ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 36

แม่นมกล่าวเสียงค่อย “อยู่ในวังแห่งนี้ พยายามอย่างดีที่สุดก็ไร้ประโยชน์ พัฒนาตนเองแล้วก็ไร้ประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลลัพธ์ หากผลที่ได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าเจ้าจะขยันพัฒนาตนเองมากเพียงใดก็ไม่มีใครสนใจเจ้าอยู่ดี”

จื่ออันกล่าวอย่างแผ่วเบา “ขอบคุณแม่นมที่ชี้แนะ”

แม่นมยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่พอจะพูด ก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้ บางเรื่องยังพูดในตอนนี้ไม่ได้

จื่ออานที่เห็นท่าทางของแม่นมหยางผ่านทางกระจก ในใจนางรู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วทุกคนไม่มั่นใจในตัวนาง รวมถึงผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิด้วย เขารู้ว่าหมอหลวงหมดหนทางรักษาแล้ว ก็เลยทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถจะทำได้อย่างสุดกำลัง

จื่ออานไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย นางพยายามทำสมองให้ปลอดโปร่งโล่งที่สุด ถวายการรักษาองค์จักรพรรดิเหลียงด้วยจิตวิญญาณของแพทย์

ต้องทำแบบนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำที่สุด

ผมของนางไม่สามารถเช็ดให้แห้งสนิทได้ ยังคงเปียกอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะเป็นเวลารีบเร่ง แม่นมหยางจึงเกล้าผมเป็นมวยหลวม ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผมอย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่อมาถึงพระตำหนักฉางเชิง นางสูดอากาศเข้าไปในครั้งแรก และเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ จื่ออานรู้ว่าการตัดสินใจของนางนั้นไม่ผิด

ในพระตำหนักฉางเชิงไม่ได้มีนางสนมอาศัยอยู่ เนื่องจากที่นี่อยู่ห่างจากพระตำหนักด้านหน้าค่อนข้างไกล อยู่ในที่ที่ลับตาคน มีลำธารไหลจากฝั่งซ้ายลงสู่ทะเลสาบนอกพระตำหนัก มีต้นหลิวปลูกไว้เป็นแนวอยู่ริมทะเลสาบ ที่ด้านหลังต้นหลิวเป็นต้นไทรทั้งหมด ช่างเป็นป่าไทรที่กว้างใหญ่ มันทอดยาวไปถึงด้านในของพระตำหนักฉางเชิง

องค์จักรพรรดิเหลียงถูกพาตัวมาไว้ในศาลากลางป่าไทร มีเสื่อเย็นแขวนอยู่รอบศาลา เก้าอี้และโต๊ะในศาลาถูกย้ายออกไปแล้วทั้งหมด และนำเตียงยาวมาวางไว้ เพื่อให้องค์จักรพรรดิเหลียงได้นอนบนนั้น

บอนไซที่อยู่นอกศาลาถูกย้ายออกไปจนเกลี้ยง พอมีพื้นที่ว่างก็วางเก้าอี้สองสามตัวไว้ ฮองเฮานั่งอยู่ตรงกลางพร้อมถือถ้วยชาในมือ ท่าทางแลดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

องค์รัชทายาทที่นั่งข้าง ๆ ฮองเฮาสีหน้าดูร้อนใจ พอเห็นจื่ออานเดินเข้ามา เขาก็เงยหน้าขึ้น สายตาของเขาดูประหลาดใจเล็กน้อย เขาเคยเจอเซี่ยจื่ออานมาสองสามครั้ง คราวที่แล้วเจอกันที่จวนมหาเสนาบดี นางดูงามแต่ไม่ถึงกับงามมาก ดูขี้ขลาดไม่ได้เฉลียวฉลาดอะไร กระโดกกระเดก แต่งานอภิเษกสมรสวันนั้น กลับดูเฉียบแหลมยิ่งนัก ทว่าวันนี้ท่วงท่าที่เดินเข้ามาก็ดูเป็นธรรมชาติ ท่าทางสุขุม แต่งหน้าอ่อน ๆ ดูแล้วค่อนข้างจะงามกว่าหว่านเอ๋อเสียอีก

ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิที่กำลังกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาเรื่องงานที่สั่งให้ไปทำ ก็มองเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ จึงเงยหน้าขึ้นไปดู เห็นจื่ออานที่แต่งหน้ามา เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะสวยเป็นพิเศษอะไร เพียงเหลือบไปมองเบา ๆ และออกคำสั่งต่อไป

หยวนพ่านและหมอหลวงสองสามคนยืนอยู่ด้านข้างนั้นไม่มีหมอหลวงหลิวอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าจะถูกคนส่งตัวออกไปแล้ว

จื่ออานก้าวไปข้างหน้า เพื่อเข้าพบกับฮองเฮาและองค์รัชทายาท ฮองเฮาชำเลืองมองนาง “ตอนนี้จะทำอะไรอีก?”

จื่ออานกล่าว: “ฮองเฮาเพคะ ตอนนี้ต้องตรึงพระศอของฝ่าบาทก่อน เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม พระองค์จะฟื้นขึ้นมา ดังนั้นต้องตรึงพระศอให้ดีเสียก่อน ระวังไม่ให้พระองค์เคลื่อนไหวจนได้รับบาดเจ็บอีกนะเพคะ”

“เจ้าไปจัดการสิ ต้องการสิ่งใด บอกข้ามาก็พอ!” ฮองเฮาดูไม่เฉียบขาดเหมือนเมื่อก่อน พอคิดไตร่ตรองดูแล้ว รู้สึกว่าคนที่นางสามารถพึ่งพาได้ในตอนนี้ มีเพียงจื่ออานเท่านั้น

ในการตรึงคอต้องใช้ผ้าพันแผลและแผ่นไม้กระดานเล็ก ๆ ของเหล่านี้จื่ออานทำเองได้ หลังจากวัดความยาวคอขององค์จักรพรรดิเหลียงแล้วก็ทำการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม จากนั้นก็เริ่มตรึงส่วนขาที่หัก

นางไม่ได้ใส่ยา หรือแม้แต่ยาน้ำก็ไม่ได้ถูกนำมาให้พระองค์ทรงแช่ หยวนพ่านคัดค้านเรื่องนี้ เขาคิดว่าในการตรึงจุดที่บาดเจ็บ ก็ควรจะต้องใส่ยาให้ซึมซาบเข้าไปเล็กน้อย

จื่ออานไม่รู้ว่ายาน้ำของพวกเขาผสมอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะเป็นที่คอด้วย ถ้ากลิ่นของยาน้ำไปกระตุ้นจนเกินไปจะส่งผลต่อการหายใจ

หลังจากทำการตรึงแล้วนางก็ใช้วิธีการรมยา วิธีนี้สามารถขยายรูขุมขนและทำให้ยาซึมซาบเข้าผิวหนังเป็นการเยียวยา ซึ่งในตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องเขียนใบสั่งยา