ตอนที่ 232 มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่านี่แหละปรมาจารย์

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

รถเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา ทุกคนล้วนมองเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ดูเหมือนไฟหน้ารถข้างซ้าย….จะแตกแล้ว

 

 

เฉิงหั่วหันไปถามถังชิงที่อยู่ข้างๆ “นี่คือรถของคุณลุงเธอเหรอ?”

 

 

ถังชิงก็ไม่มั่นใจ ใบหน้าเอียงเล็กน้อย ฉายแววลังเลอย่างชัดเจน “น่า…น่าจะใช่มั้ง?”

 

 

หน้าตาของเฉิงสุ่ยยังดูใจเย็นอยู่บ้าง ทั้งยังนิ่งเฉยเหมือนที่เคยเป็น ลำตัวตั้งตรง สายตาจับจ้องไปยังทิศทางของรถคันเก่าอย่างไม่วางตา

 

 

ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน รถก็หยุดลงที่หน้าประตูใหญ่แล้ว

 

 

เฉิงสุ่ยที่แขกมาเยือนรีบสาวเท้าก้าวออกไป

 

 

ประตูที่นั่งคนขับของรถเก่าคลาสสิกด้านหน้าเปิดออก ก่อนมีชายอายุประมาณสี่สิบกว่าลงจากรถ เขาสวมเสื้อนวมยาวสีเทา

 

 

คุณลุงของถังชิงเป็นคนจีนแท้ เขามีหน้าตาที่สะอาดและอ่อนโยน ไม่เหมือนถังชิงที่มีหน้าตาคมคาย แว่นตาสีดำขนาดกว้างวางอยู่บนสันจมูก หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย การแต่งตัวดูธรรมดายิ่ง แต่กลับพิเศษ เป็นความรู้สึกชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้

 

 

เหมือนกับที่ถังชิงเคยบอก เขามีโลกส่วนตัวสูง

 

 

ได้ยินมาว่าพวกมีพรสวรรค์….มักจะมีข้อบกพร่องที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นเฉิงเจวี้ยนเป็นต้น แต่เฉิงสุ่ยเองก็เข้าใจเรื่องพวกนี้ดี

 

 

เฉิงสุ่ยเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณชายถัง เอากุญแจรถให้คนใช้ก็ได้ครับ เดี๋ยวพวกเขาจะเอาเข้าไปจอดให้”

 

 

เฉิงสุ่ยพูดจบ คนใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาทำความเคารพตามมารยาท

 

 

คุณลุงถังชิงหยุดเดินส่งกุญแจให้คนใช้ จากนั้นมองไปยังเฉิงสุ่ย พลางขยับแว่นทักทายตามมารยาททีหนึ่ง ก่อนเปิดปากพูด เป็นคำพูดที่กระชับแต่ได้ใจความว่า “ฉันแซ่ลู่”

 

 

เฉิงสุ่ย “…”

 

 

เฉิงหั่วมองถังชิง

 

 

ครั้งนี้ถังชิงถึงรู้สึกตัว เธออธิบาย “คุณเฉิงสุ่ย ฉันลืมบอกไป พ่อของฉันใช้นามสกุลของคุณปู่ ส่วนคุณลุงใช้นามสกุลตามคุณย่าค่ะ”

 

 

เฉิงสุ่ยได้ยินดังนั้นจึงมองคุณลุงของถังชิงก่อนกล่าวขอโทษ “ขอประทานโทษด้วยครับ คุณชายลู่”

 

 

คุณชายลู่เพียงส่ายหน้า แสดงออกว่าไม่เป็นไร แต่ยังคงไม่พูดอะไร

 

 

สมแล้วที่เป็นคนโลกส่วนตัวสูง

 

 

“คุณลุง เข้าไปที่ห้องทำงานพวกเราก่อนเถอะค่ะ” ถังชิงเอ่ยขึ้นอย่างทันท่วงที

 

 

เฉิงหั่วเดินรั้งท้าย จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความส่งไปในกลุ่มหนึ่งประโยค

 

 

(ทุกคนออกไปก่อน)

 

 

**

 

 

วันนี้ทางเดินใหญ่ทั่วคฤหาสน์ไม่มีคนอยู่ บรรยากาศเงียบสงบอย่างมาก

 

 

ก่อนคุณลุงมาที่นี่ถังชิงได้บอกเอาไว้แล้ว คุณลุงของเธอไม่สุงสิงกับใคร หากพบเจอคนเยอะๆ ก็อาจหงุดหงิดได้ ทั้งไม่ชอบเจอคนแปลกหน้า แม้แต่เธอก็พบหน้ากันน้อยครั้ง

 

