เดิมทีคุณชายลู่คิดว่า เฉิงหั่วกับฉินหร่านไม่มีความสนิทสนมกัน ดังนั้นฉินหร่านจึงไม่ได้ลงมือเอง
แต่เท่าที่สังเกตจากสถานการณ์ตอนนี้เห็นชัดว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ไม่ต้องพูดถึงเฉิงเจวี้ยน เมื่อพิจารณาท่าทีของเฉิงหั่วและเฉิงสุ่ยดูแล้วนับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากเลยทีเดียว
แล้วนี่เป็นท่าทางของคนที่ไม่สนิทกันตรงไหน?
ฉินหร่านตอบกลับอย่างไม่คิดมาก หลังพิงเก้าอี้สักพัก ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “ไม่มีโอกาสบอกน่ะสิ”
ความจริงก็มีโอกาสพูดอยู่สองหน แต่ล้วนถูกถังชิงขัดจังหวะทั้งสิ้น ไม่ง่ายเลยที่ฉินหร่านจะยกเรื่องขึ้นมาพูดซ้ำสองรอบ แล้วยังหวังให้เธอพูดเป็นครั้งที่สามอีกหรือ?
ไม่มีวัน ยอมตายเสียดีกว่า
คุณชายลู่มองเธอแต่ไม่ได้พูดอะไร
ฉินหร่านใช้ความคิดก่อนลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะอีกฝั่ง ลากเก้าอี้ออกมานั่ง จากนั้นพูดกับเฉิงหั่วและเจอร์รี่ว่า “ยกคอมมานี่”
เฉิงหั่วยังไม่รู้สึกตัว แต่ก็ลงมือจัดการอย่างรวดเร็ว รีบจัดคอมพิวเตอร์ให้ฉินหร่าน
“จากที่ดู ปัญหาหลักยังอยู่ที่ซอร์สโค้ด” คุณชายลู่ยังคงนั่งที่โซฟาตัวเดิม พลางจิบน้ำชาเล็กน้อยก่อนหันไปบอกฉินหร่าน “มีเวลาว่างก็ไปดูสาขาอื่นในอเมริกาบ้างก็ได้”
“ดูสถานการณ์ก่อน” ฉินหร่านกวาดตามองซอร์สโค้ดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนเปิดปากพูดด้วยภาษาที่บางคนฟังไม่รู้เรื่องด้วยท่าทีเกียจคร้าน
เธอเปิดเครื่องซอฟแวร์ของคอมพิวเตอร์
คุณชายลู่วางถ้วยชาบนโต๊ะ ยังคงมองเฉิงหั่วกับเจอร์รี่ที่มีท่าทีอ้ำอึ้งอยู่ ยิ่งตอกย้ำความคิดที่ว่าฉินหร่านต้องชอบสองคนนี้มากเป็นแน่
เขาจึงพูดขึ้น “พวกเธออย่ามัวแต่ยืนอึ้ง เตรียมแฟลชไดรฟ์ให้พร้อม ฝีมือของเธอเร็วกว่าฉันมากนัก ถ้าดูไม่ทันก็บอกให้เธอช้าลงหน่อย”
ตอนนี้ฉินหร่านพิมพ์โค้ดเสร็จเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ก็ได้เห็นความเร็วในการพิมพ์ของคุณชายลู่ที่หน่วยข่าวกรองกับตามาแล้ว เฉิงหั่วกับเจอร์รี่คิดว่าความเร็วในการพิมพ์ของคุณชายลู่รวดเร็วพอแล้ว แต่กลับไม่คิดว่ามีคนพิมพ์ได้ไวกว่านี้อีก
ทางด้านเฉิงสุ่ยได้จัดการเรื่องแปลงดอกไม้สีแดงส่งบินกลับประเทศเรียบร้อยแล้ว เวลาจากอเมริกากับประเทศจีนต่างกันสิบสองชั่วโมง น่าจะส่งถึงมือหลินซือหรานในอีกวันหนึ่ง
จัดการเรื่องนี้เสร็จ เขาเคาะประตูก่อนเข้าห้องสมุด
ขณะที่เข้าไปนั้น ฉินหร่านยังคงพิมพ์โค้ดอยู่ ท่าทางของเธอแสดงออกอย่างจริงจังมาก ทุกครั้งที่พิมพ์รหัสลงไปล้วนไม่มีลักษณะของคนไม่แยแสต่อเรื่องภายนอกดั่งเช่นทุกวัน
เฉิงเจวี้ยนก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกัน
เฉิงหั่วกับเจอร์รี่ล้วนตกอยู่สภาพงวยงงอย่างหนัก
ผู้ที่นั่งดูอยู่ก็มีเพียงเฉิงเจวี้ยนและคุณชายลู่เท่านั้นที่ยังคงมีท่าทีค่อนข้างปกติอยู่บ้าง
เฉิงสุ่ยหยุดชะงักอยู่กับที่ เขาพอเดาออกถึงสาเหตุที่เฉิงหั่วกับเจอร์รี่อยู่ที่นี่ คงเป็นเพราะเรื่องรหัสชุดนั้นของเสี่ยวเฮย
แต่ว่า…
ตอนนี้ทำไมฉินหร่านถึงนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ได้?
