บทที่ 233 น้ำกับไฟอยู่ด้วยกันไม่ได้![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 233 น้ำกับไฟอยู่ด้วยกันไม่ได้![รีไรท์]

ฟินิกซ์ระบำเก้ากาลเริงร่าอยู่บนท้องฟ้า ไฟสีม่วงล่อยลอยตามการร่ายรำของมัน มันมองลงมายังเหล่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างล่าง ไฟสีม่วงที่น่ากลัวหลอมละลายอากาศเกิดเป็นเสียงระเบิดน่ากลัว

โหยวเทียนอี้รวบรวมพลังรอบข้าง คลื่นลมปราณหมุนวนเหมือนกาแลคซี กระแสน้ำที่ไหลรวมกันเป็นทะเล ก่อตัวเป็นพายุหมุนเข้าสู้กับเปลวเพลิง

โหยวเทียนอี้ คือ จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับสอง ที่ใกล้ทะลวงเข้าสู่ระดับสาม พลังของเขาลึกลับจนน่ากลัว แม้แต่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่กล้าที่จะประมาณอีกฝ่าย

ตู้ม!

นกฟินิกซ์ส่งผลให้คลื่นบ้าคลั่งของโหยวเทียนอี้เบาลง น้ำกับไฟนั้นไม่อาจเข้ากันได้ แผ่นดินสั่นสะเทือนจนระเบิดออกมากระจกรอบข้างพวกเขาในระยะพันเมตรแตกกระจาย รถ ตึก ต้นไม้รอบ ๆ โดนพายุซัดทำลายจนหมด

เหล่าจอมยุทธ์ร้องออกมาแล้วถอยหลังหนี แต่คลื่นพายุกวาดรอบข้างอย่างรวดเร็ว คนนับสิบคนโดนมันซัดตายคาที่

โชคดีที่เหล่าฝูงชนคนปกติที่มุงดูฉู่ชวิ๋นและโหยวอีซานต่อสู้กัน ตกใจกลัวจนวิ่งเตลิดกันไปนานแล้ว ไม่งั้นผลที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการได้

หลังคลื่นโดนนกฟินิกซ์สลายมันทิ้ง เกิดเป็นกลุ่มไอน้ำขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นที่หลายร้อยเมตร

จอมยุทธ์ที่หนีไปต่างก็รู้สึกหลอน พวกเขาได้ยินแต่เสียงระเบิดดังไม่หยุดในหมอกขาวนั้น พวกเขาโดนหมอกขาวบังตาจนมองไม่เห็นการต่อสู้ของเทพเซียนทั้งสอง

ตู้ม!

เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงและเงาทั้งสองก็โผล่ออกมา

“ฉู่ชวิ๋น ไปตายซะ!”

โหยวเทียนอี้เกรี้ยวกราด กำหมัดออกมา น้ำเปลี่ยนสภาพกลายเป็นมีดขนาดใหญ่ ใบมีดคือกระแสน้ำที่ไหลด้วยความเร็วสูง คลื่นน้ำไหลเชี่ยว ไอเย็นของมันส่งผลให้คนหนาวจนตัวแข็ง

ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจและคิดว่า จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิทุกคนน่ากลัวจริง ๆ ไม่มีคนไหนที่เขาจะประมาณได้เลย วิชาควบคุมน้ำของโหยวเทียนอี้อยู่ในระดับที่เหลือเชื่อมาก

ใบมีดยักษ์ฟันใส่ฉู่ชวิ๋น พื้นดินโดนแรงกดดันลมปราณแตกกระจุยกระจาย

“โหยวเทียนอี้ จากวันนี้ไปเมืองกู่เจียง จะต้องไม่มีตระกูลโหยวอีกทั้งหมดนี้แกทำตัวเองหมด ไม่ต้องไปสงสัยคนอื่น!” ฉู่ชวิ๋นพูดออกไป ในขณะเดียวกันควันสีม่วงที่ล้อมรอบตัวเขาพุ่งทะยานขึ้น ภายในแขนขาและกระดูกสัมผัสได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านไปมา เหล่าอวัยวะน้อยใหญ่ต่างมีสะท้อน กระดูกทองคำเปล่งประกาย ควันสีม่วงลอยเอื่อย ๆ พอสะบัดมือก็ทำให้พลังมังกรระเบิดออกมา ดูน่าตื่นตาตื่นใจเอามาก ๆ

ตู้ม!