 

เหตุผลที่ไม่เข้าร่วมกับสมาคมแฮ็กเกอร์ เนื่องด้วยเหตุผลนี้เป็นหลัก

 

 

เพื่อแสดงถึงความให้เกียรติต่อคุณลุงถังชิง เฉิงสุ่ยจึงกำชับคนในคฤหาสน์ไว้

 

 

เมื่อเดินมาถึงหน่วยข่าวกรองจึงไม่เจอใครสักคน

 

 

ตลอดทางเฉิงสุ่ยนิ่งเงียบทั้งพูดให้น้อยความที่สุด

 

 

ปกติหน่วยข่าวกรองมักยุ่งวุ่นวายอยู่เสมอ แต่วันนี้กลับไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว มีเพียงคอมพิวเตอร์สิบกว่าเครื่องที่เปิดวางไว้

 

 

บนหน้าจอสีน้ำเงินมีช่องว่างขาวรอใส่รหัสอยู่

 

 

บรรยากาศเงียบสงัด ถึงตอนนี้หัวคิ้วของคุณชายลู่ที่มุ่นมาตลอดทางก็คลายลง

 

 

คนที่อยู่ห้องนี้ด้วยกันมีเพียงเฉิงสุ่ย เฉิงหั่วและถังชิง เสี่ยวเฮยออกมาจากมุมห้อง พร้อมถาดรองที่มีถ้วยน้ำชาวางอยู่

 

 

เมื่อเห็นเสี่ยวเฮย สีหน้าของคุณชายลู่ดูอ่อนโยนขึ้น เขาถือแก้วน้ำชาใบหนึ่งไว้

 

 

น้ำชามีฟองชามากเกินไป และใบชาเต็มแก้ว เขาดื่มอึกหนึ่งก็ไม่ดื่มอีก ก่อนวางไว้อีกฝั่ง

 

 

“คุณชายลู่” ปกติเฉิงหั่วช่างพูดจายิ่ง แต่วันนี้กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงสอบถามปัญหาเฉพาะทางเท่านั้น “ปัญหาอยู่ที่โค้ดจำลองตัวนี้ ผมตัดออกมาจากตัวเสี่ยวเฮยบรรทัดหนึ่ง ตอนนี้ได้89.3%แล้วครับ ยังมีอีกอันหนึ่ง ถ้าทุกอันได้100%ก็ทำให้สมบูรณ์…”

 

 

เฉิงหั่วเปิดคอมพิวเตอร์ด้านข้างโดยใช้รหัสอีกตัวเปิดออก สาธิตให้คุณชายลู่ดู

 

 

“ขอประทานโทษด้วยครับ หากมันเป็นความลับทางการค้า ก็ถือว่าผมเสียมารยาทแล้ว” ท้ายที่สุด เฉิงหั่วก็พูดเสริมอีกประโยค

 

 

เสี่ยวเฮยเป็นหุ่นยนต์มาจากการวิจัยและพัฒนาของอวิ๋นกวงกรุ๊ป แม้เฉิงหั่วจะสนใจหุ่นยนต์AIตัวนี้มาก แต่ไม่คิดอยากขโมยความลับสำคัญของอีกฝั่ง

 

 

คุณชายลู่มองดูแถบการดาวน์โหลดบนคอมพิวเตอร์อยู่ที่83% ก่อนยื่นมือดันแว่น แล้วส่ายหัวว่า “ก็แค่เขียนโปรแกรมการจัดการบรรทัดหนึ่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความลับสำคัญอะไรหรอก”

 

 

เมื่อเกี่ยวข้องถึงความรู้สายอาชีพ คุณชายลู่ก็พูดขึ้นมาหลายประโยค

 

 

เขาเลื่อนเก้าอี้ของคอมพิวเตอร์โต๊ะข้างเฉิงหั่วมา ก่อนนั่งลงเปิดหน้าจอแก้ไข วางมือลงบนแป้นพิมพ์ พิมพ์โค้ดลงไป

 

 

เขาพิมพ์รหัสได้อย่างรวดเร็ว สายตาของเฉิงหั่วไม่สามารมองตามความเร็วของมือเขาได้

 

 

ช่วงที่พิมพ์รหัสอย่างตั้งใจอยู่นั้น บุคลิกภาพของเขาก็เปลี่ยนไป ไม่มีความรู้สึกถึงที่เข้าถึงยาก ทั่วทั้งร่างกายราวกับมีออร่าเปล่งประกาย

 

 

เฉิงหั่วไม่คิดเลยว่าคุณชายลู่ท่านนี้พูดจาฉะฉานยิ่ง ทั้งยังช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหาต่อ

 

 

เขาพิมพ์โค้ดได้อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงยี่สิบนาที เสียง “ตึก” ของตัว “enter” ก็ดังขึ้น

 

 

แถบดาวน์โหลดโปรแกรมปรากฏบนหน้าจอคอมทันที

 

 

จาก1%โดดถึง100%อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงยี่สิบวินาที โปรแกรมในช่วงแรกประสบความสำเร็จ เข้าสู่หน้าจอแสดงผลสีฟ้าหน้าหนึ่งที่มีช่องว่างอยู่สามช่อง!

