บทที่ 232 ไม่ตายไม่เลิกลา![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 232 ไม่ตายไม่เลิกลา![รีไรท์]

โหยวอีซานโกรธจัด ตระกูลโหยวของพวกเขาอาจจะรุ่งเรืองได้ไม่นานนัก แต่หลังจากที่พวกเขาได้ปกครองเมืองกู่เจียงก็ไม่มีคนกล้ามาหยามเกียรติตระกูลโหยวเลยแม้แต่ครั้งเดียว!!

ฉู่ชวิ๋นทำแบบนี้มันยิ่งกว่าการหยามเกียรติ เห็นเหมือนการมาชี้หน้าด่าพวกเขา วันนี้ยังเป็นแค่การเรียกน้ำย่อย วันข้างหน้าตระกูลโหยวจะกลายเป็นเพียงตัวตลกท่ามกลางหมู่จอมยุทธ์

“ฉู่ชวิ๋น ฉันรู้ดีว่าแกเก่งกาจมากแค่ไหน แต่แกกล้าบอกว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพันงั้นหรือไง ? แกมันก็แค่คนอวดดี คนอื่นอาจจะกลัวแก แต่ฉันและตระกูลโหยวไม่กลัว!”

วิ้ง!

ฉู่ชวิ๋นปรากฏตัวด้วยความเร็วที่ไม่มีใครคาดคิด เขาเร็วราวกับสายฟ้า เพียงก้าวเดียวเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้า โหยวอีซานแล้ว เขายกมือขึ้นกำหมัดพร้อมระเบิดพลังออกมา มันเป็นพลังที่รุนแรงจนน่าเหลือเชื่อ

โหยวอีซานทั้งตกใจและหวาดกลัว แต่เขาโคจรลมปราณรอบตัว เลือดสูบฉีดเหมือนกระแสน้ำไหลเชี่ยว เขายกฝ่ามือออกมาเพื่อต่อต้าน

กำปั้นของฉู่ชวิ๋นเองมีเต็มไปด้วยออร่าสีม่วง ควันสีม่วงล่องลอยมาปกคลุมตัวเขาราวกับจักรพรรดิเทพ พลังอันไร้ขีดจำกัดต่อยเข้าไปที่ฝ่ามือของโหยวอีซาน

ตู้ม!

แรงระเบิดแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง แผ่นดินแยกจากการระเบิดฝุ่นตลบทั่วฟ้า

ตู้ม ตู้ม………!

โหยวอีซานโดนแรงกระแทกจนกระเด็นไปไกล ลอยจนเท้าไม่อาจแตะพื้น เพราะพื้นดินโดยรอบโดนแรงระเบิดจนไม่อาจที่ให้ยืน ระเบิดราวกับเงาตามตัวมันระเบิดพื้นที่โดยรอบไม่หยุด

ระเบิดพลังลมปราณของฉู่ชวิ๋นยังคงระเบิดเรื่อย ๆ สิบกว่าครั้งถึงจะหยุดลง กว่าโหยวอีซานจะตั้งตัวได้พื้นดินก็ลึกจนกลายเป็นแม่น้ำใหญ่

โหยวอีซานหน้าซีดเซียว พลังของฉู่ชวิ๋นน่ากลัวเกินไป ตอนนี้แขนขวาของเขาสั่นไปหมด

เชว้ง!

ฉู่ชวิ๋นพุ่งเข้าใส่โหยวอีซานแล้วรัวหมัดอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของโหยวอีซานเปลี่ยนไป เขาได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับฉู่ชวิ๋นว่าฉู่ชวิ๋นจัดการกับศัตรูแบบไร้ความปรานี พอได้เจอจริง ๆ ถึงได้รู้ว่า ข่าวลือยังน้อยไปด้วยซ้ำไอ้นี้มันหมาบ้า!

