ตอนที่ 435 เจ้าตำหนักยมราชผู้ถูกลืม + ตอนที่ 436 ไม่เข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 435 เจ้าตำหนักยมราชผู้ถูกลืม

เฟิ่งจิ่วเห็นภาพเช่นนี้ก็กลืนน้ำลายโดยฉับพลัน จ้องมองฉิวฉิวที่นอนอยู่ด้านหลังด้วยดวงตาเป็นประกาย รู้สึกเพียงแปลกใหม่อย่างยิ่ง นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่เป็นสัตว์ร้ายตัวใหญ่เพียงนี้? เมื่อครู่พอมันกลืนวิญญาณต้นดวงนั้น ลวดลายสัตว์ร้ายบนหน้าผากก็เปลี่ยนไป นี่คือการบรรลุขั้นรึ?

เธอรู้ว่าฉิวฉิวไม่ใช่หมาน้อยธรรมดาๆ แต่ตลอดมาก็ไม่เคยเห็นมันมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ทว่ามองจากลวดลายสัตว์ร้ายที่ปรากฏเมื่อครู่ เหมือนจะบรรลุจากอสูรศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสัตว์เทวะแล้ว?

เจ้าตำหนักยมราชเหลือบมองอสูรกลืนเมฆาด้านหลังเฟิ่งจิ่ว แล้วกวาดมองผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังเจ็ดแปดคนรอบๆ เห็นพวกเขาแต่ละคนถอยหลังไปอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะหยุดสายตาลงบนร่างรัชทายาทแคว้นเหินเวหาเนี่ยเถิง

ผู้ฝึกตนวัยกลางคนชุดดำเห็นเข้า แม้ใจจะหวาดกลัว กลับยังคงขวางอยู่ด้านหน้าเนี่ยเถิง

เจ้าตำหนักยมราชกวาดมองพวกเขา สะบัดแขนเสื้อส่งกระแสลมทรงพลังเข้าโจมตี กระแทกทั้งสองคนม้วนกระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร เสียงทุ้มต่ำที่น่ายำเกรงโดยธรรมชาติเอ่ยออกมาช้าๆ

“ไสหัวออกไปจากอาณาเขตแคว้นแสงสุริยัน! หากยังกล้าฝ่าฝืนอีก ข้าจำต้องทำลายแคว้นเหินเวหาพวกเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!”

เนี่ยเถิงล้มลงบนพื้นปากกระอักเลือด เพียงเม้มริมฝีปากจ้องมองเจ้าตำหนัก ไม่ได้พูดอะไร

แต่เมื่อผู้ฝึกตนวัยกลางคนชุดดำได้ยิน ก็รีบร้อนคำนับขอบคุณโดยไม่สนใจว่าตนเองบาดเจ็บหนัก “ขอบพระคุณเจ้าตำหนักที่เมตตาไม่ฆ่าพวกเรา ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”

เห็นฝ่ายนั้นสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณไปเสียดื้อๆ เขากลัวที่สุดว่าเจ้าตำหนักจะฆ่านายท่านด้วย หากมีเจตนาฆ่ากันจริง เกรงว่าต่อให้พวกเขาสู้สุดชีวิตก็ปกป้ององค์รัชทายาทไม่ได้! โชคดีที่ศัตรูโจมตีมาไม่ได้หมายจะฆ่าคน มิเช่นนั้นพวกเขาแต่ละคนคงไม่มีทางรอดชีวิตออกไป

“อึ้งอะไรกันอยู่? ไปเร็ว!” ผู้ฝึกตนวัยกลางคนชุดดำประคองเนี่งเถิงขึ้นมา ตะโกนใส่คนบนพื้นกับพวกผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง แล้วตรงไปยังเรือเหาะอย่างรวดเร็ว

ตอนมายิ่งใหญ่โอหัง ตอนไปขายหน้าอย่างยิ่ง แต่ละคนถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ กลัวว่าพวกเขาจะฆ่าให้สิ้นซาก

ผู้คนที่มุงดูมองคนแคว้นเหินเวหาจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ใครกู่ร้องยินดีออกมา จากนั้นทั่วทั้งพื้นที่ก็อึกทึกครึกโครมขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่แตกต่างคือครั้งนี้เป็นเสียงหัวเราะมีความสุขของผู้คนและเสียงตบหน้าตักแซ่ซ้อง…

