บทที่ 231 เตือนแล้วนะ![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 231 เตือนแล้วนะ![รีไรท์]

ผ่านไปชั่วโมงเดียว เมืองกู่เจียงทั้งเมือง ต่างก็เต็มไปด้วยความโกลาหล ในตอนนี้ พวกเขาต่างตื่นกลัวจากคำเตือน

ภายในหนึ่งชั่วโมง เหล่าอสูรร้ายนับร้อยก็โดนตัดหัว และนอกจากนี้เหล่าจอมยุทธ์บางส่วนก็โดนตัดหัวไปด้วย และที่สำคัญคือคนบาดเจ็บล้มตายมีนับไม่ถ้วน พวกเขาไม่รู้เลยว่าใครลงมือ

พวกเขาเริ่มตื่นตระหนก ใครกันที่เป็นคนแจ้งเตือน ? ที่น่ารำคาญที่สุดคือตระกูลโหยวแห่งเมืองกู่เจียง หลังจากที่โลกเปลี่ยนไป พวกเขาก็รุ่งโรจน์ขึ้นมาทันตา ควบคุมเมืองกู่เจียงได้ สิบกว่าปี เริ่มสร้างมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีใครกล้ามาตั้งถิ่นฐาน

“มาช่วยฉันดูที ใครมันเข้ามาจุ้นจ้าน !?” โหยวอีซาน ผู้นำตระกูลโหยวตะคอกออกมาด้วยความโมโห

ผู้อาวุโสตระกูลโหยวทุกคนหน้าตาไม่น่าดูเท่าใดนัก

ในขณะเดียวกัน ศิษย์คนหนึ่งของตระกูลโหยว ก็วิ่งเข้ามาด้วยความทุลักทุเล พูดด้วยความตระหนก

“ผู้อาวุโสครับ นายน้อยจงเจี๋ยเกิดเรื่องแล้วครับ”

เรื่องเก่าไปเรื่องใหม่ก็มา แรงกดดันปล่อยออกมาจากตัวขอโหยวอีซาน ทำให้อากาศเยือกแข็ง โหยวอีซานหน้าหม่นหมอง แววตาแฝงด้วยความดุดัน

“ว่ามา เจ้าเด็กผีนั้นเป็นยังไง ?”

“คุณจงเจี๋ยโดนคนทำร้ายร่างกาย เห็นว่าโดนอัดจนเละเลยแหละครับ” ศิษย์คนนี้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งยังพูดถึงเบื้องลึกเบื้องหลังเท่าที่ตัวเองรู้มา พอฟังจบ หน้าของโหยวอีซานก็ดูหม่นหมองกว่าเดิม

โหยวจงเจี๋ยคือลูกชายคนเล็กสุดของเขา แล้วยังเป็นลูกที่ไร้ประโยชน์ที่สุดด้วย เขามีลูกหลานมากมาย แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นไอ้ขยะนี่ในสายตา เกิดเป็นลูกสาวก็คงจะเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีหรอก เพราะมันไม่ทำห่าอะไรเลย!!

โหยวจงเจี๋ยโดนคนทั้งบ้านดูถูกดูแคลน เขาที่เป็นพ่อก็อดสงสารไม่ได้ เขาก็เลยอยากจะช่วยให้โหยวจงเจี๋ยมีตัวตนในบ้านบ้าง เผื่ออนาคตจะได้ใช้ชีวิตแบบสุลต่าน[11] เพราะงั้นเขาจึงดั้นด้นไปประมูลอัญมณีลึกลับแล้วมอบให้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา

“ไอ้เด็กไร้ค่านี้ หาเรื่องให้ตลอดขยะของตระกูลจริง ๆ” โหยวอีซานด่าออกมายกใหญ่ เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็ทำให้วุ่นวายไปได้ โดนสัตว์ทำร้าย มีสมองไว้คั่นหูจริง ๆ

