ตอนที่ 233 เหตุการณ์ถูกหลอกครั้งใหญ่

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

คุณชายลู่ผู้นั้นรักสันโดษอย่างแท้จริง ไม่ชอบสถานที่มีคนพลุกพล่าน

 

 

วันนี้ตลอดทั้งวันเฉิงสุ่ยและเฉิงหั่วใช้ความพยายามอย่างมาก

 

 

แต่ในสายตาของเฉิงหั่วนั้น ฉินหร่านนับเป็นคนนอกของคฤหาสน์แห่งนี้หรือ?

 

 

แน่นอนว่าไม่ใช่

 

 

เฉิงหั่วไม่ได้ตอบอะไรถังชิง แต่มองไปยังฉินหร่านพลางยิ้มให้เล็กน้อยเหมือนที่ผ่านมา ก่อนกล่าวทักทายอย่างเป็นมารยาท “คุณหนูฉิน ไม่เป็นไรครับ”

 

 

“รุ่นพี่เฉิงหั่ว?”ถังชิงเงยหน้ามองเฉิงหั่ว ใบหน้าเต็มได้ด้วยความเหลือเชื่อ

 

 

เฉิงหั่วเห็นฉินหร่านเคาะประตูเข้าไป ก่อนก้มหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ มีเพียงเขาและถังชิงที่ได้ยิน “ถ้าวันนี้เธออยากให้คุณชายลู่รั้งคุณหนูฉินหร่านไว้นอกประตูจริงๆ เกรงว่านายท่านอาจจะไล่คุณชายลู่ผู้นั้นออกไปข้างนอกก็ได้”

 

 

ได้ยินดังนั้น ถังชิงได้แต่เม้มปาก

 

 

แต่ในใจกลับไม่เชื่อฟัง เธอเห็นฉินหร่านมองกลับมา ทั้งยังเคาะประตูอย่างไม่รีบร้อน ถังชิงไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้เลย

 

 

เธอพูดออกจะชัดเจนขนาดนั้นว่าข้างในมีคนสำคัญอยู่ ผู้หญิงคนนั้นยังมีหน้าเคาะประตูด้วยความสบายใจอยู่อีกหรือ?

 

 

ปกติควรจะอยู่ให้ห่างหน่อยไม่ใช่หรือไง? หรือไม่มีสมอง?

 

 

“ถ้าถึงตอนนั้นคุณลุงโมโหแล้ว ฉันไม่เกี่ยวด้วยนะ” ไม่รู้ว่าถังชิงพูดอะไร เธอละสายตา พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอย่างชัดเจน

 

 

เฉิงหั่วไม่ตอบ เพียงมองฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านเปิดประตู

 

 

ทั้งสามคนเดินเข้าไป

 

 

ในห้องมีเฉิงเจวี้ยนอยู่ด้วยจริงๆ ทั้งยังมีคุณชายลู่รวมสามคน

 

 

เห็นชัดได้ว่าคุณชายลู่กับเฉิงสุ่ยเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน

 

 

เฉิงเจวี้ยนและพวกเขานั่งแยกอยู่ในห้องหนังสือบนโซฟารับแขก เฉิงเจวี้ยนกับคุณชายลู่นั่งด้วยกัน ในมือของทั้งสองคนถือถ้วยชาอยู่ เฉิงสุ่ยที่อยู่โต๊ะอีกฝั่งกำลังจัดเรียงเอกสาร

 

 

เห็นได้ชัดว่าใจของคุณชายลู่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิ้วบิดไปมา

 

 

เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูเข้ามา

 

 

เฉิงสุ่ยนำเอกสารส่งให้เฉิงเจวี้ยน พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “น่าจะเป็นเฉิงหั่วกับถังชิงนะครับ”

 

 

เขาพูดจบ ประตูก็เปิดออก

 

 

มีฉินหร่านมาด้วยรวมเป็นสามคน

 

 

ฉินหร่านเดินนำด้านหน้า เฉิงหั่วไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน ทุกครั้งก็เดินรั้งท้ายฉินหร่านหนึ่งก้าวเสมอ

 

 

คุณชายลั่วเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ มองไปยังประตูทางเข้าฝั่งนั้น ไม่รู้ว่าเห็นอะไร แก้วน้ำชาที่อยู่ในมือก็ตกลงบนโต๊ะดัง “ตึก”

 

 

จากนั้นลุกขึ้นยืน “ตึง”

 

 

คุณชายลู่ผู้นี้เป็นคนรักษาท่าทีเสมอ นิสัยเงียบขรึม พูดน้อย มาคฤหาสน์ได้หนึ่งวัน คนอื่นก็เข้าใจชัดเจนว่าเขากำลังมีโทสะ

 

 

ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เห็นเขาอารมณ์แปรปรวนอย่างมาก

 

 

เฉิงสุ่ยตะลึงไปชั่วขณะ

 

 

“ฉันบอกแล้ว คุณลุงไม่ชอบพบคนแปลกหน้า” ถังชิงกระซิบข้างหูเฉิงหั่ว น้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก อีกทั้งเริ่มหมดความอดทน “รุ่นพี่ก็ยังดันทุรังให้หล่อนเข้ามา?”

