ตอนที่ 437 ครั้งเดียวไม่มีสอง + ตอนที่ 438 นายท่านกำลังโมโห

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 437 ครั้งเดียวไม่มีสอง

เหลิ่งซวงที่ตามเข้ามามองพวกเขาแวบหนึ่ง บอกว่า “ข้าน้อยพาพวกท่านไปพักที่ห้องรับรองได้”

“ข้าถามถึงเรือนนาง!” เสียงเจ้าตำหนักยมราชเข้มขึ้นเล็กน้อย จ้องนางด้วยแววตาดุดัน

เหลิ่งซวงกำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกหลัวอวี่ลากไปข้างๆ จากนั้นเขาค่อยเอ่ยยิ้มๆ กับเจ้าตำหนักว่า “ข้าน้อยเห็นแวบแรกก็รู้ว่าผู้อาวุโสกับนายท่านมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา คนอื่นจะไปเรือนนางไม่ได้ แหะๆ แต่ท่านผู้อาวุโสไปได้ ข้าจะช่วยนำทางให้พวกท่าน!” พูดจบก็ทำมือเชื้อเชิญ แล้วพาพวกเขาไปยังเรือนของเฟิ่งจิ่ว

เจ้าตำหนักยมราชเดินไปข้างหน้า ส่วนฮุยหลางกับอิ่งอีมองหลัวอวี่อย่างแปลกใจ คิดว่าคนคนนี้ช่างรู้สถานการณ์ดีนัก

ด้วยพลังและความเอาแต่ใจของนายท่าน บอกว่าจะไปเรือนภูตหมอก็ต้องไปให้จงได้ ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ดี! ใครกล้าไปขวาง คนผู้นั้นลำบากแน่

หลังพาพวกเขามาถึงเรือนของเฟิ่งจิ่ว หลัวอวี่ก็ออกไป ฮุยหลางกับอิ่งอีเดินวนอยู่ในลานบ้าน พินิจมองเขตเรือนที่เงียบสงบและงดงามนี้ ส่วนเจ้าตำหนักผลักประตูเข้าเรือนไปแล้ว

อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วรีบร้อนมาที่เรือนบิดา เห็นภายในลานมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ แววตาก็เย็นเยียบขึ้นโดยพลัน ถามว่า “ใครบาดเจ็บ?”

“คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ นายท่านไม่เป็นอะไรขอรับ” อาจารย์ของหลัวอวี่เห็นเธอมา จึงรีบเข้าไปบอกเพื่อไม่ให้เป็นกังวล

สายตาเฟิ่งจิ่วมองผ่านร่างหลายคนในลาน เห็นหนึ่งในพวกเขาแปดคนหายไป จึงถามว่า “ท่านอาฉีล่ะ?” นั่นคืออาจารย์ของฉีคัง เธอเห็นทั้งแปดคนดูแลท่านพ่อด้วยความจงรักภักดี ซ้ำยังเป็นผู้อาวุโส จึงเรียกว่าท่านอา

“อยู่ในเรือนขอรับ เหลิ่งหวากำลังช่วยทายาให้เหล่าฉี”

ได้ยินเช่นนี้เธอจึงพยักหน้า แล้วเร่งฝีเท้าเข้าเรือนไป พอเข้ามากลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งก็โถมใส่หน้า เธอขมวดคิ้ว หลังจากเห็นว่าท่านพ่อที่กำลังยืนช่วยพันแผลอยู่ข้างๆ ไม่เป็นไร ในใจถึงจะโล่งอก จากนั้นมองอาจารย์ของฉีคังที่หน้าซีดเผือดเพราะเสียเลือดมากเกินไป

“เสี่ยวจิ่ว เจ้ามาแล้ว? รีบมาดูหน่อยเถอะ เหล่าฉีบาดเจ็บไม่น้อยเลย” เฟิ่งเซียวรีบกล่าวพลางให้นางเข้ามา

“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอกขอรับ คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง” อาจารย์ของฉีคังเผยรอยยิ้มออกมา ทว่าใบหน้าที่ขาวซีดนั้นหลอกคนไม่ได้

เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วจึงเทยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งให้เขากิน แล้วจัดการบาดแผลให้ หลังจากพันแผลถึงจะบอกว่า “ท่านอาฉี ท่านบาดเจ็บไม่น้อย เสียเลือดไปก็มาก สองสามวันนี้ต้องพักฟื้นดีๆ”