ลมปราณรอบ ๆ ตัวโหยวอีซานดุเดือดขึ้นถึงขีดสุด คนอื่น ๆ มองเห็นลมปราณที่หนาแน่นด้วยตาเปล่า ลมปราณจนส่งเสียงระเบิดดังออกมากลางอากาศ เขาเองก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิจะมาแสดงความอ่อนแอไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

สองมือของเขาปล่อยแสงออกมา พุ่งไปหาฉู่ชวิ๋น

สองคนผลัดกันสู้สุดพลัง เสียงระเบิดดังขึ้นไม่หยุดหย่อน พื้นดินสั่นไหว รถยนต์รอบข้างหลายสิบคันระเบิดกลายเป็นเศษ ประกายไฟปกคลุมทั่วท้องฟ้า เหล่าต้นไม้สูงเสียดฟ้าโดนแรงลมพัดจนลอยไปชนตึกต่าง ๆ  ถนนลาดยางโดนระเบิดจนเละ พื้นที่โดยรอบน่ากลัวเกินจะรับไหว โหยวอีซานร้องคำราม ซัดฝ่ามือออกไปสุดแรง ฝ่ามือแหวกอากาศออกพุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น

ควันม่วงรอบตัวฉู่ชวิ๋นพลุ่งพล่าน มือทั้งคู่ของเขาแค่ชกออกไปก็ราวกับใช้วิชาเซียน เพียงแค่โบกมือก็เกิด

การระเบิดขึ้นในอากาศ ฝ่ามือของโหยวอีซานถูกหยุดเอาไว้กลางอากาศ เสียงระเบิดดังลั่นไม่หยุด

ควันม่วงรอบหมัดสองข้างลอยเอื่อย ๆ ฉู่ชวิ๋นปล่อยระเบิดลมปราณออกมา ควันสีม่วงสองสายไหลรวมตัวกันที่กำปั้นแล้วปล่อยมันออกไป

ตู้ม! ตู้ม!

ระเบิดทั้งจากข้างหน้าและข้างหลัง ทำให้โหยวอีซานทำตัวไม่ถูก โหยวอีซานโมโหมาก เขาโดนแรงกระแทกถอยร่นออกไป ร้องเสียงหลง เกือบจะกระอักเลือดออกมา

ฉู่ชวิ๋นส่งสายตาเย็นชา แววตาไม่แยแสใด ๆ โหยวอีซานแข็งแกร่งทรงพลังกว่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนก่อน ๆ ที่เขาสู้ไม่น้อย น่าจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับสอง

ตอนนี้พวกเขาห่างกันนับร้อยเมตร แต่ระยะแค่นี้มันก็เหมือนก้าวเดียวของพวกเขา พลังลมปราณรอบตัวของฉู่ชวิ๋นพุ่งกระฉูดขึ้นมา สองหมัดพริ้วไหวเขาชกหมัดแหวกกอากาศออกไป โหยวอีซานตะลึง พลังลมปราณของฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขาเข้าใจในทันใดว่า ฉู่ชวิ๋นยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง!

ควันสีม่วงสายหนึ่งต่อยออกมา กลายเป็นแรงระเบิดหักกระดูกโหยวอีซานดัง “กร๊อบ” ร่างกายของเขากระเด็นไปไกลราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

ตู้ม ตู้ม………!

ควันสีม่วงแหวกอากาศ พุ่งตามโหยวอีซาน จนโหยวอีซานร้องตะโกนออกมา ตัวโหยวอีซานกระเด็นเข้าไปชนกับห้องว่างบนตึก ถูกอัดอยู่ในผนังซีเมนต์ลึกยี่สิบถึงสามสิบเซนติเมตร ฉู่ชวิ๋นยืนดูรูใหญ่รูปคนบนผนังซีเมนต์

ผู้คนหวาดกลัว ทุกคนต่างเงียบงัน ดุร้ายเกินไปแล้ว ขนาดจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิยังโดนจัดการขนาดนี้

ตู้ม!