เธอเคาะแป้นพิมพ์ได้รวดเร็วถึงขนาดนั้นเลยหรือ?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉินหร่านกดตัวอักษรตัวสุดท้าย แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นทันที ทั้งยังเอียงหน้าจอคอมให้เฉิงหั่วที่อยู่อีกฝั่งอย่างไม่รีบร้อน เพื่อให้ทั้งสองเห็นโค้ด
เธออธิบายถึงกระบวนการรอบหนึ่งและขั้นตอนสามขั้นตอนให้ฟัง
พลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างสบายใจ พูดจาเป็นกันเองเหมือนอย่างเคยว่า “เข้าใจรึเปล่า?”
แม้จิตใจของเฉิงหั่วจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่สิ่งที่ควรฟังก็ยังรับรู้อยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงผงกหัวอย่างแข็งทื่อ
จากนั้นฉินหร่านถึงดันแขนลุกขึ้นยืน สายตามองไปยังคุณชายลู่ที่อยู่อีกฝั่ง ก่อนเลิกคิ้วถามว่า “จะคุยกันไหมคะ?” คุณชายลู่พยักหน้าตอบ เขามองเฉิงเจวี้ยนคราหนึ่งโดยไม่พูดจา “ไปที่ห้องของฉันเถอะ”
ฉินหร่านก็มองไปยังเฉิงเจวี้ยน
สีหน้าของเฉิงเจวี้ยนไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยังคงเงียบขรึมเหมือนเช่นเคย เขาส่งทั้งสองคนถึงหัวบันไดแล้วเดินกลับห้องสมุด ก่อนหยิบบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมากัดไว้ที่มุมปาก
เมื่อเห็นเขาปรากฏตัว ทั้งสามคนที่ยืนเป็นตอหินในห้องสมุดก็รู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะเจอร์รี่
มือของเขายังคงค้ำไม้เท้าไว้อยู่
“คุณเฉิงหั่ว ผมรู้สึกว่าตัวเองคงโดนเฉิงมู่อัดจนเห็นภาพลวงตาเข้าแล้ว” เจอร์รี่พูดพลางลูบหน้าของตนราวกับเครื่องจักรที่ไม่มีความรู้สึก “เมื่อกี้คุณหนูฉินเพิ่งแก้ซอร์สโค้ดรึ?”
เฉิงหั่วเปิดคอมหยิบขึ้นมาดูก่อนพูด “อา” ออกมาคำหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะอาการยังไม่หายดีจากแรงชก “น่า…น่าจะแบบนั้นมั้ง”
หุ่นยนต์AI เป็นเทคโนโลยีชิ้นสำคัญของอวิ๋นกวง
แม้รหัสโค้ดที่พวกเขาเอาออกมาจะไม่เกี่ยวข้องกับแกนหลัก แต่ทั้งเฉิงหั่วและเจอร์รี่ก็รู้ดีว่าในกลุ่มของพวกเขาจะต้องเจาะเข้าถึงส่วนอื่นๆ ได้ในช่วงเวลาเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
เป็นการยากที่จะแก้ไขปัญหากับเรื่องที่ไม่ได้ศึกษามานานกว่าห้าปี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคุณชายลู่โดยตรง
แล้วเหตุใดฉินหร่านถึงได้…ถึงได้แก้โค้ดแบบนี้ได้?