 

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน คอมพิวเตอร์ในหน่วยข่าวกรองหยุดอยู่ที่รหัสหน้าจอก็ขึ้นกระบวนการใหม่!

 

 

อย่าว่าแต่เฉิงหั่ว แม้แต่ถังชิงก็รู้สึกช็อกอย่างรุนแรง!

 

 

ตอนนี้เองคุณชายลู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินมาอีกฝั่ง “พวกเธอตรวจสอบดูก่อน หากมีปัญหา ค่อยมาหาฉัน พรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมงฉันถึงบินกลับประเทศ วันนี้คงพักที่นี่ก่อนวันนึง”

 

 

เฉิงหั่วรีบกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ในใจร้อนรนอยากศึกษาโค้ดตัวนั้นเต็มทน

 

 

เฉิงสุ่ยไม่เข้าใจนิดหน่อย แต่ในเวลานี้กลับใช้สติปัญญาทั้งหมดที่มีดูแลการจัดการเขา “คุณชายลู่ ปล่อยให้พวกเขาตรวจสอบ คุณชายมากับผมที่ห้อง ทางนั้นเงียบสงบ ไม่มีคน หัวหน้าของพวกเราออกไปเยี่ยมคนของตระกูลมาส ช่วงบ่ายถึงกลับมาครับ”

 

 

ได้ยินว่ามีสถานที่เงียบสงบ หัวคิ้วของคุณชายลู่ก็คลายลงหลายส่วน ก่อนเดินตามเฉิงสุ่ยออกไป

 

 

**

 

 

หลังจากคุณชายลู่ออกไปแล้ว

 

 

เฉิงหั่วรีบดึงเก้าอี้นั่ง มือวางบนแป้นพิมพ์ เนื้อตัวสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนหันไปคุยกับถังชิงว่า “ครั้งนี้หน่วยข่าวกรองต้องขอบคุณเธออย่างสูงแล้ว!”

 

 

เพราะเป็นแฮ็กเกอร์เหมือนกัน แน่นอนว่าเฉิงหั่วสามารถมองการเคลื่อนไหวของคุณชายลู่ออก ความสามารถของคุณชายลู่ท่านนั้นช่าง….เกรงว่าไม่ด้อยกว่าประธานสมาคมแฮ็กเกอร์เลย

 

 

ความจริงในใจของถังชิงก็ตกใจเช่นเดียวกัน เธอกับคุณลุงไม่ได้สนิทกัน คนในบ้านก็มีแต่คุณพ่อที่พูดคุยกับคุณลุงอยู่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น

 

 

ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้ไม่เพียงเพราะคำพูดของเธอไม่กี่ประโยคถึงยอมมา ทั้งยังเป็นธุระสำคัญแบบนี้ให้อีกด้วย

 

 

เสี่ยวเฮยเห็นคุณชายลู่และเฉิงสุ่ยเดินออกไปแล้ว ก็ขึ้นไปด้านบนเรียกคนของหน่วยข่าวกรองให้ลงมา

 

 

ก่อนหน้านี้เพียงข้อความของเฉิงหั่วประโยคเดียว คนของหน่วยข่าวกรองทั้งหมดก็หลบขึ้นชั้นบน แม้แต่ขยับตัวก็ไม่กล้า

 

 

พอเสี่ยวเฮยประกาศ ทุกคนก็แห่กันลงมาราวกับฝูงผึ้ง

 

 

“แม่เจ้า ขึ้นหน้าใหม่แล้ว” แม้แต่เจอร์รี่ต้องยันไม้เท้าเดินกะโผลกกระเผลก ทิ้งตัวลงนั่งคอมพิวเตอร์ด้านข้าง เมื่อเห็นแววตาของถังชิงยิ่งตกตะลึง “คุณหนูถัง คุณลุงของคุณเก่งกาจมาก!”

