหมอปีศาจเป็นการส่วนตัว”

ไป๋มู่เฟิงรับฟังคำสั่ง เขาเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มรู้ทัน “ท่านกั๋วกงคิดจะคุยเรื่องค่าตอบแทนใช่หรือไม่ ?”

.