แต่ก่อนเฉิงหั่วเคยเดากับเฉิงสุ่ยไว้ว่าฉินหร่านอาจเป็นคนของอวิ๋นกวง แต่ก็ไม่มีข้อมูลอายุของฉินหร่านเขียนกำกับไว้ ต่อให้เฉิงหั่วมองเรื่องนี้ลึกลงไป ก็ไม่กล้าคิดว่าสถานะของฉินหร่านอยู่สูงขนาดไหน
แต่ว่า ตอนนี้…เขาถึงกับพูดไม่ออก
“พี่ใหญ่ พี่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอ?” ในที่สุดเฉิงสุ่ยก็มองไปยังเฉิงเจวี้ยนที่เริ่มนั่งเปิดเอกสารดูอยู่เงียบๆ จากโต๊ะหนังสืออีกฝั่ง และถามขึ้น
เฉิงเจวี้ยนส่ายหน้า แววตามีความขี้เกียจเล็กน้อย เลิกคิ้วพลางพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า “ไม่รู้ แต่ว่าดูจากทักษะของเธอแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?” สามารถตามเช็ดก้นของกู้ซีฉือมาตั้งหลายปีได้ ทั้งมีทักษะการใช้คอมได้ใกล้เคียงกับประธานสมาคมแฮ็กเกอร์ อีกทั้งยังถูกอวิ๋นกวงเรียกตัวให้เข้าร่วมด้วย เขาจึงรู้สึกไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่หากอีกฝ่ายเป็นถึงหัวหน้าITของอวิ๋นกวงในแถบภูมิภาคเอเชีย
เฉิงเจวี้ยนกลับรู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของอวิ๋นกวงมีปัญหามากกว่าหากเธอไม่ได้ถูกเรียกตัว
เฉิงสุ่ย “…”**
ห้องของคุณชายลู่ชั้นหนึ่ง
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” คุณชายลู่เปิดคอม จากนั่นเลิกผ้าม่านมองดูโคมไฟด้านนอก น้ำเสียงฟังดูโล่งใจเล็กน้อย “ดีใจนะที่เห็นเธอมีความสุขแบบนี้”
เขายื่นมือลูบหัวฉินหร่าน
ตอนเด็กๆ ฉินหร่านชอบไปที่บ้านเขาเพื่ออ่านหนังสือ ล้วนเป็นหนังสือแนวบทความทั้งสิ้น ยังมีหนังสือโค้ดรหัสอีกกองหนึ่ง
คุณชายลู่มีนิสัยรักสันโดษ อาศัยอยู่ตัวคนเดียว เปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ ฝีมือการซ่อมคอมนับว่าไม่เลว บรรยากาศในร้านของเขาเงียบสงบยิ่ง
ฉินหร่านยังชอบมาอ่านหนังสือที่บ้านของเขา ยากนักที่จะได้เจอคนที่มีนิสัยเหมือนกับตน เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร คุณชายลู่จึงมีความรู้สึกใกล้ชิดที่ไม่อาจอธิบายได้ต่อฉินหร่าน และสำหรับฉินหร่านก็ถือเป็นข้อยกเว้นนับครั้งไม่ถ้วน
ทั้งยังส่งหนังสือให้เธอตั้งหลายเล่ม ในตอนแรกฉินหร่านเองก็ถือกลับบ้านด้วย ทว่าต่อมาหลังจากที่ฉินอวี่หยิบหนังสือของเธอไปก็ไม่ได้ขอหนังสือเล่มไหนอีก หากอยากอ่านหนังสือ ก็ไปนั่งอ่านที่ฝั่งชั้นวางหนังสือในบ้านเขาเลย
หลายปีมานี้ คุณชายลู่รับรู้ได้ว่าฉินหร่านกำลังปิดซ่อนภูเขาไฟที่กำลังปะทุอยู่ในใจ นับวันเขายิ่งกังวลเรื่องสถานะของเธอ แต่ไม่รอให้เขาหาโอกาสเล่ารายละเอียดให้ฉินหร่านฟัง เธอก็จากไปปีหนึ่งแล้ว
“จริงสิ คุณชายหยางอยู่ที่นั่น เธอ…” คุณชายลู่เงยหน้ามองเธอ
ฉินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจ พลางวางมือทั้งสองข้างไว้ท้ายทอย พูดด้วยใบหน้าเอื่อยเฉื่อยว่า “นับว่าหนูเสียสละตัวเองอยู่เบื้องแล้วนี่คะ? พวกคุณมีเรื่องอะไรก็มาหาหนูก็ได้ ส่วนเรื่องอื่น ฟังแล้วรำคาญ”
เธอมีนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาทางอวิ๋นกวงกรุ๊ปก็ไม่เคยใช้ข้อสัญญาลงมือกับเธอ
ทว่าเธอยังอธิบายไม่จบ คุณชายลู่ก็ไม่ถามอะไรเธออีก
“แล้วคุณชายเฉิง…” เขานึกถึงเฉิงเจวี้ยนขึ้นมาได้ ก่อนมุ่นหัวคิ้วถาม “เธอรู้จักเขามานานเท่าไหร่แล้ว?”
