ตอนที่ 158 ช่างทำให้ใจเต้น

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ไป๋กั๋วกง “ท่านหมอปีศาจเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เจ้าเข้าเรื่องเถอะ”

มู่เฉียนซี “หอหมอปีศาจของข้าในกาลหน้า ขอฝากให้ท่านไป๋กั๋วกงคอยช่วยดูแลเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย”

ไป๋กั๋วกงยิ้ม “ด้วยความแข็งแกร่งของหมอปีศาจ ต่อให้จวนกั๋วกงไม่ต้องออกแรงช่วยแม้แต่น้อย เชื่อว่ายังคงสามารถอยู่ในแคว้นชิงอย่างเหมือนปลาได้อาศัยน้ำ ในเมื่อเป็นคำขอของผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตไว้  ข้าไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

มู่เฉียนซี “ข้ามีอีกคำถามหนึ่ง ไป๋กั๋วกง ท่านสืบได้หรือยังว่าใครเป็นผู้วางยาข้า ?” อันที่จริงบุคคลที่มู่เฉียนซีสงสัยมีไม่มาก  โอวหยางเหว่ยและมู่หรูอวิ๋น ในความคิดนาง สองสตรีนี้อาจเป็นบุคคลที่คุ้นชินกับพิษเป็นอย่างดี หรือไม่ก็อาจจะมีผู้มีอิทธิพลคอยบงการอยู่เบื้องหลังพวกนางเพื่อที่จะเอาชีวิตนาง หรือคนเหล่านั้นคงอยากจะกลืนกินตระกูลมู่ทั้งตระกูล

สีหน้าไป๋กั๋วกงหม่นคล้ำ “เรื่องนี้เริ่มได้เรื่องมาบ้างเล็กน้อยแล้ว  อีกฝ่ายซ่อนตัวลึกเกินไป เรายังไม่สามารถเจาะเข้าไปถึงได้”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เช่นนั้นก็… ถ้าหากท่านกั๋วกงพบข้อมูลใดเพิ่มเติม สามารถให้คนไปส่งข่าวแก่หอหมอปีศาจได้หรือไม่ ?”

“เรื่องนั้นง่ายดั่งยกมือ”

มู่เฉียนซีหยิบขวดยาออกมา กล่าวว่า “ในนี้มีเม็ดยาวิเศษอยู่สองเม็ด โดยปกติแล้วสามารถกันพิษทั่วไปได้ ไป๋กั๋วกงระวังตัวให้มาก ๆ ด้วย”

“ได้ ขอบใจเจ้ามาก” ไป่กั๋วกงกล่าวเสียงต่ำ มู่เฉียนซีเดินออกมาจากห้องของไป่กั๋วกงก่อนจะถามว่า “ไป๋มู่เฟิง ตาเฒ่าพวกนั้นมาแล้วหรือยัง ?”

ไป๋มู่เฟิงหัวเราะคิกคักชอบใจ “พวกเขาจะกล้าไม่มาหรือ ? ตอนนี้ล้วนแต่กำลังรออยู่ที่โถงใหญ่นั่น  คุณชายมู่ พวกเราจะไปพบหน้าพวกเขาสักหน่อยดีหรือไม่ ?”

“ไปสิ”

ในห้องโถงใหญ่ของจวนกั๋วกงมีนักปรุงยาหลายคนนั่งอยู่ ไม่มีความเย่อหยิ่งหลงเหลืออยู่ในแววตาเหมือนคราก่อนแล้ว สีหน้าของพวกเขาคล้ำ ๆ ราวกับสีของดิน

มู่เฉียนซี “พวกเจ้าแพ้แล้ว หากพวกเจ้ายังไม่ยอม สามารถตรวจร่างกายไป๋กั๋วกงได้ตามชอบ”

บางคนในพวกเขากล่าว “ไม่จำเป็น หมอปีศาจ ฝีมือของเจ้าสูงส่งนัก ข้านั้นนับถือ”

“ข้านับถือ!”

“ข้าก็นับถือ!”

“เช่นนั้นการเดิมพันของเรา ข้าคิดว่าทุกท่านคงไม่ลืมกระมัง ? หึ ๆ ๆ” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหัวเราะหยอกล้อ

ใบหน้าของพวกเขานั้นทาบทาความเศร้าหมอง แม้ว่าพวกเขาจะแพ้พนัน ก็ไม่กล้าเล่นตุกติกเบี้ยวจ่ายกับหมอปีศาจ  หากแต่นักปรุงยาเช่นพวกเขาจะต้องไปเป็นทาสของคนอื่น  มันทุกข์ทรมานใจมิใช่หรือ ? พวกเขาไม่อยากเป็นเลย

แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ยังเอ่ยสามคำนี้ออกมา “ข้าไม่ลืม”