 

 

จากนั้นเธอไม่รอให้เฉิงหั่วตอบ

 

 

รีบสาวเท้าเดินเข้าไป “ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง เดี๋ยวหนูพาลุงลงไป รอที่นี่เงียบดีแล้วหนูค่อยพาคุณลุงขึ้นมา…”

 

 

ถังชิงพูดไม่ทันจบ คุณชายลู่ก็ยกมือห้ามให้เธอหยุดพูด

 

 

ห่างไปไม่กี่ก้าว ฉินหร่านที่อยู่หน้าเฉิงหั่ว สีหน้าไร้อารมณ์มองไปยังคุณชายลู่ “ทำไมลุงมาอยู่ที่นี่ได้?”

 

 

“ไม่ได้เจอกันปีนึง ลุงตั้งใจมาดูว่าเธอยังอยู่สุขสบายดีไหม” คุณชายลู่เดินไปหาฉินหร่านพลางประสานมือไว้ด้านหลัง จากนั้นเดินรอบตัวฉินหร่านรอบหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ไม่ได้ อยู่แบบนี้ต่อไปคงไม่ต้องรอให้ลุงไปเก็บศพ”

 

 

เขาแสดงท่าทีเช่นเดิม เงียบขรึมเล็กน้อย แต่หัวคิ้วที่มุ่นอยู่ตลอดเวลาหายไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

ตอนพูดคุยกับเฉิงหั่วก็ใช้วาจาที่สั้นกระชับ ราวกับนั่งคุยอยู่บนแท่นบูชาที่นำพาบทสวดแห่งพระพุทธองค์ลงมาเสียอย่างนั้น

 

 

มือของเฉิงเจวี้ยนที่ถือน้ำชาอยู่หยุดชะงัก ก่อนวางแก้วชาลงบนโต๊ะ

 

 

จากนั้นเดินไปหาฉินหร่านด้านหน้า เลิกคิ้วถาม “ท่านนี้คือ…”

 

 

สายตาของเขาจับจ้องไปยังคุณชายลู่ นอกจากเฉินซูหลาน น้อยมากที่ฉินหร่านจะได้เจอกับบุคคลที่มีฐานะแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสเว่ยหรืออาจารย์ใหญ่สวี

 

 

“ฉันเป็นเพื่อนบ้านน่ะ ตอนเด็กมักจะไปเล่นที่บ้านคุณลุงบ่อยๆ” ฉินหร่านตอบด้วยรอยยิ้ม ระหว่างคิ้วราวกับมีแสงสว่างอ่อนสาดส่องหลังละอองฝนโปรย “คุณลุงลู่”

 

 

เฉิงเจวี้ยนที่มีท่าทีเงียบเล็กน้อยเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมากกว่าเดิม “ที่แท้เป็นคุณลุงลู่นี่เอง เชิญนั่งก่อนครับ”

 

 

เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน วางตัวเรียบร้อยขึ้น ท่าทางเมื่อครู่ที่ไม่เหมือนไม่อยากเข้าใกล้ได้หายไปหมดสิ้น

 

 

คุณลุงลู่มองเฉิงเจวี้ยนเงียบๆ จากนั้นกันกลับมาถามฉินหร่านเรื่องความเป็นอยู่ในตอนนี้

 

 

ด้านข้าง ถังชิงยังคงอดทนไม่แสดงอาการและเคลื่อนไหวอะไรมาก ลำตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม

 

 

ใบหน้าซีดเผือกอยู่พักหนึ่ง

 

 

เดิมที่เฉิงหั่วก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว แม้เก็บสีหน้าไม่ได้แต่ก็ไม่ถามอะไร เพราะในเวลานี้สมองของเขากำลังเวิ้งว้างสู่ความว่างเปล่า

 

 

มีเพียงเฉิงสุ่ยเท่านั้นที่ตกตะลึงเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็ส่งน้ำชาให้ฉินหร่านด้วยท่าทีเงียบสงบ

 

 

เขารู้จักนิสัยของฉินหร่านดี

 

 

หลังจากฉินหร่านรับชามา ฉินหร่านก็นำชายื่นให้คุณลุงเพื่อนบ้านของเธอ

 

 

เฉิงหั่วยังคงตัวแข่งทื่ออยู่ที่เดิม

 

 

ท่าทางของคุณชายลู่ที่มีต่อฉินหร่าน หากไม่รู้มาก่อนว่าถังชิงคือหลานสาวของคุณชายลู่ เกรงว่าทุกคนคงคิดว่าฉินหร่านต่างหากคือหลานสาวของคุณชายลู่!