พื้นดินระเบิดออก ฉู่ชวิ๋นพุ่งไปกลางอากาศ ควันสีม่วงที่กำปั้นสองข้างส่องแสงผ่ามีดยักษ์ตรงหน้า กำปั้นพุ่งทะยาน พร้อมควันม่วงของวิชาลมปราณจำแลงราวกับพายุสายฟ้า

ตู้ม!

หมัดต่อยเข้าไปที่คมใบมีด จนเกิดการเสียดสีคลื่นน้ำซัดเป็นระลอก พลังของควันสีม่วงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ใบมีดขนาดใหญ่และยาวหลายจ้าง โดนฉู่ชวิ๋นต่อยเข้าไปหมัดเดียวก็ร่วงลงมา น้ำแตกกระจาย ทำให้ใบมีดยุบลงไป เพราะแรงจากหมัดนั้น

“ฉู่ชวิ๋น อย่าเพิ่งรีบดีใจไป” โหยวเทียนอี้พูดออกมาตามประโยคที่เขาว่า ใบมีดซ่อมแซมตัวเอง คืนสภาพทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สำหรับอาวุธ ใบมีดคือท่านอ๋อง คมดาบคือจักรพรรดิ แต่อาวุธที่ไม่มีทางแตกสลายคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุด!

“ฉู่ชวิ๋น พลังสายน้ำนั้นไม่มีชีวิตจิตใจ เปลี่ยนรูปทรงได้ไม่สิ้นสุด เตรียมตัวตายซะเถอะ!” โหยวเทียนอี้พูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง

ถึงจะไม่มีรอยโดนมีดฟัน แต่พลังจากคมมีดก็รุนแรง จนหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกดำ

ฉู่ชวิ๋นยิ้มเบา ๆ ควันม่วงรอบ ๆ ตัวเข้ามาปกคลุมร่างดูเจิดจ้าราวจักรพรรดิ

เชว้ง!

เขาทะยานสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง บนกำปั้นมีเปลวไฟสีม่วงดูน่ากลัวผุดขึ้นมา ความน่ากลัวของมันถึงขนาดที่ทำให้ท้องฟ้าแปรปรวน นกฟินิกซ์ได้รวมเป็นหนึ่งกับไฟสีม่วงที่ฉู่ชวิ๋นปล่อยมันออกมา นี่คือพลังของเคล็ดวิชาฟินิกซ์นิรันดร์ – เพลิงฟินิกซ์แผดเผา เปลวเพลิงสีม่วงเมื่อร่วมเข้ากับฟินิกซ์ก็ดูเปลี่ยนไป เสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศ ปีกของมันสยายออกไปถึงสี่เมตร แม้แต่คนธรรมดาสามัญทั่วไป ก็สัมผัสได้ถึงพลังของมันจนเสียวสันหลังวาบ

เปลวไฟสีม่วงไปรวมตัวกับนกฟินิกซ์ พลังเซียนของมันเข้าโจมตีใบมีดยักษ์

ตู้ม!

ทั้งสองปะทะกัน ทำให้คนที่โดนแรงระเบิดตัวสั่นกระอักเลือดออกมา ส่วนใหญ่เลือดออกทั้งทางปากและจมูก

แกร๊ก!

รอยแตกบนใบมีดขยายขึ้นและสุดท้ายก็ระเบิด มันระเหยเป็นฝนตกลงมา

ซ่า!

