บทที่ 253

ถังหยินกล่าวด้วยสีหน้าดุดัน “ไม่ว่าแคว้นเฟิงและเบสซ่าจะขัดแย้งและขุ่นเคืองแค่ไหน ก็ให้มันเป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้ทั้งสองดินแดนสงบสุขต่อกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในการสู้รบครั้งนี้ ที่ทางเบสซ่าได้ส่งกำลังเสริมมาช่วยด้วยแล้ว”

คำพูดของเขาพุ่งตรงไปที่ชายทั้งสี่ หากแต่ผู้คนรอบ ๆ กลับอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ก่อนที่พวกเขาจะพากันหันหน้าหนี แสร้งเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แม้ว่าหญิงสาวจะไม่เข้าใจสิ่งที่ถังหยินพูด แต่ชัวน่าก็ยังสามารถรู้ได้จากปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้าง ทำให้นางไม่จำเป็นต้องถามอีกก็เข้าใจ

ชายคนนั้นรู้สึกอับอายหลังจากที่ถังหยินพูดออกมาแบบนั้นต่อหน้าสาธารณชน ทำให้เขาโกรธ และตะโกนออกมา “เจ้าหนุ่มนี่ ไม่เพียงแต่จะอยู่กับพวกป่าเถื่อน เจ้ายังพยายามเถียงแทนคนพวกนี้อีกหรือ ! ได้สิ ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าเอง !” ว่าแล้วชายคนนั้นก็ดึงมีดสั้นออกมาจากเอวของเขา ก่อนที่ในพริบตามีดสั้นจะกลายเป็นมีดยาวสีน้ำเงินบาง

ในเวลาเดียวกัน ทั้งสามคนในฝั่งของชายคนนั้นก็ได้หยิบอาวุธออกมาและทำให้พวกมันกลายเป็นอาวุธปราณ ก่อนเข้าล้อมถังหยินไว้เป็นครึ่งวงกลม

ไม่น่าแปลกใจที่สี่คนนี้กล้าออกมาสร้างความเดือดร้อน ที่แท้ก็เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้นนี่เอง !

โดยไม่รอให้ถังหยินตอบสนอง หยวนอู่และหยวนเปียวก็รีบเข้าประกบข้างถังหยิน ก่อนจะเกิดหมอกปราณสีขาวที่เข้าล้อมรอบพวกเขา แล้วจึงกลายเป็นอาวุธปราณเพื่อเข้าปกป้องถังหยินทันที

เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังจะเริ่มการต่อสู้ ผู้คนในร้านก็พากันวางชามและตะเกียบลงก่อนวิ่งออกไป ส่วนคนที่กล้าหาญกว่าหน่อย พวกเขาก็เลือกที่จะถอยห่างออกไปไกล ๆ แล้วจึงหันมามองจากข้างสนาม

ถังหยินไม่เห็นทั้งสี่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เขาโบกมือไปทางหยวนอู่และหยวนเปียว เพื่อบอกให้ถอยออกไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกยืนและมองไปที่คนพวกนั้น “พวกเจ้าจะใช้อาวุธที่มีไว้สู้กับพวกศัตรูมาห้ำหั่นใส่พวกเดียวกันเองอย่างนั้นเหรอ ?”

“บัดซบ !” ชายผู้เป็นหัวหน้าคนนั้นตะโกน ก่อนจะกล่าวท้าทายออกไปว่า “เจ้าหนุ่มนี่ ถ้าเจ้ามีความกล้า งั้นก็สู้กับข้าสิ !”

ถังหยินส่ายหัว

คนตัวโตพูดอย่างภาคภูมิใจ “อะไร ไม่กล้าเหรอ ?”

“ไม่ ! ที่ข้าส่ายหัวก็เพื่อบอกว่าเจ้าไม่ใช่คู่มือข้า !”

“เจ้า !” ชายร่างใหญ่ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาร้องคำรามและเหวี่ยงมีดปราณในมือสับตรงไปที่หัวของถังหยินอย่างแรง

“อะ… ?” ชัวน่าอ้าปากค้าง กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ด้วยตอนนี้ถังหยินไม่มีชุดเกราะปราณหรืออาวุธอยู่ในมือเลย แล้วเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร ?

หญิงสาวไม่ได้ห่วงอันตรายของตนแม้แต่น้อย ในขณะที่นางทำการยื่นแขนออกไปเพื่อขัดขวางการโจมตีโดยไม่รู้ตัว …อย่างไรก็ตาม ความกังวลของนางนั้นไม่จำเป็นเลย

หญิงสาวที่เพิ่งยื่นมือเข้ามาไม่ทันไร อยู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงแรงส่งเข้าคว้าที่เอว และก่อนที่นางจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของชัวน่าก็พลันขยับเปลี่ยนทิศ ก่อนจะตามมาด้วยชายหนุ่มที่เอียงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบปลายใบมีดของอีกฝ่าย พร้อม ๆ กันกับที่เกิดแสงเย็นปรากฏขึ้น

อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อชายร่างใหญ่ถอนมีดออกและกำลังจะโจมตีอีกครั้ง หมวกบนศีรษะของเขาก็พลันหลุดออกทันที พร้อมกับเส้นผมจำนวนที่มากร่วงหล่นลงมา

“ว้ากกกก !” ชายร่างใหญ่ไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รีบถอยหลังไป 2 ก้าวโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะรู้สึกหนาวสั่นที่ศีรษะจนต้องยกมือขึ้นสัมผัสมัน ทำให้เขาพบเข้ากับหนังศีรษะล้านเลี่ยนที่ปราศจากเส้นผม !