แต่ไม่ว่าจะพูดอะไรไป โหยวจงเจี๋ยก็ถือเป็นลูกของผู้หญิงที่เขารักที่สุด เขาทนนั่งดูลูกชายในเกิดเรื่องไม่ได้อยู่ดี ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลโหยวส่ายหัวไปมา ดูออกชัดเจนเลยว่า พวกเขามองโหยวจงเจี๋ยในแง่ลบมาก ๆ

“ใครอาสาออกไปหน่อยสิ ไปลากจงเจี๋ยกลับมาบ้านที” โหยวอีซานกล่าว ไม่มีใครตอบ ชัดเจนว่าไม่มีใครอยากจะเข้าไปช่วยเจ้าขยะนี้

สีหน้าโหยวอีซานดูหม่นหมองหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อแห่งความเดือดดาล แต่แล้วก็มีจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปดยืนขึ้นตอบ “ฉันไปเอง”

โหยวอีซานข่มความโกรธเอาไว้แล้วกล่าวว่า “รบกวนผู้อาวุโสเฟ่ยแล้ว”

ผู้อาวุโสเฟ่ยผงกหัว จากนั้นหันตัวเดินจากไป แต่แล้วก็มีศิษย์คนหนึ่งวิ่งเข้ามา

“ท่านครับ หน้าประตูมีจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ พวกเขาต้องการคำอธิบายครับ” โหยวอีซานได้ยินเข้าก็เก็บความโมโหไม่อยู่ปรี๊ดแตกออกมา ปัดเหยือกน้ำชาหงข้าง ๆ ทิ้ง

“จะเข้ามาคุยกับคนตระกูลโหยว พวกมันไม่อยากมีชีวิตแล้วรึ ?”

“พวกเขาว่า สัตว์เลี้ยงของเขาโดนคนฆ่าที่เมืองกู่เจียง เมืองกู่เจียงเองก็เป็นเขตปกครองของพวกเราตระกูลโหยว พวกเขาต้องการคำอธิบาย” ศิษย์พูดไปตัวสั่นไป

“ให้พวกเขาไสหัวไป” โหยวอี้ชานพูดด้วยความโกรธ

“คุณท่านอย่าโมโหไป ที่เขาพูดก็ถูก เมืองกู่เจียงเป็นของตระกูลโหยวจริง ๆ หากพวกเราไล่เขาไป พวกเขาก็จะเข้าใจว่า คนตระกูลโหยวไร้น้ำยา มันจะส่งผลเสียกับชื่อเสียงของตระกูลโหยวเอาได้”

“ท่านครับ ไอ้คนนี้มันอวดดีมาก ตัดหัวพวกสัตว์และจอมยุทธ์มากมาย มันทำในถิ่นของตระกูลโหยว ไม่เหลือความน่าเกรงกลัวอะไรแล้ว”

“คนคนนี้ช่างจองหอง ในเมื่อเป็นถิ่นของตระกูลโหยวก็ต้องฆ่าทิ้ง มันไม่จบแค่จับตัวมาลงโทษเฉย ๆ หรอกนะ”

“ใช่ ไปจับมันมาฆ่าซะ สั่งสอนมันหน่อย ไม่งั้นในภายภาคหน้า คนมันจะมาฉี่รดหน้าบ้านเอาได้” ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็พูดออกมา โหยวอี้ชานขมวดคิ้ว มองตาถมึงทึง

“ท่านครับ ดู ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องเข้าไปยุ่มย่ามหรอก แค่ไปหาตัวคนก่อเรื่องแล้วเอามากุดหัวก็พอ นอกจากนี้

จะเป็นการอธิบายให้พวกจอมยุทธ์เข้าใจ ยังเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เอาให้มันหลาบจำไปเลย” ผู้อาวุโสที่หนึ่งกล่าว

โหยวอีซานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็พยักหน้ารับ

“ถ้าอย่างนั้น ออกคำสั่งให้เดินหน้าเต็มกำลังเพื่อไปล่าตัวมันมา หากเจอตัวให้รีบรายงานทันที”

“แล้วก็พาฉันไปหาพวกจอมยุทธ์ที”

โหยวอีซานนำทัพเหล่าผู้อาวุโสออกประตูไป ในเวลานั้นนอกประตูของบ้านตระกูลโหยวเห็นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ

“ผู้นำตระกูลโหยวออกมาแล้ว” มีคนตะโกนออกมา

“ผู้นำตระกูลโหยว สิงโตมูลค่านับพันล้านของฉันถูกตัดหัว ผู้นำต้องมาจัดการให้ฉัน”

“ม้ามังกรของฉันก็แพงมากเหมือนกันนะ”

“เมืองกู่เจียงถือเป็นดินแดนของตระกูลโหยว หากสัตว์เลี้ยงของพวกเราโดนฆ่า พวกคุณจะต้องออกมารับผิดชอบ”

สัตว์เลี้ยงทุกตัวราคาแพงมหาศาล พวกมันฉลาดและดุร้ายมาก การจะจับตัวถือว่ายากมาก ๆ ยิ่งตัวที่มีความโดดเด่นก็จับยากขึ้นไปอีก เพราะงั้น สัตว์ทุกตัวจึงมีมูลค่ามันเท่ากับเมืองทั้งเมือง

สีหน้าของโหยวอีซานไม่สู้ดีนัก ปกติแล้วคนเหล่านี้ ก็จะกระจายตัวกันอยู่ในเมืองกู่เจียง ใช้ชีวิตธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ต้องมารวมตัวกันถึงจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเมืองกู่เจียงก็มีจอมยุทธ์อยู่มาก

ประมาณการคร่าว ๆ ได้ว่าคนเหล่านี้มีประมาณสองร้อยถึงสามร้อยคน ซึ่งเป็นกลุ่มพลังที่ดูแข็งแกร่งพอตัว คนส่วนใหญ่มาจากตระกูลจอมยุทธ์โบราณ ซึ่งตระกูลโหยวต้องคอยระวังการกระทำเอาไว้ไม่งั้นจะเป็นเรื่องใหญ่

โหยวอีซานต้องคอยควบคุมโทสะในใจ ยกมือขึ้นลงเพื่อกดความรู้สึกไว้

“ทุกท่านโปรดฟังทางนี้” เสียงเขาถูกกระตุ้นออกมาด้วยลมปราณ เสียงเลยดังออกมากลบเสียงคุยของคนหลายร้อยคนจึงเงียบไป

โหยวอีซานกล่าว “ทุกท่านที่อยู่หน้าบ้านฉันตอนนี้ บางคนอาจจะไม่ทราบเรื่อง มีคนนอกเข้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ เพราะฉะนั้นทุกท่านในที่นี้โปรดวางใจ ฉันได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แค่ต้องหาคนคนนั้นให้เจอ แล้วฉันจะกุดหัวมันด้วยตัวเอง ฉันสัญญาว่าจะให้คำอธิบายแก่ทุกท่าน” โหยวอีซานเพิ่งพูดไปได้เล็กน้อย ก็มีศิษย์วิ่งหอบมา

“ท่านครับ ท่านผู้อาวุโสเฟ่ยต้องการความช่วยเหลือ เขาหมดหนทางช่วยจงเจี๋ยแล้วครับ” โหยวอีซานและเหล่าผู้อาวุโสตระกูลโหยวก็ส่งสีหน้าตะลึงไปพร้อมกัน

“นำทางไป” โหยวอีซานกล่าว

ผู้อาวุโสเฟ่ยเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปด แต่ก็ยังไม่มีหนทางจะช่วยเหลือโหยวจงเจี๋ยกลับมา หรือว่าฝ่ายตรงข้ามมีพลังสูงเกินไป โหยวอีซานตัดสินใจปุบปับว่า ตัวเองจะเข้าไปช่วยเอง