มู่เฉียนซีหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นก็… นี่คือสัญญาแรงงานของหอหมอปีศาจของเรา พวกเจ้าอ่านทำความเข้าใจ จากนั้นลงนามในสัญญา เอาสัญญาไปรายงานตัวที่หอหมอปีศาจเพื่อเริ่มทำงานได้” นักปรุงยาที่ทํางานในหอหมอปีศาจจะได้รับรางวัลเป็นใบเบิกยาวิเศษระดับสี่ถึงระดับหก เมื่อปลายปีมาถึงจะได้รางวัลเป็นใบเบิกยาวิเศษระดับเจ็ด

ระยะเวลาของการลงนามในสัญญาคือสามปี  หลังจากสามปีสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ต่อหรือจะไป  ผู้ที่ประสงค์จะจากไปมู่เฉียนซีปล่อยตามสบาย แต่ผู้ที่จะอยู่ต่อจะต้องผ่านการทดสอบเสียก่อน

เพียงสามปีและยังมีค่าตอบแทนที่ดีเช่นนี้ ค่าตอบแทนนี้แม้แต่ราชวงศ์ก็ยังไม่อาจให้พวกเขาได้  สัญญานี้ ต่อให้พวกเขาไม่ได้ทำสัญญาพนันพวกนั้นก็ตื่นเต้นมากแล้ว

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

พวกเขารีบลงนามตนเองอย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวอย่างนอบน้อม “ต่อไปนี้พวกเราขอฝากเนื้อฝากตัวกับนายท่านด้วยขอรับ” ไป๋มู่เฟิงไปส่งมู่เฉียนซีที่ประตู เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “คุณชายมู่ท่านช่างเก่งกาจนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นตาแก่ตาเฒ่าเหล่านั้นยอมอย่างหมดท่า ถือได้ว่าเป็นเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่งของแคว้นชิงเลยก็ว่าได้”

มู่เฉียนซีตบบ่าเขาเบา ๆ  นางกล่าวขึ้น “วันพรุ่งข้าต้องไปจากเมืองชิงตูแล้ว เจ้าจงอย่าได้หูตาขาดความระมัดระวังจนโดนคนลอบทำร้ายสิ้นชีพไปเสียล่ะ ข้ายังรอการสืบทอดตำแหน่งของเจ้าอยู่ เพื่อที่เจ้าจะได้มาปกป้องสำหนักหมอปีศาจของข้า”

ไป๋มู่เฟิงกําหมัดแน่น กล่าวคำรับรองขึ้น “คุณชายมู่กับสหายของท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ อีกทั้งท่านยังได้มาช่วยชีวิตปู่ข้า  ต่อแต่นี้ไป ชีวิตของข้าถือเป็นของท่าน หากข้ายังอยู่ จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาเตะต้องหอหมอปีศาจแน่นอน”

มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวว่า “สิ่งที่ข้าควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว ข้าไปก่อน”

“คุณชายมู่ ข้าจะไปส่งท่านเอง” ไป๋มู่เฟิงกล่าว ท่าทางกระตือรือร้นไม่ปกปิด

“ไม่เป็นไร ข้าจะกลับไปเอง”

เงาร่างสีม่วงพลันหายไปต่อหน้าเขา ช่างเป็นภาพที่สวยงามราวกับดอกไม้ในกระจกหรือพระจันทร์ในสายน้ำก็มิปาน  ทว่าไป๋มู่เฟิง เขานั้นรู้ว่าชายหนุ่มงดงามราวปีศาจมีอยู่จริง พวกเขาจะต้องได้พบกันอีกครั้งเป็นแน่แท้

หอหมอปีศาจได้นักปรุงยาหลายท่านมาคุมสถานการณ์ หอยาแห่งนี้อยู่ตัวขึ้นมา  เยวี่ยเจ๋อเป็นผู้คอยอยู่เฝ้าจัดการดูแลเรื่องบางเรื่อง ส่วนจวินโม่ซีตัดสินใจที่จะไปกับมู่เฉียนซี

ตามนางผู้นี้ไป ถึงจะมีของอร่อย ๆ ให้กิน

เยวี่ยเจ๋อกล่าวขึ้น “เจ้าอย่าได้ไปสร้างปัญหาเพิ่มให้พี่ใหญ่ระหว่างทางเสียเล่า”

จวินโม่ซีกล่าวประหนึ่งไม่ได้ฟังคำเตือนของเยวี่ยเจ๋อ “ข้าอยากกินกระต่ายย่าง ไก่กระบอก แกะย่างยกตัว…”

“เจ้าคนเห็นแก่กิน พี่ใหญ่จะกลับแคว้น ไม่ได้ไปหาของกินในป่า” เยวี่ยเจ๋อเริ่มมีน้ำโห

ในที่สุดมู่เฉียนซีก็พาจวินโม่ซีผู้เห็นแก่กินกลับแคว้น ระหว่างทางยังถือว่านิ่งสงบอยู่ ทว่าต่อมาไม่นาน…

“หิว!”

ดวงตาใสน่าสงสารมองมาที่มู่เฉียนซี นางกล่าวสวนทันที “อยากกินรึ ? จัดการเอาเองสิ”

“ได้!”