ท่ามกลางเสียงหัวเราะแซ่ซ้องของทุกคน เจ้าตำหนักยมราชหันไปร่างที่พราวพร่างน่าเย้ายวน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางแต่งชุดผู้หญิง ทว่าในสายตาเขากลับเหมือนชินตามาแล้วเป็นพันหมื่นครั้ง ตัวนางเช่นนี้ช่างคล้ายคลึงกับสตรีในภาพวาดเขา ทำให้เขาหลงใหลและควบคุมตัวเองไม่ได้…

เขาจับจ้องนาง ในดวงตาดำขลับล้ำลึกมีเพียงนาง ครั้นนึกถึงแววตาออดอ้อนเมื่อครู่ และกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ตอนกล่าวฟ้องเขาอย่างน้อยอกน้อยใจ หัวใจก็หลอมละลายกลายเป็นผืนน้ำ อ่อนยวบอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อแววตายิ่งอบอุ่น ยิ่งอ่อนโยนขึ้นทุกที เขาสาวก้าวเดินไปหานาง

ขณะคิดว่านางจะต้องพุ่งเข้าหาอ้อมกอดเขาอย่างระรื่น โอบเอวเขาไว้แน่น และเงยใบหน้าเล็กงามเลิศนั้นขึ้นจับจ้องเขาด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์น่าหลงใหล เขาอ้าแขนเล็กน้อยจะเข้าไปรับโดยไม่รู้ตัว

ทว่า ต่อมากลับเห็นองครักษ์นายหนึ่งคุยกับนางเสียงเบา จากนั้นนางก็รีบเร่งเข้าไปในจวนโดยไม่แม้แต่จะพูดหรือใช้สายตามองมาทางเขา ทิ้งเขาไว้ตรงนี้…

ร่างเขานิ่งอยู่ที่เดิม แขนที่ยื่นออกไปยังแข็งทื่ออยู่กลางอากาศเช่นนั้น ความอ่อนโยนบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างในเวลานี้ เขายืนอยู่ตรงนั้น เม้มริมฝีปากบางแน่น พลางจ้องประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่งด้วยแววตาเคร่งขรึม…

………………………………………………….

ตอนที่ 436 ไม่เข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

ผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้!

ในใจเขามีเปลวไฟไร้นามผุดขึ้นมา รู้ว่าตนเองคิดมากไป ผู้หญิงที่ไม่เข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ คนนี้ จะพุ่งเข้ามาในอ้อมกอดเขาอย่างหน้าระรื่นเพราะเขาช่วยนางระบายอารมณ์ แล้วโอบเอวแหงนหน้ามองเขาในอ้อมแขนได้อย่างไร?

หญิงผู้นี้! นอกจากจะไม่เข้าใจความรู้สึกเขา ยังน่ารังเกียจเช่นนี้อีก!

เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงถูกใจนาง? ซ้ำยังรีบเดินทางมาไกลหลายพันลี้เพื่อนางเป็นพิเศษ แต่พอมาถึงที่นี่ ตอนแรกที่พบหน้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ตอนนี้ยังเมินเฉยใส่ ทิ้งเขาไว้ตรงนี้ส่วนตนเองกลับเข้าจวน!

ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง!

ฮุยหลางกับอิ่งอีที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นไอหนาวเหน็บบนร่างนายท่านยิ่งเย็นเยือก เย็นเสียจนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะลูบๆ แขนพลางก้าวถอยหลังไป

ทั้งสองล้วนเห็นสีหน้าและการกระทำของนายท่านเมื่อครู่ รวมถึงท่าทางยามภูตหมอหมุนตัวเร่งฝีเท้ากลับเข้าจวนตระกูลเฟิ่งไปโดยไม่แม้แต่จะมองนายท่าน ในใจจึงแอบทอดถอนใจ

ในด้านความรัก ใครหวั่นไหวก่อนคนนั้นพ่ายแพ้

ชัดเจนว่านายท่านของพวกเขาเป็นฝ่ายหวั่นไหวก่อน ส่วนภูตหมอน่ะหรือ! ดูท่าทางแล้วไม่เคยเก็บนายท่านมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ หนทางไล่ตามว่าที่ภรรยาของนายท่าน จิ๊ๆ พวกเขาเห็นแล้วยังเหงื่อตกแทน รู้สึกว่าช่างห่างไกลไม่รู้จุดจบ