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือ จากคำพูดของคุณชายลู่…เขามาเพื่อมาเยี่ยมฉินหร่าน…

 

 

เขาไปรู้มาจากไหนว่าฉินหร่านอาศัยอยู่ที่นี่?

 

 

จากที่ได้ยินเฉิงมู่พูดรู้สึกว่าเป็นภูเขาที่อยู่ห่างไกลความเจริญ คนปกติแล้วไม่อาจไปอยู่สถานที่กันดารขนาดนั้นได้ คนอาศัยอยู่น้อย ทั้งเดินทางลำบาก

 

 

หัวหน้าใหญ่ของอวิ๋นกวงจะอาศัยอยู่ในที่แบบนั้นหรือ?!

 

 

อีกทั้งอยู่ข้างบ้านฉินหร่านเนี่ยนะ?!

 

 

นิ่งอึ้งกันอยู่สักพัก รู้ตัวอีกทีคือตอนรับประทานอาหารแล้ว เฉิงหั่วไม่มีท่าทีตอบสนองแต่อย่างใด

 

 

เนื่องจากคุณชายลู่ยังอยู่ เฉิงมู่กับซือลี่หมิงจึงไม่ได้ออกมากินข้าวด้วย ถังชิงกับคุณชายลู่นั่งอยู่ตรงโต๊ะรับประทานอาหารชั้นหนึ่ง

 

 

ถังชิงก้มหัวมาตลอดทาง พลางจับตะเกียบในมือไว้แน่น

 

 

ไม่มีใครเข้าใจคุณชายลู่ เธอกลับเข้าใจเรื่องนี้ดี คุณพ่อของเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับคุณลุงเหมือนฉินหร่านเช่นนี้

 

 

หากถังชิงไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ตะเกียบคู่นั้นคงถูกหักเป็นสองท่อนแล้ว

 

 

**

 

 

กินข้าวเสร็จเฉิงหั่วและถังชิงกลับไปหน่วยข่าวกรอง

 

 

ดูเหมือนคนของหน่วยข่าวกรองจะนำกล่องข้าววางบนโต๊ะกินอีกฝั่งหนึ่ง ไม่ได้ลงไปกินที่ห้องอาหาร

 

 

เมื่อเห็นเฉิงหั่วและถังชิงเดินกลับมา ก็ล้วนพูดจากับทั้งสองด้วยความสุภาพยิ่ง โดยเฉพาะถังชิงที่สุภาพเป็นพิเศษ เจอร์รี่นำโค้ดบนคอมพิวเตอร์ส่งให้ถังชิงและเฉิงหั่วดู “คุณชายหัว คุณหนูถัง คุณชายลู่ยังอยู่ไหมครับ โค้ดอันนี้ดูเหมือนจะมีปัญหานิดหน่อย…”

 

 

ในใจของถังชิงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาด ตัวเธอเองก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมคุณลุงถึงตอบรับคำขอได้อย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมาได้…

 

 

ตอนนี้แม้แต่เธอก็ไม่อาจยอมรับ แต่ความเป็นจริงก็คือลุงของเธอมาเพื่อเยี่ยมฉินหร่าน!

 

 

การเขียนโปรแกรมเข้ารหัสที่ง่ายและรวดเร็วแก่พวกเขาก็น่าจะเพราะฉินหร่านเช่นเดียวกัน

 

 

ถังชิงไม่เข้าใจคุณลุงเลยว่าเหตุใดถึงทำเพื่อผู้หญิงคนนี้…

 

 

“ดึกป่านนี้แล้วคุณลุงคงเข้านอนแล้วแหละ” ถังชิงส่ายหัว

 

 

เฉิงหั่วกลับหรี่ตาเล็กน้อย เปิดโทรศัพท์ส่งข้อความหาฉินหร่าน ว่าสามารถไปหาคุณชายลู่ได้หรือไม่

 

 

ฉินหร่านตอบกลับมาเพียงสองคำ [ห้องสมุด]

 

 

เฉิงหั่วคัดลอกโค้ดชุดนี้ลงในคอมพิวเตอร์ เจอร์รี่รับผิดชอบปัญหาในส่วนนี้ เขาจึงพาเจอร์รี่ไปด้วย ไม่ใช่แค่เพียงเจอร์รี่เท่านั้น แต่เฉิงหั่วเองก็มีข้อสงสัยอีกหลายข้อที่อยากถามคุณชายลู่