โหยวอีซาน เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลโหยว แล้วยังมีจอมยุทธ์อีกสองร้อยถึงสามร้อยคน กลุ่มคนที่ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรนี้เดินรุดหน้าไปยังที่เกิดเหตุ

พอได้เห็นพวกเขาเหล่านั้น คนทั่วไปก็ต้องรีบหาที่ซ่อนตัวที่ห่างออก ๆ ไปจากกลุ่มจอมยุทธ์ที่กำลังคลั่ง

“พ่อ ช่วยด้วย” เมื่อเห็นโหยวอีซาน โหยวจงเจี๋ยก็ร้องไห้ออกมาดังลั่น

ผู้คนต่างส่ายหัวให้ ความขยะนี้นี่มันอะไรกัน เขาเป็นแค่เด็กเปรตที่ชอบไปไล่รังแกคนอื่น เป็นความอัปยศของตระกูลโหยวชัด ๆ

สีหน้าของโหยวอีซานดูไม่ได้เอามาก ๆ เขาปล่อยฝ่ามือออกไปกลางอากาศ ฝ่ามือของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ดูน่ากลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ฝ่ามือแห่งสายลมนี้พัดกรรโชกอย่างแรง ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมามุ่งเข้าไปโจมตีทำให้ผู้คนตกใจตาค้างปากอ้ากันเป็นแถบ ฝ่ามือแห่งสายลมของโหยวอีซานเป็นเหมือนม่านบังแสงอาทิตย์ พุ่งเข้าไปหาหร่วนหยางที่อยู่ข้าง ๆ โหยวจงเจี๋ย

ตู้มมมม!

ด้วยพลังฝ่ามือของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ จอมยุทธ์อย่างหร่วนหยางไม่อาจป้องกันเอาไว้ได้ เขาตัวระเบิดกลายเป็นกลุ่มหมอกเลือด โดยไม่อาจต่อต้าน

เลือดสาดกระเซ็น กระเด็นไปโดนตัวลู่เต้า ชิวเซียน และคนอื่น ๆ เต็มหน้า โหยวจงเจี๋ยสภาพแย่กว่าเดิม ร้องไห้งอแงออกมา แหกปากร้องไม่หยุด ตัวของโหยวอีซานก็แข็งทื่อ

“ท่านครับ นี่มันแปลกไป หยุดโจมตีก่อน” แขนขวาของผู้อาวุโสเฟ่ยไม่มีแรงจะยกอะไร ปากกระอักออกมา ในใจก็กนด่าว่า ‘โง่ โง่จริง ๆ ไอ้โหยวอีซานบัดซบ ดูรอบข้างแล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง!’

ก่อนหน้านี้เขารีบเข้ามาและยกมือขึ้นเพื่อฝ่าเข้าไปช่วย โหยวจงเจี๋ย ผลคือพลังฝ่ามือของเขามันเด้งกลับมาซัดเข้าหัวใจตัวเอง จนหักแขนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในเดิมทีเขาอยากจะเตือนโหยวอีซาน แต่มันดันมาไม่ทันซะแล้ว

โหยวอีซานรู้สึกฉุนเฉียว จ้องมองไปยังผู้อาวุโสเฟ่ย พูดเอาตอนนี้ก็ไม่ต่างจากลมตด แม้คนโง่ก็ยังสังเกตเห็นความแปลกประหลาดนี้ได้

“เขาคือใคร ?” เขาอยากจะรู้ว่าคนที่ตายไปคือใคร

“เขาคือคนของประตูเทียนเหลย” จิตในใจลู่เต้ากล้า ๆ กลัว ๆ เพราะเมื่อกี้หร่วนหยางเองก็อยู่ข้างเขา ก่อนที่จะตัวระเบิดเป็นฝนเลือด