“เจ้าเข้าไปสิ” อิ่งอีใช้ศอกกระทุ้งฮุยหลางข้างๆ สื่อให้เขาเข้าไป

ฮุยหลางถลึงตามอง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แล้วทำไมเจ้าไม่ไป? ผู้รอบรู้ล้วนเห็นได้ว่านายท่านอารมณ์ไม่ดี เจ้าอยากให้ข้าเข้าไปโดนซัดหรือ”

เห็นเช่นนี้ อิ่งอีชายตามองสหาย แอบคิดว่า ‘เจ้าหมาป่าตาขาวตัวนี้ฉลาดนัก’

เขากระแอมเบาๆ กดเสียงลงพูดว่า “ครั้งนี้นายท่านอารมณ์ไม่ดี เพราะภูตหมอเข้าจวนแล้วลืมเรียกนายท่าน เจ้าเข้าไปบอกนายท่าน ภายในจวนอาจจะเกิดเรื่อง มิเช่นนั้นท่าทางของภูตหมอคงไม่ลนลานเช่นนั้น แบบนี้นายท่านจะซัดเจ้าได้อย่างไร”

ได้ยินเช่นนี้ฮุยหลางก็คิดสักพัก ลูบๆ คาง เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “อืม เหมือนจะมีเหตุผลอยู่”

ดังนั้น ท่ามกลางสายตาให้กำลังใจจากอิ่งอี ฮุยหลางจึงฝืนใจเดินเข้าไปข้างกายเจ้าตำหนักยมราช “นายท่าน พวกเราจะไม่เข้าไปหรือขอรับ ดูจากท่าทางคุณหนูใหญ่เฟิ่งเมื่อครู่ เกรงว่าคงเกิดเรื่องภายในจวน”

เจ้าตำหนักยมราชหันหน้ามาชายตามองเขา เม้มริมฝีปากไม่พูดไม่จา ยังฟังคำพูดเข้าหัว ทว่าในใจยังไม่สบายเพราะถูกนางลืมไว้ตรงนี้ ด้วยเหตุนี้จึงแค่นเสียงเย็น “ข้าเหนื่อยแล้ว”

ฮุยหลางอึ้งไปนิด หมายความว่ายังไง? จะไม่เข้าไปดูหน่อยหรือ? เขากำลังคิดว่าจะแนะนำให้นายท่านเข้าไปพักในจวนตระกูลเฟิ่งดีหรือไม่ ก็ได้ยินเสียงอิ่งอีลอยมา

“ในเมื่อนายท่านเหนื่อยแล้ว ก็ไปพักในจวนตระกูลเฟิ่งชั่วคราวดีกว่าขอรับ”

ฮุยหลางเพ่งมองไปทางอิ่งอีที่ทำหน้าเคารพ คิดว่าคนคนนี้มักเลือกทำแต่เรื่องไม่เปลืองแรง ก็ใช่ หากสังเกตสีหน้าและคำพูดคนไม่เป็น จะนั่งบนตำแหน่งสูงสุดอันดับหนึ่งขององครักษ์เงาได้อย่างไร ซ้ำยังติดตามข้างกายนายท่านมาหลายปีอีก?

เช่นนี้เอง ภายใต้คำแนะนำทั้งสองคน เจ้าตำหนักยมราชมีสีหน้าเคร่งขรึม เม้มปากพลางเอามือไพล่หลังสาวก้าวเดินไปด้านในจวนตระกูลเฟิ่ง

องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูจวนไม่ได้ขัดขวาง เพราะดูท่าทางคนผู้นี้จะคุ้นเคยกับนายท่านพวกตนนัก ในเมื่อไม่ใช่ศัตรูก็เป็นแขกของพวกเขา

เมื่อเฟิ่งจิ่วกับพวกเจ้าตำหนักยมราชเข้าไปในจวน องครักษ์ด้านนอกก็เก็บกวาดพื้นที่หลังการต่อสู้อย่างว่องไว แล้วสั่งคนขนสมบัติสิบกล่องนั้นเข้าจวนไป ทั้งหมดเป็นรางวัลจากการต่อสู้ครั้งนี้

เจ้าตำหนักยมราชที่เข้าจวนตระกูลเฟิ่งมาหยุดฝีเท้าลง หลังมองไปรอบๆ ก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “เรือนนางอยู่ที่ไหน?”