“สามปีมั้ง?” ฉินหร่านเอียงหัว เรื่องนี้เธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
คุณชายลู่มองฉินหร่านรอบหนึ่งก่อนตอบ “อ้อ” ออกมา “สามปีเอง”
เขาพูดจบ ก็ไม่อยากพูดอะไรอีก
เพียงนั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างเงียบๆ
**
อีกทางด้านหนึ่ง ในที่สุดเฉิงหั่วก็ได้สติกลับมาทั้งออกมาจากห้องสมุดเดินไปยังชั้นหนึ่ง เจอร์รี่เดินพยุงไม้เท้าอยู่ด้านหลังของเขา
รหัสโค้ดทั้งหมดที่ฉินหร่านทำล้วนอยู่ในคอมของเฉิงหั่ว
เพื่อให้เจอร์รี่กลับไปตรวจสอบดูอีกครั้ง
ในช่วงเช้าที่คุณชายลู่อธิบายยังจัดการได้ไม่หมด ทั้งในช่วงเย็นมีของฉินหร่านมาเพิ่มอีกสามโค้ด เฉิงหั่วคาดการณ์ว่าน่าจะใช้เวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ถึงได้คำตอบ
เพียงแต่ในเวลานี้เรื่องโค้ดนี่ก็ไม่อาจทำให้เขาเลิกคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับฉินหร่านได้
อดคิดไม่ตกว่าแท้จริงแล้วฉินหร่านคือใครกันแน่?
หลังจากคัดลอกโค้ดของเจอร์รี่เสร็จ
ทันใดนั้นในหัวของเฉิงหั่วก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นวาบหนึ่ง
เขาไม่ได้เอาแฟลชไดฟ์ให้เจอร์รี่ เพียงแค่พิมพ์ปุ่มลัดออกมาบนหน้าจอเว็บเพจของเสี่ยวเฮย
บนหน้าจอล้วนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
เจอร์รี่ไม่เข้าใจว่าเว็บเพจนี้คืออะไร กลับเห็นเฉิงหั่วย้ายข้อมูลไฟล์ของสมาชิกคนหนึ่งออกมา
ข้อมูลต่างๆ นานาของคนแต่ละประเทศล้วนขึ้นอยู่บนหน้าจอ
เฉิงหั่วกำลังค้นหาในแถบค้นหารูปภาพใบหนึ่งที่ดูเหมือนถูกตัดทิ้งออกไป ไม่ถึงหนึ่งวินาที ข้อมูลของผู้ชายที่หน้าตาดูจืดชืดคนหนึ่งเด้งขึ้น
เฉิงหั่วจ้องเขม็งบนรูปภาพนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
“นี่ใคร?” เจอร์รี่ถาม
เฉิงหั่วถอนหายใจเฮือกใหญ่ครั้งหนึ่ง ก่อนลุกขึ้น “เป็นสมาชิกเก่าสมาคมแฮ็กเกอร์ สองปีก่อนลาออกจากสมาคมด้วยตัวเอง” เมื่อได้ยินว่าเป็นสมาชิกของสมาคมแฮ็กเกอร์ ทั้งยังเป็นสมาชิกเก่า เจอร์รี่ที่ไม่เคยเห็นเขามีหน้าตาจริงจังดุจเทพเจ้าก็รู้สึกนับถือขึ้นมา
เฉิงหั่วกลับนิ่งเงียบ
เขายังจำที่ผู้กองห่าวพูดถึงคนคนนี้ได้ว่ามักเดินตามหลังฉินหร่านราวกับเด็กอมมือคนหนึ่ง
เป็นคนที่เคยอยู่ในสมาคมแฮ็กเกอร์คนหนึ่ง เหตุใดถึงก้มหัวให้ฉินหร่านได้?
เข้าปริ้นท์รูปคนนี้ออกมา จากนั้นเปิดประตูเดินไปถามเฉิงมู่ที่ลานฝึกซ้อม
เจอร์รี่แปลกใจที่เฉิงหั่วมีท่าทีแบบนี้ จึงเดินตามเฉิงหั่วไป
ห้องของเฉิงหั่วอยู่ชั้นล่าง เขาเปิดประตูเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบกับเฉิงมู่ที่เดินออกมาจากลานซ้อมโดยบังเอิญ
“เฉิงมู่ ขอถามอะไรหน่อย ไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนนายกับเสี่ยวเฮยจะพูดคุยถูกคอกันมากใช่ไหม?” เฉิงหั่วเดินหน้าไปก้าวหนึ่ง พลางลูบรูปภาพใบนั้นในมือ
ช่วงเวลาที่มองเฉิงมู่ เขาก็เม้มปากอย่างไม่ตั้งใจ แสดงท่าทีขึงขังยิ่ง
ใบหน้าของเฉิงมู่บวมช้ำ เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงหยุดชะงักไป หันหน้าสบตาเฉิงหั่วอย่างไร้อารมณ์ “ฉันเคยเห็นAIอีกตัวที่ดูเหมือนกับเสี่ยวเฮย เป็นผู้ดูแลบ้านเพื่อนของฉินหร่าน ชื่อเสี่ยวเอ้อร์”