หัวใจของเขาเต้นรัว ก่อนมองลงไปอีกครั้งและเห็นว่าที่พื้นมีเส้นผมของตนหล่นเกลื่อน กับหมวกที่ตกลงไปไม่ไกลนัก

“อ๊า ?” ใบหน้าของชายร่างใหญ่เปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองไปยังถังหยินที่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจว่าเป็นชายตรงหน้าหรือเปล่าที่ทำการโจมตีตน

การโจมตีของถังหยินเร็วเกินไป เขาดึงใบมีดออกมาและเก็บกลับไปในคราวเดียว ทำให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจ …และอย่าว่าแต่ชายร่างใหญ่เลย เพราะแม้แต่คนอื่น ๆ เองก็ไม่เห็นเช่นกัน

“ถ้าข้าต้องการชีวิตของเจ้า มันก็ง่ายเหมือนพลิกมือ ทว่าเจ้าก็ไม่ต้องขอบคุณที่ข้าแสดงความเมตตา ด้วยถ้าเจ้าอยากขอบคุณ งั้นแล้วเจ้าก็ควรไปขอบคุณบิดามารดาของเจ้า !” หลังจากที่เขาพูดจบ ถังหยินก็ก้มหัวลงและมองไปที่อาหารบนโต๊ะ ด้วยเขายังไม่อิ่ม

“เรียบร้อยดีไหม ?” ชัวน่าเอ่ยถามความงุนงง ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่ด้านข้างของถังหยิน

หญิงสาวเคยเห็นศิลปะการต่อสู้ของถังหยินมาก่อน ซึ่งมันก็ทำให้นางรู้ดีถึงความร้ายกาจของอีกฝ่าย หากแต่เมื่อได้เห็นการโจมตีในครั้งนี้ มันก็ทำให้อดไม่ได้ที่นางจะตกใจกับมัน

“เจ้า…เจ้า นี่เจ้า ?” ชายคนนั้นฟื้นสติ ใช้นิ้วชี้ไปที่ถังหยิน ก่อนจะชะงักแล้วเปลี่ยนท่าทีเมื่อเห็นดวงตาของชายหนุ่ม

“ฮึ” ถังหยินส่งเสียงออกไปเบา ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขากลัวคนว่าที่นี่จะแพร่กระจายไปทั่วว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนโหดร้ายแล้ว มีหรือที่ชายหนุ่มจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ ?

ด้วยการเฉือนเพียงครั้งเดียว ชายร่างกำยำทั้งสี่ที่ก่อปัญหาก็พลันหนีไปในทันที ทำให้ผู้คนที่มองมาหวาดกลัว และไม่กล้าที่จะพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับเบสซ่าอีก

หลังจากชำระเงินค่าอาหารแล้ว ถังหยินก็พาชัวน่าและคนที่เหลือกลับไปยังที่พัก

ระหว่างทางกลับ ชัวน่ารู้สึกสงสัยและอิจฉาในความสามารถของถังหยิน ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปหาชายหนุ่ม ทำให้ถังหยินหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรเหรอ ?”

“ความเร็วนั่น เจ้าทำได้ยังไง ?” ชัวน่ามองไปที่ชายหนุ่มด้วยท่าทีจริงจัง

ถังหยินยักไหล่และพูดอย่างไม่เป็นทางการ “ถ้าฝึกฝนล่ะก็ ใคร ๆ ก็ทำได้”

ชัวน่ากล่าวว่า “แล้วเจ้าสอนข้าได้ไหม ?”

ถังหยินถอนหายใจ พูดว่า “เราจะได้เห็นกันเมื่อมีโอกาสในอนาคต”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ชัวน่าก็พลันเปลี่ยนเรื่องและถามออกไปว่า “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคนพวกนั้นถึงอยากที่จะฆ่าข้ากัน ?”

ถังหยินไม่ต้องการทำให้หญิงสาวรู้สึกแย่จนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีกับเบสซ่า ดังนั้นเขาจึงกลอกตาไปมาและหัวเราะ “อาจเป็นเพราะ เจ้าสวยเกินไป ?!”

แม้ว่าหญิงสาวจะรู้ว่าสิ่งที่ถังหยินพูดเป็นเรื่องตลก ทว่าชัวน่าก็ยังคงรู้สึกสนุกกับมันมาก ทำให้นางยิ้มและถามถังหยิน “แล้วเจ้าคิดว่าข้าสวยไหมล่ะ ?”