กำแพงซีเมนต์ระเบิดออกมา หินกรวดปลิวว่อน โหยวอีซานผลักตัวออก สภาพของเขาทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่ย ดูไร้ราศี

“ฉู่ชวิ๋น ฉัน….” เสียงของเขาหายไปกะทันหัน สีหน้าดูหวาดกลัว

โหยวอีซานเห็นลมปราณสีม่วงบาง ๆ ล่องลอยบนท้องฟ้า ต่อตัวกันกลายเป็นแส้! ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือ แส้นั้นก็ฟาดลงไป

โหยวอีซานโมโหเกรี้ยวกราด พลังรอบ ๆ ตัวพลุ่งซ่าน ลมปราณรวมตัวกันกลายเป็นลมปราณคุ้มกายปกป้องเขาเอาไว้

ผัวะ!

พอแส้ฟาดไปที่ลมปราณคุ้มกายที่ป้องกันตัวโหยวอีซาน ทุกคนก็ได้ยินเสียงกระแทก ลมปราณคุ้มกายระเบิดออก แส้ฟาดไปที่แขนซ้ายของเขา ทันใดนั้นก็มีเลือดก็สาดกระจาย

โหยวอีซานร้องด้วยความเจ็บปวด แขนขวาของเขามีเส้นเลือดปูดออกมา เลือดสาดกระจายไม่หยุด ผู้คนตกใจกลัว จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเลือดไหล!

ฟู่ว!

แส้ดีดตัวราวกับว่ามันมีชีวิต ฟาดไปแล้วมันยังตามไปฟาดโหยวอีซานต่ออย่างดุเดือดอีกครั้ง

ผัวะ!

เลือดสาดกระจาย โหยวอีซานร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้น เสียงเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แส้ฟาดไปที่หน้าของเขาครึ่งหน้าเต็มไปด้วยเลือด เลือดกระฉูดออกมาน่าสยดสยอง

ฟู่ว…….ผัวะ……

ปลายแส้ดีดตัวฟาดไม่หยุด ทุกครั้งที่แส้ฟาดลงไป ก็จะมีเลือดพุ่งออกมา

โหยวอีซานตัวอาบไปด้วยเลือด เขาหลบซ้ายหลบขวา แต่ก็ไม่อาจหลบพ้นทุกครั้ง ก็โดนจะมีเลือดเนื้อฉีกขาด

ร่างกายของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิแข็งแก่รงจนน่ากลัว ต่อให้เอารถไฟความเร็วสูงมาชนก็ไม่ตาย แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งนี้กำลังทรมานเขา!

“อ้าก…!” โหยวอีซานร้องออกมาด้วยความโมโห เขาเริ่มจะเสียสติแทบจะระเบิดออกมาแล้ว

เขารู้สึกอับอายเหมือนหมาที่ใกล้ตาย ตอนนี้เขายังเหลือศักดิ์ศรีความเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิอยู่ไหม ?

“ฉู่ชวิ๋น ฉันกับแก ไม่ตายไม่เลิกลา!” เขาตะโกนราวกับคนสติแตก จากนั้นพลังลมปราณรอบตัวเขาก็ลุกโชนอย่างน่ากลัว สองมือไหลเวียนลมปราณ เพื่อหยุดแส้ที่ฟาดลงมา

“อ้า…!”

โหยวอีซานหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แขนสองข้างเลือดพุ่งกระฉูด เขาคว้าแส้ไว้ในมือแล้วฉีกมันเป็นชิ้น ๆ

ฉู่ชวิ๋นคิ้วกระตุก แต่ก็ยิ้มมุมปากเบา ๆ ออกมา

“ระเบิด!”

พอเขาพูดจบ ทุกคนก็ได้ยินเสียงระเบิด แส้ในมือของโหยวอีซานระเบิดออก ลมปราณสีม่วงหมุนเป็นวงพายุซัด โหยวอีซาน เลือดสาดกระเซ็นเต็มอากาศ

ฉู่ชวิ๋นเอาเท้าเขี่ยพื้นเบา ๆ ดีดตัวเข้าไปหาโหยวอีซานที่ปลิวลอยไปไกล เขาดีดตัวขึ้นสูง แล้วหย่อนเท้าลงมาเหยียบหน้าอกของโหยวอีซาน

คลิ๊ก!

กระดูกหน้าอกแตกเป็นเสี่ยง ๆ โหยวอีซานร้องลั่น หน้าอกยุบลงไปอย่างน่ากลัว ตัวคนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ลงกระแทกพื้นอย่างแรง

ตู้ม!

