ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 35
องค์จักรพรรดิเหลียงถูกย้ายไปที่วังฉางเชิง เมื่อเขาถูกย้ายไปที่นั่น ฮองเฮาก็รีบให้จื่ออานตามไปที่นั่นทันที
เธอจ้องไปที่จื่ออานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และพูดอย่างเฉียบขาดว่า “เหล่าขุนนางไม่รู้ถึงความคิดและแผนการของเจ้าว่าเป็นอย่างไร ทั้งการพูดโน้มน้าวท่านอ๋อง ทำให้ท่านอ๋องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ได้อย่างไร เหล่าขุนนางล้วนแต่ไม่เห็นด้วย แต่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว เหล่าขุนนางจึงร่วมมือด้วย ถ้าที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับองค์จักรพรรดิเหลียง เหล่าขุนนางทั้งหมดจะตัดหัวของเจ้าเสีย”
จื่ออานไม่ได้คาดหวังให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ใช้อำนาจในการสั่งการเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีอำนาจมากกว่าฮองเฮา และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี
เรื่องนี้ต้องระมัดระวังและละเอียดรอบคอบอย่างมาก มิฉะนั้นจะสามารถรักษาหัวนี้ไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้และอาจจะมีเรื่องอื่น ๆ อีก
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮองเฮาและพูดว่า “ทูลฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันไม่มีความคิดหรือเจตนาที่เห็นแก่ตัวใด ๆ เลยเพคะ จากหัวใจของผู้รักษา บนแผ่นดินที่อยู่เย็นเป็นสุขเช่นนี้ ไม่อาจพูดได้ว่าตอนนี้หม่อมฉันจะได้รักษาองค์จักรพรรดิเหลียงผู้สูงศักดิ์เพคะ หม่อมฉันได้ศึกษาอาการของโรค และวางแผนการรักษาที่มีผลดีต่อผู้ป่วยแล้วเพคะ ซึ่งหม่อมฉันจึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับภัยอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพคะ ขอให้ท่านฮองเอาโปรดวางพระทัยต่อหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทำการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงอย่างสุดกำลังจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ทุกอย่างมาเพคะ”
ฮองเฮาจ้องไปที่จื่ออานอยู่นานก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “บรรดาหมอหลวงและเหล่าขุนนางพูดกับข้าว่า ตอนนี้สภาพขององค์จักรพรรดิเหลียงไม่เหมาะที่จะเคลื่อนย้าย และยังไม่เหมาะที่จะให้โดนลมในพื้นที่กว้างโล่งเช่นนี้ แต่เจ้ายืนหยัดความคิดของเจ้า อีกทั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ยังแสดงออกให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ และยังสนับสนุนเจ้า การตัดสินใจของเขาทำให้เหล่าขุนนางไม่อาจคัดค้านได้ และจากความประสงค์ขององค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้ เขามีอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่างในวังแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าได้คิดไตร่ตรองลำดับความสำคัญไว้แล้ว ถ้าเจ้ามีเจตนาที่เห็นแก่ตัวเลือกเข้าใกล้ชิดผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อกระทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อองค์จักรพรรดิเหลียง เหล่าขุนนางทุกคนจะทำให้หัวของเจ้าต้องหลุดออกจากบ่าอย่างไม่เสียดายเป็นแน่”
คำพูดสุดท้ายของฮองเฮาทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที จื่ออานรู้ว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญให้เธอสามารถเคลื่อนย้ายองค์จักรพรรดิเหลียงไปที่วังฉางเชิงได้ เดิมทีเธอรู้สึกไม่ไว้วางใจผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ตอนนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สามารถใช้อำนาจบงการอย่างเด็ดขาดเพียงผู้เดียว สิ่งนั้นจะไม่ทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงได้อย่างไรกัน?