เกี่ยวกับความงามของชัวน่า ถังหยินไม่เคยที่จะโกหก และโดยไม่ได้คิดอะไร เขาก็พลันพยักหน้า ตอบไปว่า “แน่นอน”

ชัวน่ายิ้มและกล่าวขอบคุณเบา ๆ ก่อนที่จะทำการหมุนร่างของตัวเองเข้าไปจูบที่แก้มของถังหยินเบา ๆ

ถังหยินแทบไม่ได้รู้สึกอะไรจากจูบอันอ่อนโยนดังกล่าว ทว่าคนอื่น ๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยทันทีที่พวกเขาเห็นภาพตรงหน้า คนทั้งหมดก็พากันตาเบิกกว้าง ด้วยแม้ว่าแคว้นเฟิงจะเปิดรับวัฒนธรรมของแดนอื่น แต่ก็ไม่ถึงขนาดเปิดให้ชายและหญิงจูบกันในที่สาธารณะเช่นนี้ !

ยิ่งไปกว่านั้น ….ชัวน่าก็เป็นเจ้าหญิงของเบสซ่า แล้วที่นางทำมันหมายถึงอะไรกัน เหตุใดหญิงสาวจึงเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะจูบ ? อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคน ?

จิตใจของสองพี่น้องตระกูลหยวนตกอยู่ในความสับสน ได้แต่ใช้สายตาจ้องมองไปที่แผ่นหลังของถังหยิน

หลังจากเข้าไปในโรงเตี๊ยมอันเป็นที่พัก ทุกคนก็นั่งลงในห้องของชัวน่า ก่อนจะเป็นถังหยินที่เปิดเผยความตั้งใจของเขา บอกไปว่าตัวเองต้องการจะยืมเส้นทางในอาณาเขตมอร์ฟีสเพื่อลอบโจมตีประตูตง แล้วจึงถามไปว่า ชัวน่าสามารถช่วยประสานงานได้หรือไม่ ?

โดยไม่รอให้ชัวน่าพูดจา เบลนก็เริ่มหัวเราะเสียงดัง “นี่มันอะไรกันเนี่ย ! เรื่องแค่นี้เอง ไม่มีปัญหาใดอยู่แล้ว !”

เกรย์ เทร็ดเวลล์ ขุนนางหนุ่มอีกคนพูดอย่างใจเย็นว่า “แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องง่าย ๆ ทว่าเราก็ยังต้องรายงานให้เจ้าของดินแดนที่เป็นทางผ่านทราบก่อนอยู่ดี”

เบลนคิดเรื่องนี้แล้วพยักหน้า ด้วยแม้ว่าเรื่องนี้จะเล็กน้อย หากแต่การที่จะให้กองทัพจากแคว้นเฟิงเดินผ่าน มันก็ควรได้รับอนุญาตจากราชาแห่งรัฐดูกีซะก่อน

ชัวน่ากล่าวว่า “ข้าจะเขียนจดหมายถึงทางนั้นเพื่อชี้แจงเรื่องนี้เอง เอาไว้ถ้าได้ผลยังไง ข้าจะแจ้งให้ทราบ”

ถังหยินหัวเราะและถามว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากราชาแห่งรัฐดูกีไม่เห็นด้วย ?”

“ ไม่มีทางหรอก !” ชัวน่ามีความมั่นใจอย่างเต็มที่ขณะที่นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นออกอีกคราว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดถึงในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดนเลย ด้วยเพียงแค่เป็นคำจากปากเรา อีกฝ่ายก็ไม่กล้าที่จะขัดแล้ว !”

รัฐเบสซ่าเป็นรัฐที่แข็งแกร่ง ทำให้พวกเขามีอำนาจมากไปด้วยโดยปริยาย แล้วถึงจะมีบางรัฐที่เป็นปรปักษ์ต่อกัน หากแต่รัฐดูกีก็ไม่ใช่หนึ่งในนั้น

หลังจากได้ยินคำพูดของหญิงสาว ถังหยินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและพูดว่า “ตกลง เอาเป็นว่าข้าฝากเรื่องนี้ไว้กับเจ้าด้วย !”

“มีอะไรต้องเกรงใจกัน” ชัวน่าหัวเราะ “แล้วก็นะถังหยิน จากนี้ไปอย่าเรียกข้าว่าเจ้าหญิงอีกเลย เรียกข้าว่าชัวน่าเถอะ”

“ แน่นอน” ถังหยินยิ้มอย่างมีความสุข พยักหน้ายอมรับ

เรื่องนี้ถือได้ว่าวางใจได้แล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำการร้องสั่งให้แม่ทัพนายหนึ่งนำกำลังทหาร 2 กองพันกับทหารม้าเกราะหนักของเบสซ่า 1 หมื่นนายเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย !

ในเวลาเดียวกันนั้น ชายหนุ่มยังได้สั่งให้ชิวเจิ้นทำการส่งสารไปยังหยวนจี้ เซ่าฮุย และยูเต๋า โดยบอกให้พวกเขาออกเดินทางมาทันที เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการในการปราบปรามซ่งเทียน !