หมอกขาวนั้นหายไป นกฟินิกซ์ทำให้ฝนที่ตกลงมาระเหย นกฟินิกซ์คำรามออกมากึกก้อง พุ่งไปในอากาศ มุ่งไปโจมตีโหยวเทียนอี้

โหยวเทียนอี้ไถลไปไกลนับร้อยเมตร แทนที่เขาจะโจมตีกลับ เขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงนกฟินิกซ์เข้าไปโจมตีตึกสิบกว่าชั้นที่อยู่ไกลออกไปร้อยกว่าเมตร มันระเบิดพลังจนตึกใหญ่นั้นส่ายไปมา จากนั้นตึกก็ถล่มลงมา ทำให้ฝุ่นตลบคละคลุ้งออกมาปกคลุมท้องฟ้า

ในขณะที่ฝูงชนต่างก็อลหม่านอยู่นั้น ฉู่ชวิ๋นก็ยกฝ่ามือขึ้นมาประทับรอย แหวกอากาศไปฆ่าโหยวเทียนอี้

โหยวเทียนอี้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเก่งกาจของ  ฉู่ชวิ๋นมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก ในใจเขาเต็มไปด้วยความริษยา ฉู่ชวิ๋นยังหนุ่มยังแน่นแต่ก็น่าเกรงขามมากเกินไปแล้ว

ตู้ม ตู้ม……!

ทั้งสองปะทะกัน เป็นการเผชิญหน้าที่สูสีพอควร ส่งผลให้อากาศเต็มไปด้วยเสียงระเบิดดังก้อง แผ่นดินสั่นไหว พื้นดินโดนระเบิดออก ตามทางเต็มไปด้วยหลุมและรอยแตก

รอบตัวฉู่ชวิ๋นมีแสงวาบออกมา กำปั้นสองข้างมีควันม่วงไหลพวยพุ่ง มันม้วนตัวเบา ๆ เกิดเสียงสั่นสะเทือนในอากาศ หมัดข้างหนึ่งปล่อยออกมา ควันสีม่วงปกคลุมเกิดเป็นพลังที่น่ากลัว

ตู้ม!

การปะทะครั้งนี้ทำให้โหยวเทียนอี้โดนระเบิดตัวปลิวไปไกล ไหล่ข้างหนึ่งแทบหลุด ซีกหนึ่งของร่างกายไร้ความรู้สึก ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหาพร้อมปล่อยกำปั้นเพื่อสังหาร

ตู้ม ตู้ม…..!

ลมปราณคุ้มกายกระจายตัวไปรอบ ๆ ตัวโหยวเทียนอี้อย่างดุเดือด สมแล้วที่ไต่ขึ้นมาจนใกล้ทะลวงสู่ขั้นจักรพรรดิระดับสาม ยากที่จะรับมือจริง ๆ

“ฉู่ชวิ๋น แกจะฆ่าข้าเลยสินะ แต่มันดูฝันสูงไปหน่อยไหม ?” ถึงแม้โหยวเทียนอี้จะตัวปลิวกระเด็นไป แต่กลับไม่รู้สึกตระหนกตกใจ แล้วยังตะโกนออกไปด้วยความหยิ่งผยอง

“งั้นเหรอ ?” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นส่งควันม่วงออกไป

ตู้ม!

กลุ่มควันสีม่วงลอยออกมาจากกำปั้นของฉู่ชวิ๋น พุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นกลายสภาพขนาดใกล้เคียงกับลูกบาส มุ่งไปทำลายพลังลมปราณคุ้มกายที่ปกป้องตัวโหยวเทียนอี้อยู่

ทันใดนั้น เกิดระเบิดขนาดใหญ่ที่น่ากลัวดังกึกก้องฉีกแก้วหูคนทั่วไป มันเป็นพลังที่สั่นสะเทือนฟ้าดินโดยแท้ โหยวเทียนอี้กระอักเลือดออกมา

เชว้ง!

กลุ่มควันสีม่วงก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันตามโหยวเทียนอี้ที่ตัวปลิวออกไป แล้วก็เข้าไประเบิด

โหยวเทียนอี้โมโห พ่นละอองเลือดออกมากลางอากาศ ตัวของเขาเป็นเหมือนลูกกระสุน พุ่งไปร้อยกว่าเมตรชนกับภูเขาลูกหนึ่ง จนภูเขาระเบิด

หลังจากที่พื้นโลกเปลี่ยนแปลงไป เปลือกโลกเคลื่อนตัวเข้ามาชนกัน พอแผ่นดินสงบลงภูเขา ก็ไม่ใช่สิ่งหายากอีกต่อไป เดิมทีเมืองกู่เจียงเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ตอนนี้พื้นที่เนินสูงเพิ่มขึ้นมามากมายหลายเท่า ภูเขาที่ยิ่งใหญ่อลังการ ต้นไม้โบราณที่สูงเสียดฟ้า เหล่าหินรูปทรงแปลกประหลาดงอกขึ้นมานับไม่ถ้วน ทำให้ไม่ไกลจากเมืองมากมีภูเขาอยู่หลายแห่ง

ตู้ม!