ถนนลาดยางระเบิดเป็นทางยาว พื้นดินแตกขยายออกไปเรื่อย ๆ ผู้คนตื่นกลัวจนวิญญาณหลุดจากร่าง กระดูกสันหลังเย็นวาบ

พื้นดินโหยวอีซานนอนเหมือนหมาตาย กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่

ฉู่ชวิ๋นกล่าว “แผ่นดินจีนไม่ใช่สนามประลองยุทธ์ของพวกจอมยุทธ์ ประชาชนทั่วไปก็ไม่ใช่แกะน้อยที่จะเอามาเชือดเล่น เพราะว่าตระกูลโหยวไม่ยอมฟังคำเตือน งั้นฉันจะทำให้ตระกูลโหยวล่มสลายหายไปเอง!!” ฉู่ชวิ๋นพร้อมฆ่า ครั้งนี้เขาโกรธมาก จอมยุทธ์ปกติแล้วต้องไม่คิดเอาชีวิตของพลเมือง ไม่งั้นยุทธภพจะมีมาหลายร้อยได้ยังไง ผู้ต่างตกในความกลัว มือเท้าเย็นไปหมด ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้น ลมปราณสีม่วงคลุ้มคลั่ง

ในใจของผู้คนเหล่านั้นต่างก็ส่งเสียงออกมา จอมมารฉู่จะฆ่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิอีกแล้ว!!

“ฉู่ชวิ๋น แกมันโง่บัดซบ ไม่เกรงฟ้ากลัวดินบ้างเลยรึไง ?” โหยวอีซานที่นอนอยู่ในหลุมตะโกนออกมาด้วยความโมโห เขารู้สึกตระหนกยิ่งนัก

ฉู่ชวิ๋นเงียบไปสักพักใหญ่ ๆ ถึงพูดออกมา “ถ้าฉันไม่ฆ่าแกนี่แหละถึงจะเรียกว่าไม่เกรงฟ้ากลัวดิน” ฉู่ชวิ๋นปล่อยลมปราณสีม่วงให้วนเวียนอยู่ในอากาศ และค่อย ๆ กดตัวลงมา

ทันใดนั้นเกลียวคลื่นระลอกหนึ่งก็ซัดมาจากที่ห่างไกลหลายพันเมตร โจมตีฉู่ชวิ๋น

ร่างของฉู่ชวิ๋นเปล่งประกาย หลบคลื่นลมปราณที่โจมตีเข้ามาแต่คลื่นลมปราณนั้นก็ซัดไปหาพวกลู่เต้าและคนอื่น ๆ ที่ถูกมัดอยู่

คลื่นระลอกที่อีกฝ่ายซัดมาน่ากลัวมาก แผ่นดินและแผ่นฟ้าต่างก็สั่นไหว

ตู้มมมม!

คลื่นลมปราณกระแทกพื้นดินจนระเบิด กลายเป็นหลุมยักษ์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกินสิบเมตร สายตาของผู้คนมองดูหลุมยักษ์นั้นอย่างหวาดกลัว

พวกลู่เต้าและคนอื่น ๆ โดนคลื่นลมปราณทำร้ายจนเลือดตกยางออก บ้างคนถึงกลับกลายเป็นเศษเนื้อ!!

ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา หน้าตาเขาดูน่าเกลียดน่ากลัว เหมือนกับตาแก่คนกินเด็ก ฉู่ชวิ๋นท่าทางขบขัน คนที่เดินเข้ามานั้นคือผู้อาวุโส ร่างกายผอมแห้ง ผมหงอกขึ้นทั้งหัว แต่หน้าตาดูไม่ได้บูดบึ้ง สองตาแฝงด้วยความเยือกเย็น ดูมีกลิ่นอายของจักรพรรดิ

“จอมมารฉู่” ผู้อาวุโสพูดอออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว

“โหยวเทียนอี้จากตระกูลโหยว” ปรมาจารย์คนหนึ่งกล่าวเสียงสั่น

“โหยวเทียนอี้!” ผู้คนส่งเสียงออกมาพร้อม ๆ กัน โหยวเทียนอี้ ผู้อาวุโสตระกูลโหยวว่ากันว่า เขาเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับสอง ตอนนี้เขาน่าจะใกล้ทะลวงเข้าระดับสามแล้ว สุดท้ายแล้วเขาก็ปรากฏตัว

สายตาฉู่ชวิ๋นเปร่งประกาย เขามองไปที่ผู้อาวุโสแล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมพูดออกมาว่า

“ไม่รู้จักว่ะ!!”