ดังนั้นในตอนนี้ เธอจึงรู้สึกว่าเขาเต็มไปด้วยความน่าสงสัย และไม่สามารถวางใจได้ว่าเขาอาจจะมีเจตนาที่ไม่ดีซ่อนอยู่
จื่ออานรู้ดีว่าต่อให้เธอจะรับประกันเรื่องนี้แค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เธอจึงพูดได้แค่ว่า “หม่อมฉันเข้าใจรับสั่งของพระองค์ เพคะ”
ฮองเฮามองดูใบหน้าที่เปื้อนคราบเลือดของเธอ และพูดขึ้นอย่างหมดความอดทนว่า “ถือโอกาสในขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายองค์จักรพรรดิเหลียง ข้าจะสั่งให้นางข้าหลวงพาเจ้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เสร็จแล้วเจ้าค่อยตามไปที่นั่น”
“ขอบพระทัยเพคะ ฮองเฮา!” จื่ออ่านกล่าวขอบคุณท่านฮองเฮาอย่างสุดซึ้ง
นางข้าหลวงหยางพาเธอไปที่อื่น เพราะเธอไม่สามารถอาบน้ำที่วังของฮองเฮาได้ จึงพาเธอไปยังที่พักของนางข้าหลวงหยางที่มีห้องน้ำเพียงหนึ่งห้อง และมีนางข้าหลวงคนอื่น ๆ ร่วมใช้ด้วย
จื่ออานจุ่มหัวของเธอลงไปในน้ำ อุณหภูมิของน้ำค่อนข้างร้อนทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่บาดแผลเล็กน้อย ความรู้สึกสะอาดที่ร่างกายของเธอ และความเหนียวบนร่างกายค่อย ๆ หายไป นั่นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
เธอทำการฝังเข็มให้ตัวเองสองครั้ง และปลดปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง
นางข้าหลวงหยางนำเสื้อผ้ามาให้เธอ มันเป็นเสื้อผ้าเก่าที่นางสนมใส่เมื่อเข้าวัง จื่ออานค่อนข้างจะผอม เมื่อสวมใส่ก็ปรากฎให้เห็นเอวบางและรูปร่างที่น่าทะนุถนอมยิ่งนัก หลังจากที่คราบเลือดบนใบหน้าถูกชะล้างออกไป ก็เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่งดงาม ใบหน้าของเธอดูซีดเซียว นางข้าหลวงหยางจึงแต่งหน้าให้เธอเพื่อปกปิดใบหน้าที่ซีดและริมฝีปากแห้งนั้น ซึ่งทำให้เธอดูเปลี่ยนไปอย่างมาก
นางข้าหลวงอย่างอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “ช่างเป็นสาวงามที่เข้ามาในวังถึงสองครั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสกปรกยิ่งนัก ครอบครัวของกุลสตรีเช่นเจ้าจะว่าอย่างไร…เฮ้อ”
เธอถอนหายใจครั้งสุดท้าย เธอเป็นคนที่รู้กาลเทศะอย่างเห็นได้ชัด เธอรู้ว่าเธอไม่ควรบุ่มบ่ามพูดคุยเกี่ยวกับครอบครัวของเสนาบดี แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้
เมื่อจื่ออานได้ยินเธอพูด ก็สัมผัสได้ถึงความรักทะนุถนอมของนางข้าหลวง เธอจึงยิ้มรับและพูดว่า “ข้าไม่เป็นไร แค่แม่นมรักและทะนุถนอมข้า ข้าก็รู้สึกมีความสุขแล้ว”
นางข้าหลวงชำเลืองมองจื่ออานในกระจกทองสัมฤทธิ์และพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือไม่ก็ไร้ประโยชน์ แต่การได้รับความรักจากฮองเฮานั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่า และการที่จะได้รับความรักจากฮองเฮานั้น คุณหนูจะต้องรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงให้ได้ สิ่งที่หมอหลวงทำไม่ได้ คุณหนูสามารถทำได้ใช่หรือไม่?”
นางข้าหลวงไม่ได้ถามด้วยน้ำเสียงติเตียนแต่อย่างใด เธอเพียงแค่สอบถามเท่านั้น เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเซี่ยจื่ออานจะสามารถรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงได้
จื่ออานตอบอย่างแผ่วเบาว่า “แม่นมไม่ต้องกังวลใจไป ข้าจะทำการรักษาอย่างสุดความสามารถ”