ไม่นานนัก จวินโม่ซีหายวับไป ทันใดนั้นมีจิตสังหารปรากฏขึ้นมาพร้อมเสียงอันไม่น่าฟังของชายพเนจรผู้หนึ่ง “ผู้นำตระกูลมู่ พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”

“อา… ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะปีนออกมาจากที่นั่นได้” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้น

“ผู้นำตระกูลมู่สามารถออกมาได้อย่างโชคดี เหตุใดข้าจะทำบ้างไม่ได้ ? วันนี้ข้าจะต้องเอาชีวิตของเจ้าให้จงได้ ผู้นำตระกูลมู่!”

“เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้รึ ?”

“ราชาโอสถถูกยอดฝีมือระดับจักรพรรดิของเราตรึงไว้แล้ว วันนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้”

— ชิ้ง! —

ดาบยาวถูกชักออกจากฝัก เมื่อพวกเขาพุ่งเข้ามา ทันใดนั้นมีตาข่ายขนาดใหญ่หลายตาข่ายจับพวกเขาไว้ ฉับพลันทันใดผงยานับไม่ถ้วนโรยลงมา

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

“แค่ก ๆ ๆ” ในช่วงเวลาหนึ่ง พวกเขาตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน

“พรวด!”

ผงฝุ่นนั้นเข้าไปในระบบทางเดินหายใจและรูขุมขนของพวกเขา ทำให้ลมหายใจของพวกเขาเกิดติดขัดอย่างฉับพลัน จากนั้นจำต้องกระอักเลือดออกมาอย่างไม่เต็มใจ  มู่เฉียนซีเอนตัวพิงต้นไม้อย่างเกียจคร้าน สายตานางมองไปที่ดวงตาเบิกกว้างตกตะลึงของพวกเขา นางกล่าวหยอกล้ออย่างอดไม่ได้

“ฮ่า! ข้ารู้ว่าหากข้ายังไม่ตาย พวกเจ้าคนแห่งวังยมโลกเอียนหลัว แม้จะลอบสังหารไม่สำเร็จในครั้งแรกจะต้องมีครั้งที่สองตามมาเป็นแน่ พวกเจ้าคิดว่าข้าจะอยู่เฉย ๆ รอให้พวกเจ้ามาฆ่ารึ ?  หึ! แม้ข้าจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตระดับสาม แต่ข้ามีวิธีเป็นหมื่นแสนที่จะตลบหลังพวกเจ้า  พวกเจ้าดูถูกฝ่ายตรงข้ามเกินไปจริง ๆ ถึงกับกล้าเข้ามาโดยไร้การวางแผน”

“เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป เพียงโดนพิษเท่านั้น! ข้าสามารถแก้… แก้พิษได้”

คนพวกนั้นหลายคนกัดฟันกล่าวออกมา ว่าแล้วก็หยิบยาแก้พิษออกมากลืนลงคอไป ทว่าหลังจากกินยาแก้พิษไปแล้ว อาการของพวกเขากลับยิ่งหนักขึ้น ๆ

มู่เฉียนซีส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าพวกโง่! ช่างดูแคลนพิษของหมอปีศาจเสียจริง ค่อย ๆ ลิ้มรสมันไปแล้วกัน”

— โครม! —

ชายชุดดําอีกคนถูกโยนร่างมา สภาพชายผู้นั้น เวลานี้เสมือนถูกจวินโม่ซีซัดมาอาการปางตายเสียแล้ว

“เจ้าหมอนี่น่ารําคาญจริง เสียเวลาเก็บวัตถุดิบทำอาหารของข้า ไม่รู้ว่าของพวกนี้เพียงพอหรือไม่” จวินโม่ซีวางกระต่ายลงสิบกว่าตัว ไก่กระดูกวิญญาณอีกสิบกว่าตัว อีกทั้งยังมีแกะและหมู…

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปากอย่างระอา “พอแล้ว เจ้าจะกินมากขนาดไหนกันเชียว ?”

จวินโม่ซีกล่าวขึ้นอย่างไร้เดียงสา “ข้าคิดว่านี่ไม่มาก จะได้มีโอกาสกินมากขึ้นอีกสักหน่อย ไม่ดีหรือ ?”

“เจ้าไม่กลัวแน่นท้องตายเรอะ ?”

“วางใจเถอะ ข้าไม่แน่นท้องตายแน่นอน ข้าเป็นใครกัน ? ข้าคือราชาโอสถจวินโม่ซี”

“…”

ทั้งสองมัวแต่ถกเถียงกันเรื่องอาหารจนลืมเหล่านักฆ่าเอียนหลัวที่กำลังเจ็บปวดอยู่ด้านข้างไป

“แค่ก ๆ ๆ”

ชายที่ล้มอยู่บนพื้นผู้นั้นกระอักเลือดออกมาและกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง “จะฆ่าจะแกงก็เชิญ ให้ข้าได้สบายใจเถอะ ครานี้ภารกิจของเราล้มเหลวแล้ว”

.