ภูเขาระเบิดออก ฝุ่นควันตลบ โหยวเทียนอี้ดีดตัวออกมาจากภูเขา ผู้คนตกใจแล้วจนพูดอะไรไม่ออก

พวกเขาเห็นประกายทองอร่ามล้อมรอบตัวโหยวเทียนอี้ เหมือนกับว่าทั้งตัวอาบไปด้วยแสงสีทอง พลังลมปราณกลับมาแข็งแกร่งและดูน่าเกรงขาม

“เกราะม่วงทองคำ” มีคนหลุดปากอุทานออกมา ตระกูลโหยวได้เจอซากปรักหักพัง แต่ไหนแต่ไรก็ได้ของดีออกมาไม่น้อย เกราะม่วงทองคำนี้คือหนึ่งในนั้น

ตระกูลโหยวฉลาดมาก ผู้คนรอบตัวต่างอิจฉาริษยาในความเก่งกาจของพวกเขา เมื่อเขาทราบเรื่องซากปรักหักพังเข้า เขาก็เข้าไปเอาของพวกนั้นมาประมูล ตระกูลโหยวประมูลพวกอัญมณีลับออกไปจนหมดทำให้พวกเขากลายเป็นตระกูลใหญ่ขึ้นมา จิตใจพวกเขาถูกครอบงำด้วยความโลภจนไม่คิดหน้าคิดหลัง

ในรอบนี้ หร่วนหยาง ลู่เต้า ชิวเซียนและคนอื่น ๆ ทั้งหมดหมายครอบครองอัญมณีลับที่ตระกูลโหยวครอบครอง

โหยวเทียนอี้ร่ายรำมือไปมา เกราะม่วงทองคำปล่อยแสงออกมาปกป้องห้อมล้อมตัวเขา แววตาเป็นประกาย จิตสังหารคลุ้มคลั่งไปรอบตัว

“ฉู่ชวิ๋น ครั้งนี้ข้าจะฉีกแกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือของข้าเอง!” โหยวเทียนอี้พูดด้วยน้ำเสียงทะมึน

เขารู้ดีว่าตัวของฉู่ชวิ๋นผอมแห้ง วิธีจัดการให้อยู่มัดคือเข้าไปจิ้มจุดข้อต่อให้ถูกจุด เพราะในเรื่องความแข็งแกร่ง ฉู่ชวิ๋นนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก เพราะงั้นเขาจึงใช้เกราะม่วงทองคำโดยไม่ลังเล พลังการป้องกันของเกราะม่วงทองคำนับว่าเป็นเลิศ เขาพยายามที่จะโจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมดทันที

ฉู่ชวิ๋นพูดไม่ออก เกราะม่วงทองคำมันเป็นของวิเศษของเซียน ถ้าโลกเป็นปกติของแบบนี้จะปรากฏออกมาไหมนะ ?

จักรพรรดิอ๋าวฮวงเคยพูดเอาไว้ ในครั้งหนึ่งโลกสุดยอดกว่าทวีปเซียนหลายเท่า พลางชวนให้เขาคิดคล้อยตาม

เชว้ง!

โหยวเทียนอี้ขยับตัว เขายิ้มที่มุมปากแล้วพุ่งเข้ามาเพื่อฆ่า พลังในฝ่ามือไหลเวียนไปมา เกราะม่วงทองคำเข้ามาเสริมกำลัง ทำให้เขามั่นใจมากขึ้น ลูกตาดำของฉู่ชวิ๋นเหมือนกับ หานซิง (ดาวที่เป็นน้ำแข็ง) ภายในตัวมีเสียงระเบิดออกมา กระดูกเขาเปล่งแสงสีทอง สาดส่องออกมาทางรูขุมขน เหมือนเอาตัวเขาไปชุบทองหุ่มไว้

ควันม่วงจากลมปราณจำแลงลอยเคว้งอยู่ หัวใจเต้นรัวเหมือนกลองศึก ทั้งสองปล่อยกำปั้นออกมา พวกเขาสูสีกันมาก แต่แรงสั่นไหวจากลมปราณของโหยวเทียนอี้ดูแล้วจะได้ผลมากกว่า

เต๊ง!