เสียงเธอชะงักเล็กน้อย จากนั้นสั่งว่า “เหลิ่งหวา เจ้าประคองท่านอาฉีกลับไปพักผ่อนด้วย ให้ฉีคังเข้าไปดูแล”

“ขอรับ” เหลิ่งหวาขานรับ แล้วพยุงอาจารย์ของฉีคังออกจากเรือนไป

“ท่านพ่อ ท่านพักฟื้นให้สบายใจเถอะ เรื่องข้างนอกคลี่คลายหมดแล้ว” เฟิ่งจิ่วพูดจบก็คิดจะออกไป

เห็นนางไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ในเรือนเขาเพิ่งถูกโจมตีเมื่อครู่ ก็ถอนใจเบาๆ ถามว่า “เสี่ยวจิ่ว เจ้าคิดจะทำอย่างไร?” เขาไม่นึกว่ามู่หรงป๋อจะอาศัยช่วงที่คนแคว้นเหินเวหามาจัดการจวนตระกูลเฟิ่ง พาคนเข้ามาลักพาตัว หากไม่มีบรรพชนนักรบทั้งแปดคอยคุ้มกันเรือน เกรงว่า…

“แค่ครั้งเดียวไม่มีสอง ในเมื่อเขาไม่ยอมรามือ ข้าก็จะไม่เกรงใจ!” แววตาเธอเย็นชาเล็กน้อย น้ำเสียงมีไอสังหารรุนแรง มู่หรงป๋อ…หากไม่กำจัดคนคนนี้ จะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่!

“แต่เขาเป็นพ่อของอี้เซวียน…”

ได้ยินเช่นนี้ แววตาเฟิ่งจิ่วก็สั่นไหวเล็กน้อย เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมากอีก มู่หรงอี้เซวียน พูดได้ว่าเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมไม่อยากทำร้ายที่สุด และเป็นคนที่นางรักอย่างสุดซึ้ง หากไม่ถึงขั้นหมดหนทางเธอจะไม่ทำร้ายเขา แต่มู่หรงป๋อไม่โชคดีเช่นนั้น!

พอออกจากเรือน หลัวอวี่ก็เดินมารับหน้า “นายท่าน เจ้าตำหนักยมราชท่านนั้นอยู่ในเรือนท่านขอรับ!”

………………………………………………….

ตอนที่ 438 นายท่านกำลังโมโห

“อา?”

เฟิ่งจิ่วผงะไปนิด เจ้าตำหนักยมราชคนนั้น? ซวยล่ะ! เมื่อครู่เธอลืมเขาไปเลย

เห็นสีหน้าของนายท่าน หลัวอวี่ก็ลังเลสักพัก บอกว่า “ดูท่าทางพวกเขาโกรธเล็กน้อย อืม ไอชั่วร้ายกระจายทั่วร่าง” ใช่แล้ว ชายคนนั้นมีไอชั่วร้ายทั่วร่าง เขากล้ายืนยันว่าหากตอนนั้นเหลิ่งซวงกล่าวห้ามปราม เดาว่าคงโดนซัดกระเด็น

“ได้ เจ้าไปจัดการธุระด้านนอกเถอะ ส่วนเขา หากพวกเจ้าพบเห็นก็พยายามเลี่ยงไป เจ้าคนนั้นไม่เป็นมิตรเท่าไหร่” เธอถอนใจเบาๆ โบกมือให้สัญญาณเขาออกไป ส่วนตนเองจำใจเดินไปยังเรือน

อิ่งอีเฝ้าอยู่ตรงประตูห้อง ฮุยหลางก็เดินเล่นลอยชายอยู่ในลาน มองตรงนี้นิดจับตรงนั้นหน่อย พลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “นึกไม่ถึงจริงๆ ภูตหมอตอนสวมชุดผู้ชายสีแดงชั่วร้ายเช่นนั้น พอแต่งชุดผู้หญิงสีแดงก็ยังมีเสน่ห์ร้ายกาจได้ มิน่านายท่านถึงหลงเสียจนจิตใจเคลิบเคลิ้ม”

“เสน่ห์นายท่านก็ไม่น้อย! ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพอเป็นภูตหมอเสน่ห์ของนายท่านถึงได้ผลไม่ถึงครึ่ง?” ฮุยหลางพูดอยู่ตรงนั้นคนเดียวเนิ่นนานก็ไม่เห็นอิ่งอีขานรับ จึงหันกลับไปมองเขา บอกว่า “ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลย?”