ผู้คนต่างอึ้งตะลึง ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังมาก แม้แต่คนหูหนวกก็ยังได้ยิน ฉู่ชวิ๋นตั้งใจแกล้งไม่สนใจอีกฝ่าย มันบ้าเกินไปแล้ว

ทุกคนต่างก็คิดว่า โหยวเทียนอี้จะต้องโกรธจัด ใครจะไปคิดว่าโหยวเทียนอี้ จะยิ้มออกมาบนไม่มีความโกรธอยู่เลยวิทยายุทธเปลี่ยนแปลงสีหน้าแบบนี้ ไม่ใช่อะไรทั่วไปจริง ๆ

“จอมมารฉู่ นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่อง เจ้าเล่ห์ เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ” ฉู่ชวิ๋นเงียบไปไม่พูดอะไรออกมา เขาไม่มีข้อถกเถียง เพราะโหยวเทียนอี้พูดไปก็ไม่ผิดอะไร ในวงการของจอมยุทธ์มีแต่ชื่อเสียงด้านลบของเขา

“จอมมารฉู่ เพียงกระดิกนิ้วก็ทำให้โลกเปลี่ยนแปลง ผู้ครอบครองทักษะยุทธ์โบราณให้หวนคืนสู่ยุทธจักร ไม่มีใครกล้าขังขวางจอมมารฉู่ แต่ตอนนี้กลับทำตัวเป็นคนดีปกป้องคนทั่วไป แล้วไง ? คนทั่วไปก็แค่เศษขยะไร้ค่า ถูกกำหนดให้ต้องหายไปจากโลกใบนี้ ทำไมเจ้าถึงเป็นศัตรูกับผู้แข็งแกร่งเพื่อปกป้องขยะแบบนี้ ?” โหยวเทียนอี้กล่าวเหมือนเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลง มองอีกฝ่ายด้วยความเยือกเย็น

“จอมมารฉู่ ตระกูลโหยวของข้าทำให้เมืองกู่เจียงก้าวหน้า พวกเราปกป้องประชาชนมาตลอด แต่เมืองกู่เจียงมันกว้างใหญ่ พวกจอมยุทธ์ทั้งหลายก็มีมากมาย บางทีมันก็เกิดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นได้ มันก็เข้าใจได้ไม่ยากนะ เจ้าว่าอย่างไร ?”

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมา เขาหัวเราะอยู่นานก่อนจะกล่าวว่า “ฉันเองก็มีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะบอกให้แกรู้หนึ่งในคนที่แกเพิ่งจะฆ่าไปมีโหยวจงเจี๋ยอยู่ เขาเกี่ยวข้องอะไรกับแกไหม ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของโหยวเทียนอี้เปลี่ยนไป กลายมาเป็นสีหน้าที่เหมือนกับคนเพิ่งจะฆ่าเด็กไปใช่แล้ว โหยวจงเจี๋ยคือหลานชายของเขาเอง

“ฉู่ชวิ๋น!!!” เขากัดฟันแน่น

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะ “แกบอกเองว่าปกติแล้วปกป้องชาวเมืองกู่เจียงมาตลอด ตอนนี้แกลงมือฆ่าโหยวจงเจี๋ยที่เพิ่งจะทำร้ายเด็กน้อยไม่ต่างจากสัตว์ร้าย จนกลายเป็นเศษเนื้อสมแล้ว ๆ ยอมลงมือฆ่าลูกฆ่าหลานเพื่อปกป้องชาวเมืองน่ายกย่อง ๆ”