 

 

ในฐานะที่เป็นคนบ้าคอมคนหนึ่ง ทั้งมีระดับปรมาจารย์อยู่ใกล้ตัว ในทุกๆ นาทีต่อจากนี้เฉิงหั่วอดใจไม่ไหวที่จะถามคุณชายลู่

 

 

ก่อนหน้านี้เพราะคุณชายลู่เป็นลุงของถังชิง เฉิงหั่วจึงไม่ถามอะไรมาก

 

 

ในตอนนี้เมื่อเขารู้แล้วว่าเขาคือเพื่อนบ้านของคุณหนูฉิน ทั้งท่าทียังเป็นมิตร มีหรือเฉิงหั่วจะอดใจไหว?! อีกทั้งใช้โอกาสนี้ถามฉินหร่านว่าสามารถพาคนมามากกว่านี้ได้หรือไม่

 

 

ถ้าหากฉินหร่านตอบรับ

 

 

มีโอกาสได้พบกับคุณชายลู่ในตำนาน เจอร์รี่พยุงไม้ค้ำ หน้าตาแสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจน คนของหน่วยข่าวกรองมองเจอร์รี่ด้วยความอิจฉาตาร้อนยิ่ง

 

 

ในขณะเดียวกันฉินหร่านนั่งพูดคุยเรื่อยเปื่อยอย่างเงียบๆ กับคุณชายลู่ที่ห้องสมุด

 

 

ฉินหร่านนั่งข้างเฉิงเจวี้ยนพลางกอดหมอนอิงไว้ ส่วนคุณชายลู่นั่งตรงข้าม ในมือถือถ้วยน้ำชาเช่นเดียวกับฉินหร่าน ใบชาทั้งหมดเจ็ดใบไม่นับว่ามากหรือน้อยเกินไป

 

 

“คุณมาจากเมืองหลวงเหรอครับ?” ได้ยินเฉิงเจวี้ยนถามเช่นนี้ คุณชายลู่จึงลืมตามอง เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า มีท่าทีจริงจังและมีมารยาทยิ่ง “ผมก็มีพี่ชายและน้องสาวด้วยครับ”

 

 

คุณชายลู่ “…” ใครถามนายเรื่องพี่ชายน้องสาวกัน?!

 

 

ขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่ เฉิงหั่วและเจอร์รี่นำคอมพิวเตอร์ยกมาถึงห้องสมุด

 

 

เฉิงหั่วทักทายทั้งสามคนก่อน จากนั้นมองฉินหร่าน “คุณหนูฉิน เมื่อครู่ตอนที่ผมไปรดน้ำดอกไม้ที่สวน เห็นว่ามีคนสวนกำลังย้ายแปลงดอกไม้สีแดงของคุณอยู่”

 

 

ฉินหร่านนั่งพิงโซฟา พลางลูบแก้วน้ำชา ตอบอย่างผ่อนคลาย “เอากลับประเทศน่ะ”

 

 

เมื่อดื่มหมดก็นำแก้วชาวางไว้บนโต๊ะ

 

 

ขณะที่เฉิงเจวี้ยนพูดคุยกับคุณชายลู่ ก็ช่วยเธอรินชา

 

 

คุณชายลู่ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ยังคงมองแต่ไม่พูดอะไร

 

 

เฉิงหั่วจึงไม่ถามอะไรฉินหร่านอีก รอเฉิงเจวี้ยนอนุญาตก็นำโค้ดที่ติดปัญหาให้คุณชายลู่ดูพร้อมอธิบายให้ฟัง

 

 

เขาพูดพลางเปิดคอมพิวเตอร์ไป

 

 

คุณชายลู่สังเกตคนพวกนี้มาตลอด เขาเป็นคนฉลาด เพียงคำพูดและการกระทำของคนเหล่านี้ล้วนมองออกหมดว่าฉินหร่านมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับพวกเขา

 

 

ตอนที่อยู่เมืองหนิงไห่ นอกจากเว่ยจื่อหังกับพานหมิงเย่ว์ ก็ไม่น่ามีคนอื่นแล้ว

 

 

“หรานหร่าน” สายตาของคุณชายลู่จ้องมองไปยังรหัส เป็นโค้ดAIที่ซับซ้อนบรรทัดหนึ่งบนตัวเสี่ยวเฮยที่รั่วไหลออกมา เขาหันไปถามฉินหร่าน แววตามีความเศร้าหมองเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงครุมเครือว่า “เธอยู่ที่นี่ทั้งคน โค้ดพวกนี้ทำไมพวกเขาถึงยังต้องมาร้องให้ลุงช่วยเป็นอาทิตย์ด้วย?”