พอได้ยินเทียนเหลยเหมินสามคำนี้ หน้าตาของโหยวอีซานก็เปลี่ยนไป สมองแปรปรวนไปหมด

เทียนเหลยเหมินถือเป็นกองกำลังเล็ก ๆ แต่เพราะได้รับโอกาสจากสวรรค์ไปเจอกับซากโบราณสถาน ทำให้ได้รับพลังเรียกสายฟ้าออกมาจากแค่อยู่ท้ายแถวเลยผงาดขึ้นมาเป็นหัวแถวได้

พลังสายฟ้าน่ากลัวหาที่เปรียบมิได้ เขาเคยเห็นกับตามาก่อน เป็นสายฟ้าที่ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้ง แต่สามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้อย่างง่ายดาย โหยวอีซานคิดหนักจนหัวแทบจะระเบิด

“อีกฝ่ายมันคือใครกันแน่ !? โผล่หัวออกมาซะดี ๆ!!” เขาตะคอกออกมา เสียงน่ากลัวเหมือนสายฟ้าฟาด

ทุกคนจากทั้งสี่ทิศมองรอบ จะมีคนออกมาไหม ?

ฟู่ว!

รอยหมัดประทับสีม่วงพุ่งแหวกอากาศออกมา มุ่งไปหาโหยวอีซาน

โหยวอีซานรู้สึกโมโห อะดรีนารีนพุ่งพล่าน ยกมือขึ้นมากำหมัดไว้ ต่อยไปกลางอากาศกลายเป็นหมัดลอยฟ้าและหมัดทั้งสองก็ปะทะกันกลางท้องฟ้า

ตู้ม!

เกิดระเบิดที่น่ากลัวจนทำให้ผู้คนหูดับ ระเบิดที่มองไม่เห็นก่อตัวเป็นพายุแล้วกวาดพื้นที่โดยรอบ ต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้า ทั้งสี่ทิศโดนแรงลมระเบิดตัดขาดจนทำให้ผู้คนตกใจกลัว พอเกิดการปะทะกันทุกคนก็หันขวับไปมอง

พวกเขาเห็นว่าท่ามกลางฝูงชนที่ไกลออกไปนับร้อยเมตรนั้น มีเงาหนึ่งโผล่ขึ้นมา

“แกคือใคร ?” โหยวอีซานพูด

สักพักเขาแทรกตัวออกมาจากฝูงชน เขาคนนั้นก็คือคนที่ลงมือ

“ฉู่ชวิ๋น”

เพียงคำเดียวก็เหมือนกับปลุกคลื่นนับพันให้ซัดเข้ามา หลังจากช่วงเวลานั้นผ่านไป ฝูงชนมากมายต่างก็ส่งเสียงโห่ร้อง เขาก็คือผู้ที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้ เกรงตอนนี้จะไม่มีใครที่ไม่รู้จักฉู่ชวิ๋น!!

เพียงหวนคืนสู่ยุทธจักรก็ตัดหัวจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิไปสามคน ชื่อเสียงเรียงนามแบบนี้ทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัว เรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันมากในฟอรั่มอู่เหมิง

ฉู่ชวิ๋นย้างเท้าเข้าไป คนทั้งหมดรู้ว่า จะเกิดอะไรจึงเดินถอยหลังไปคนละสองก้าว ตอนนี้โหยวอีซานตัวเกร็งไปหมด

ชื่อเสียงของฉู่ชวิ๋นไปในทางที่แย่ คนที่ตัดหัวจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ จอมมารฉู่ อันธพาลฉู่ จอมโหดฉู่ เหล่านี้คือฉายาที่คนตั้งให้กับเขา

ฉู่ชวิ๋นเดินไปก้าวหนึ่ง ทุกคนก็จะต้องเดินถอยหลังไปสองก้าว

คนทั่วไปที่อยู่ตามทางรีบหนีกันไปไกล ๆ มองไปแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ

“ฉู่ชวิ๋น แกต้องการอะไร ?” ฉู่ชวิ๋นหยุดลงมองด้วยสายตาไม่แยแส  “นับจากวันนี้เป็นต้นไป เหล่าสัตว์จะไม่มีทางได้เข้าในเมืองกู่เจียง พวกจอมยุทธ์เองก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายคนทั่วไปก่อนเด็ดขาด”

โหยวอีซานโกรธจัด “แกกล้าดียังไง เมืองกู่เจียงนี้เป็นของตระกูลโหยวของฉัน! แกไม่มีสิทธิ์มาวางอำนาจ!!” จากนั้นฉู่ชวิ๋นจึงขำออกมายกใหญ่ ส่งสายตาเหน็บแนม “ฮ่าฮ่าฮ่า แกว่าไงนะ แผ่นดินจีนทั้งหมดก็คือ ประเทศประเทศหนึ่ง ไม่ใช่ของใครคนเดียวแล้วแกเป็นตัวอะไรกันถึงกล้าพูดว่าเมืองกู่เจียงนี้เป็นของตระกูลโหยว ? หรือเพียงเพราะว่า แกเกิดที่เมืองกู่เจียง แกนั้นแหละกำลังวางอำนาจใส่ฉันคนนี้ ?”

“ฉู่ชวิ๋น แกอย่าพูดอะไรไม่เกรงใจคนอื่น ตระกูลโหยวทนกับคำเหยียดหยามของแกไม่ได้หรอกนะ” โหยวอีซานเกรี้ยวกราดออกมา ฉู่ชวิ๋นนิ่งไป มองด้วยสายตาเอื่อย ๆ กวาดตัวผู้คนออกไป

“ที่ฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้หวังว่าทุกคนจะจำให้ขึ้นใจ ห้ามลืมเด็ดขาด หากมีเหล่าสัตว์อสูรเข้ามาในเมืองกู่เจียง ก็อย่ามาโทษฉันที่จะฆ่าทั้งคนทั้งสัตว์ก็แล้วกัน!!” คนทั้งหมดเงียบสงัดไป ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

จอมมารฉู่ เขาฆ่าศัตรูทุกคนด้วยความเลือดเย็น แม้จะเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ก็โดนเขาฆ่าตายเป็นผักเป็นปลา ใครที่ไหนบ้างจะไม่กลัว ?

“แล้วก็ หากมีใครหน้าไหนที่กล้าทำร้ายคนธรรมดา ฉันก็จะไม่ไว้ชีวิตมัน” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นนั้นเฉยเมย แต่พอไปถึงหูของเหล่าจอมยุทธ์เข้า มันก็ไม่ต่างจากสายฟ้าที่ฟาดมาเก้าวันเก้าคืน สั่นสะเทือนแล้วทำให้ผู้คนมึนหัว ถึงขั้นหูแตกเลือดออกเลยทีเดียว

“ฉู่ชวิ๋น แกกำลังกลั้นแกล้งผู้คนอยู่นะ” โหยวอีซานเกรี้ยวกราดสุด ๆ

สายตาฉู่ชวิ๋นเอื่อย ๆ เพ่งตรงไปยังโหยวอีซานิ “ตระกูลโหยว นี่รวมถึงพวกแกด้วย ถ้าแกกล้าลองดี ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ฉันนี่แหละที่จะล้างบางพวกแกให้หายไปจากเมืองกู่เจียง”

เมื่อพวกเทพพวกเซียนต่อสู้กัน ทุกข์ยากก็ตกอยู่กับผู้คนธรรมดา พอเห็นคนไม่รู้เรื่องอะไรต้องมาทนทุกข์ทรมานเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง เจ็บตายไปหลายสิบ ฉู่ชวิ๋นจึงโมโหเดือดดาลปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่รู้ตัว