อิ่งอียืนตัวตรงอยู่ที่ประตูห้อง หลังเหลือบมองเขาก็บอกว่า “เรื่องของนายท่านข้าไม่เคยพูดถึง”

“ถุย! เจ้านี่นะ!”

ฮุยหลางหลุดหัวเราะ เหมือนได้ยินเรื่องตลกอะไร ยามกำลังจะด่าอิ่งอิงก็เห็นร่างสีแดงตรงมาทางนี้ ดวงตาจึงเป็นประกายทันใด เร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปหา

“นี่! ภูตหมอ? คุณหนูใหญ่เฟิ่ง? ข้าควรเรียกอย่างไหนดี” ฮุยหลางจ้องนางด้วยดวงตาแวววาว เพียงรู้สึกว่าเหลือเชื่อ เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้หญิง ตอนนั้นพวกเขากลับไม่รู้ ช่างน่าแปลกจริงๆ

แต่นายท่านรู้ได้อย่างไรกันแน่ว่าภูตหมอเป็นผู้หญิง? คำถามนี้ติดอยู่ในใจเขามานานนัก ต้องหาโอกาสลองถามแล้วจริงๆ

เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองฮุยหลาง เจ้าโง่นี่ ติดกับอยู่ในเงื้อมมือเธอหลายครั้งเพียงนั้น ทำไมเห็นเธอแล้วยังหน้าชื่นตาบ้านเช่นนี้อีก?

“นายท่านเจ้าล่ะ?” เธอมองไปในลานบ้าน นอกจากอิ่งอีที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ไม่เห็นใครอื่นเลย

“นายท่านอยู่ในเรือนเจ้า”

ฮุยหลางฉีกยิ้มกว้าง ก่อนหน้านี้มองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจ้าหนูภูตหมอนี่ขัดหูขัดตา ก็ใครใช้ให้เขาทำให้นายท่านผู้องอาจปราดเปรื่องต้องเบี่ยงเบนโดยใช่เหตุเล่า? ทว่าตั้งแต่รู้ว่าภูตหมอเป็นหญิง ฮึๆ ดูอย่างไรนางก็น่ามองอย่างนั้น

ต้องรู้ไว้ว่า นางมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะได้เป็นผู้หญิงของนายท่าน หรือก็คือนายหญิงของพวกเขา หากไม่เอาอกเอาใจเสียตอนนี้ ยังต้องรอไปถึงตอนไหน?

“ภูตหมอ นายท่านอารมณ์ไม่ค่อยดี” เขาเตือนเสียงเบา

เฟิ่งจิ่วที่เดิมเตรียมจะก้าวเข้าไปได้ยินเช่นนี้ฝีเท้าก็ชะงัก ก่อนหน้านี้หลัวอวี่บอกมาแล้ว ตอนนี้ฮุยหลางยังบอกอีก หรือจะไม่ดีมากจริงๆ? นึกถึงข้อนี้ สีหน้าเธอก็แปลกพิลึก เหลือบมองฮุยหลางพลางเอ่ยถามว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงวิ่งแจ้นมาที่นี่โดยใช่เหตุ คงไม่ได้มาหาข้าจริงหรอกกระมัง”

ทำไมเธอไม่ยักรู้ว่าเจ้าตำหนักยมราชใส่ใจตนมากเพียงนี้? ถึงกับวิ่งมาหาตั้งไกลโดยเฉพาะ?

ได้ยินดังนี้ ฮุยหลางก็นิ่งไปเล็กน้อย “ก็มาหาโดยเฉพาะไงเล่า! สืบถามตั้งนานถึงรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เดิมทีจะมาตั้งนานแล้ว แต่นายท่านมีธุระในมือรั้งไว้จึงประวิงเวลามาถึงตอนนี้ เมื่อได้ยินว่ารัชทายาทแคว้นเหินเวหาพาคนมาสู่ขอ นายท่านก็วางธุระในมือแล้วรีบพาพวกเราสองคนมาทันที ยังมีกำลังคนกองหนึ่งตามหลังมาด้วย เดาว่าอีกหลายวันให้หลังคงถึง”

“มีเรื่องอะไร เหตุใดเจ้าไม่เข้ามาถามข้า?”