 

 

เฉิงหั่วก็พยักหน้าเห็นด้วย เขาไม่อาจละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ “น่าจะเป็นคนที่มีระดับเดียวกับประธานของเรา”

 

 

โดยทั่วไปคนของหน่วยข่าวกรองไม่มีผู้ใดได้เข้าร่วมสมาคมแฮ็กเกอร์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่สวรรค์ประทานมาอย่างท่านประธาน

 

 

ได้ยินเฉิงหั่วพูดแบบนี้ ทั้งหมดได้แต่มองหน้ากัน

 

 

มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่านี่แหละปรมาจารย์

 

 

เมื่อก่อนคนของหน่วยข่าวกรองต่างเคารพเธอเพราะฐานะเดิมของถังชิง บวกกับเธอคือรุ่นน้องของเฉิงหั่ว อีกทั้งความสามารถที่แสดงออกมา

 

 

ตอนนี้เนื่องด้วยความสามรถของคุณชายลู่ที่เก่งกาจจนไม่อาจวัดระดับได้ทำให้ถังชิงยิ่งน่าตกตะลึงขึ้นไปอีก

 

 

ถังชิงยิ้มเล็กน้อย “ฉันก็ไม่คิดว่าคุณลุงจะมาได้ แต่ว่าสามารถช่วยทุกคนได้ก็นับว่าดีแล้ว”

 

 

**

 

 

ดูเหมือนว่าคนของหน่วยข่าวกรองยังไม่ได้กินข้าว

 

 

จนถึงบ่ายครึ่ง เฉิงเจวี้ยนกลับมา เฉิงหั่วกับถังชิงถึงหยุดงาน เฉิงหั่วมีความอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยที่ต้องเดินออกจากประตูหน่วยข่าวกรองเพื่อเดินไปยังกลางคฤหาสน์เก่าหาเฉิงเจวี้ยน

 

 

พวกเขากับคุณชายลู่เดินไปพบเฉิงเจวี้ยนด้วยกัน

 

 

วันนี้ตลอดทั้งวันฉินหร่านฝึกซ้อมอยู่กับเฉิงมู่และซือลี่หมิง

 

 

ใบหน้าของทั้งสองบวมช้ำยิ่ง

 

 

จนกระทั่งหลินซือหรานส่งวิดิโอมาให้เธอคลิปหนึ่ง

 

 

“หรานหร่าน เธอกลับเมืองหลวงแล้วเหรอ?” หลินซือหรานพักอยู่ที่หอพักด้านใน น้ำเสียงของเธอข่มกลั้นความตื่นเต้นไว้ ก่อนหยิบอัลบั้มให้ฉินหร่านดู “อัลบั้มที่เธอส่งมาให้ฉันได้รับแล้วนะ! เช้านี้ทั้งเช้าฉันไปแย่งกับเขามาก็แย่งไม่ได้ รักเธอที่สุดเลย!” น่าจะเป็นเหยียนซีส่งอัลบั้มให้หลินซือหรานมากกว่า

 

 

ฉินหร่านคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจไม่ต้องบอกว่าเหยียนซีเป็นคนส่งให้ดีกว่า เธอกลัวว่าหลินซือหรานจะกลายเป็นบ้า เลยบอกไปแค่ว่ามีเพื่อนคนหนึ่งส่งไปให้

 

 

“จริงสิ ดอกไม้สีแดงนั่นเธออยากได้ไหม?” ฉินหร่านนึกถึงดอกไม้ของเฉิงเจวี้ยนขึ้นมาได้

 

 

“ค่าส่งน่าจะแพงมั้ง?” หลินซือหรานขมวดคิ้ว

 

 

“ไม่แพง เธอไม่ต้องออกเงิน” ฉินหร่านมองไปยังซือลี่หมิงและเฉิงมู่ที่สู้กันอยู่พลางพูดอย่างใจเย็น

 

 

หลินซือหรานพยักหน้า “ได้ งั้นเธอส่งมา พ่อของฉันอยากได้”

 

 

เธอส่งที่อยู่ฟาร์มให้ฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านมองที่อยู่ก่อนประเมินราคาอยู่สักพัก เฉิงเจวี้ยนตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว จึงไปหาเขาที่ห้องสมุดเพื่อพูดคุยเรื่องนี้

 

 

ห้องสมุดอยู่ชั้นสาม เธอเดินด้วยท่าทีไม่รีบร้อน เมื่อเดินถึงประตูหน้าห้องสมุด เฉิงหั่วกับถังชิงก็ยืนบนบันไดทางขึ้นพอดี ถังชิงเดินนำหน้า ไกลจากห้องสมุดห้าถึงหกเมตร

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่าน เธอก็มุ่นคิ้วอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งไม่ทักทายฉินหร่าน ได้แต่หันไปมองเฉิงหั่ว “คุณลุงของฉันน่าจะอยู่ข้างในมั้งคะ? เขาไม่ชอบเจอคนแปลกหน้า”