หมัดของฉู่ชวิ๋นชนกับเกราะม่วงทองคำ เสียงระเบิดจากเหล็กกล้าที่ปะทะกันก็ทำให้คนหูหนวก แรงปะทะเกิดเป็นลูกไฟออกมาทั่วท้องฟ้า

“ฉู่ชวิ๋น เรามันกระดูกคนละเบอร์ หมัดแกไม่มีทางที่จะผ่านทะลุเกราะม่วงทองคำได้อย่างแน่นอน วันนี้ล่ะคือวันตายของแก!!”

โหยวเทียนอี้หัวเราะออกมาด้วยความป่าเถื่อน ในตอนแรก เขารู้สึกกังวลเพราะร่างกายของฉู่ชวิ๋นทรงพลังมากแต่พอฉู่ชวิ๋นต่อยมาเกราะม่วงทองคำ กลับไม่มีร่องรอยหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขารู้สึกว่าเขาชนะแล้ว!!

ฉู่ชวิ๋นตกตะลึง ความสามารถในการป้องกันของเกราะม่วงทองคำเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก สิ่งนี้มันทรงพลังเกินไป มันเป็นระดับที่ใกล้กับของวิเศษสำหรับขั้นเซียนระดับกลางแล้ว เหมือนดาบไม้ของเขาก่อนหน้านี้ ง้าววิเศษของหวังอันจากสำนักจิตวิญญาณอสรพิษ ของพวกนี้ล้วนเป็นอาวุธของเหล่าเซียน!!

เต๊ง เต๊ง…….!

ฉู่ชวิ๋นกระหน่ำชกหมัดใส่โหยวเทียนอี้ราวพายุฝน แต่ว่าทั้งหมดโดนเกราะม่วงทองคำขวางเอาไว้จนหมด

“ฉู่ชวิ๋น อย่าโง่สิ ใช้สมองหน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า” โหยวเทียนอี้โห่ใส่ ในขณะเดียวกันก็กำหมัดเตรียมปล่อยออกไป

คลื่นลมปราณที่บ้าคลั่งซัดไปมา เกลียวคลื่นม้วนตัวกันจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซัดกระเซ็นรุนแรง คลื่นยักษ์ขนาดมหึมา ปล่อยแรงดันมหาศาลออกมา

ในพริบตาเดียวตัวของฉู่ชวิ๋นก็ถอยห่างออกไปหลายร้อยเมตร แต่ฉู่ชวิ๋นไม่แยแส เขามือข้างหนึ่งยก ชี้นิ้วไปบนท้องฟ้า

โครม!

ท้องฟ้าสั่นสะเทือน พลังลมปราณโบราณผันผวน ลอยออกมาเป็นควันกลายเป็นรูปร่างนิ้วขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนฟ้า ให้รู้สึกหวาดกลัวต่อผู้คน

วิชาดัชนีสังหาร — กระบวนท่า ดัชนีสามอุสรา

นิ้วขนาดยักษ์ส่งแรงกดทับม้วนตัวออกมา ไม่มีอะไรป้องกันมันได้ ดุร้ายดั่งปีศาจ บ้าคลั่งราวกับหมาป่า โจมตีรุนแรงดุจมังกร

ตู้ม!

การโจมตีของโหยวเทียนอี้โดนวิชาดัชนีสังหารทำลายในทันที

ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าใส่โหยวเทียนอี้ที่อยู่ห่างออกไปห้าเมตร ปล่อยกำปั้นใส่ ออกมาเหมือนพายุสายฟ้าซัด เป็นเสียงระเบิดดังไม่หยุด

เต๊ง!