หน้าแก่ ๆ ของโหยวเทียนอี้ทั้งม่วงทั้งฟ้าเปลี่ยนไปมาหลายสี ดูตลกแบบแปลก ๆ

เขาออกโรงอย่างโอ่อ่า แข็งแกร่ง น่าเกรงขาม แค่ยกฝ่ามือขึ้นฟ้าก็ทำให้ ฉู่ชวิ๋นต้องถอยตัวหลบ ฆ่ามดตัวเล็ก ๆ บนพื้นไปหลายตัว ทำให้เขาชอบใจไม่น้อย แต่ตอนนี้……หน้าของเขาร้อนผ่าว ฝ่ามือนั้นฆ่าหลายชายของตัวเอง!

“โหยวอีซาน ไอ้ลูกทรพี!” โหยวเทียนอี้โมโหจนตะโกนออกมา

โหยวอีซานที่นอนอยู่ในหลุมกระอักเลือดออกมา เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขา ? โหยวจงเจี๋ยตายแล้ว คนที่ฆ่าก็คือพ่อของเขาที่ลงมือฆ่าด้วยตัวเอง พ่อเขาเป็นบ้าไปแล้ว

“ฉู่ชวิ๋น แกตั้งใจใช่ไหม ?” ดวงตาของโหยวเทียนอี้ลุกเป็นไฟ เดิมทีเขาคิดว่าฝ่ามือของเขา ที่ทำให้ฉู่ชวิ๋นต้องหลบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะถูกหลอก

ฉู่ชวิ๋นพูดแหย่ “สติปัญญาของคนแก่ก็ถือว่าไม่ธรรมดา คงเดาออกละนะ”

“ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้น ๆ!” โหยวเทียนอี้ อยากจะฉีกฉู่ชวิ๋นแล้วกินสด ๆ

ฉู่ชวิ๋นยิ้ม “เจ็บใจเหรอ ? เมื่อกี้คนธรรมดาบาดเจ็บล้มตายไปหลายสิบ แล้วคนที่เขารักล่ะพวกเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน ?”

“พวกมดปลวกจะตายก็ตายไป เอามาเปรียบเทียบกับคนในตระกูลโหยวของข้าได้ยังไง !?” แววตาของฉู่ชวิ๋นเยือกเย็น แล้วกล่าวออกมา

“ฉันเตือนแล้วแกไม่คิดจะฟังอะไรเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็จะลบตระกูลโหยวออกจากเมืองกู่เจียงล่ะนะ”

“ไอ้คนจองหอง! ฉู่ชวิ๋น ถึงคนอื่นจะกลัวแก แต่ข้าไม่กลัว!”

“ไร้สาระ” ฉู่ชวิ๋นตอบด้วยความเย็นชา พูดยังไม่สุดเสียง ทั้งสองก็ลงมือ ฉู่ชวิ๋นผายมือข้างหนึ่งออกมา แล้วชี้ไปที่อากาศ

ชวับ!

นกฟินิกซ์ที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองคำรามก้องฟ้า นกฟินิกซ์ขนาดใหญ่สิบกว่าเมตรปกคลุมท้องฟ้าแล้วส่งไอร้อนออกมา สายตาที่เย็นชาของมันมองกวาดไปหาทุกคน มันปีกสยายออก ไฟสีม่วงก็พุ่งขึ้นไปในฟ้า ท้องฟ้าแทบจะละลาย มันดูน่าหวาดกลัวมาก ฟินิกซ์ระบำเก้ากาล โลดแล่นมุ่งเป้าลงมายังพื้น

โหยวเทียนอี้ประสานมือทั้งสองมันไม่ใช่ตราประทับใด แต่เป็นทักษะยุทธ์

“คลื่นลมปราณบดขยี้”

เขารวบสองมือเข้าด้วยกัน  พลังลมปราณภายในตัวน่ากลัวจนถึงขีดสุด ระลอกคลื่นเดือดพล่านราวกับคลื่นที่ม้วนตัวอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นสึนามิซัดเข้าชายฝั่ง เกิดเป็นเสียงระเบิดดังลั่นเข้าปะทะกับไฟบรรลัยกัลป์!