กำปั้นของฉู่ชวิ๋นชกไปที่ท้องของโหยวเทียนอี้ แต่แล้วแสงสีทองจากเกราะม่วงทองคำก็เปล่งประกายออกมา กันหมัดของเขาไว้ทำให้ต่อยเข้าไปไม่ได้

โหยวเทียนอี้ทำหน้าเหยียดหยาม แล้วมองเหยียดไปที่ฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นขยับมุมปากขึ้นเล็กน้อย ควันสีม่วงพลุ่งพล่านจากลูกตา เกิดแสงจ้าสีม่วงจากกำปั้นแล้วเปลี่ยนเป็นสายฟ้าฟาดออกมา

“อ้ากก….!!” โหยวเทียนอี้กระเด็นจนร้องลั่นออกมา หน้าอกของเขาเป็นหลุม ที่เกราะม่วงทองคำมีรอยหมัดประทับไว้แบบเห็นได้ชัดเจน

ตู้ม!

โหยวเทียนอี้โดนดีดเข้าไปฝังในภูเขาอีกครั้ง ทำให้ภูเขาระเบิดจนฝุ่นคละคลุ้ง ทุกคนต่างก็ตกใจตัวสั่น

เรื่องที่อัญมณีลับที่ตระกูลโหยวไปประมูลมาเป็นเรื่องที่ทุกคนในจอมยุทธ์รู้กันดี เกราะม่วงทองคำเองก็เป็นที่จับตามากที่สุด ทุกคนรู้อานุภาพในการป้องกันของเกราะม่วงทองคำ เขาว่ากันว่ามันเป็นของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับสี่ !!

ฉู่ชวิ๋นประทับรอยหมัดไว้บนเกราะม่วงทองคำ บอกได้ว่าอย่างน้อย ๆ พลังของฉู่ชวิ๋นต้องระดับเดียวกับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับสาม

ตู้มม!

ภูเขาระเบิดออก โหยวเทียนอี้ ดีดตัวออกมาด้วยหน้าตาที่ดูแล้วไร้ราศี ปากกระอักเลือดออกมา อวัยวะดูไม่เข้ารูปเข้าทรง

“เป็นไปไม่ได้…เป็นแบบนี้ได้ยังไง…”

เขาพึมพำไม่หยุด เหมือนจะรับไม่ได้ที่ฉู่ชวิ๋นสามารถประทับหมัดลงบนเกราะม่วงทองคำได้ ในขณะเดียวกัน จิตใจเขาก็กระวนกระวาย เกราะม่วงทองคำยังไม่อาจปกป้องเขาได้!

โหยวเทียนอี้ไม่คิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ ก่อนหน้าเขาเป็นฝ่ายจะฆ่าฉู่ชวิ๋น แต่ตอนนี้กลับต้องมาปกป้องชีวิตตัวเอง

ส่วนฉู่ชวิ๋นนั้นสูดรอบตัวเต็มไปด้วยจิตสังหาร บรรยากาศน่ากลัวขึ้นมา หมัดที่เพิ่งต่อยไปนั้น เป็นวิชาหนึ่งในตำราลมปราณจำแลงโบราณเป็นพลังที่ไร้ขีดจำกัด ไม่มีใครเทียบได้

“โหยวเทียนอี้ วันนี้ฉันจะกุดหัวแก!” จิตสังหารของฉู่ชวิ๋นทำให้ทุกคนหวาดกลัว โหยวเทียนอี้ซ่อนตัวหลังเงา หัวเราะออกมาด้วยเสียงชั่วร้าย “จอมมารฉู่ แกยังไม่เก่งพอที่จะฆ่าข้าหรอกนะ”

พอพูดออกไป มีดเล่มหนึ่งที่ใบมีดเป็นสีดำเหมือนหมึกก็ปรากฏออกมาในมือเขา

ในขณะเดียวกัน ความร้อนจากดินและฟ้าก็กระจายตัวออกไป ความเย็นยะเยือกเข้ามาปกคลุม ประกายของใบมีดน่าเกรงขามมันเย็นยะเยือกจนแทรกเข้ากระดูก ทำให้คนตัวเกร็งไม่กล้าขยับตัว