พนักงานฉวนหมินรีวิวทำงานรวดเร็วมาก สองนาทีต่อมา พอหวังเผิงเปิดเข้าไปดูในแอปใหม่ก็พบว่ามีร้านไม่ระบุชื่อปรากฏขึ้นตรงที่ตั้งภัตตาคารนี้
แต่รายละเอียดอื่นๆ ว่างเปล่า ไม่มีข้อมูลอะไรเลย
หน้าข้อมูลของร้านอื่นๆ ในฉวนหมินรีวิวทำออกมาได้ดีมาก มีรูป ชื่อร้าน คะแนน บทรีวิว ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย ตำแหน่งที่ตั้ง และอื่นๆ
แต่ร้านนี้เป็นแค่หน้าเปล่าๆ ไม่มีอะไร
หวังเผิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มกรอกข้อมูลลงไป
ชื่อปล่อยว่างไว้เหมือนเดิม
ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย ดูจากมื้อนี้ก็จะเป็น มากกว่าห้าพันหยวน
เรื่องคะแนนค่อนข้างเป็นปัญหา
หวังเผิงอยากให้ 4.8 คะแนน แต่พอค้นดูร้านอื่นๆ ในเมืองจิงโจวที่ได้ 4.8 คะแนนแล้วก็พบว่าไม่มีร้านไหนสู้ภัตตาคารไร้ชื่อแห่งนี้ได้เลย
ทั้งรสชาติ บรรยากาศ และการบริการ จะให้แค่ 4.8 คะแนนก็คงไม่เหมาะ
ต้องให้คะแนนเต็ม!
หวังเผิงให้คะแนนห้าเต็มห้าในทุกเกณฑ์
รูปไม่มีเพราะร้านไม่ให้ถ่าย
หวังเผิงถ่ายรูปหน้าร้านมาได้ แต่ดูแล้วก็เป็นแค่วิลล่าธรรมดา ไม่สามารถบอกความสุดยอดข้างในได้ เขาคิดว่าลงรูปหน้าร้านไปก็ไม่ได้อะไรเลยตัดสินใจไม่ลง
จากนั้น หวังเผิงก็เขียนรีวิวอย่างจริงจัง
“ในภาพรวม ภัตตาคารนี้คือที่สุดในจิงโจวตอนนี้ ไม่มีร้านไหนเทียบได้ ผมสั่งอาหารไปสามสี่อย่าง วัตถุดิบที่ใช้เป็นของที่ดีที่สุดที่สามารถหาได้ในประเทศ และต้องจองล่วงหน้าวันถึงสองวัน อาหารรสชาติดีเยี่ยม น่าจะจ้างเชฟมาจากหลายที่ถึงมีเมนูอาหารหลากหลายขนาดนี้
“บรรยากาศร้านเงียบสงบมาก การตกแต่งต่างๆ อิงตามประเภทอาหารที่เสิร์ฟ มีความพิถีพิถันมาก
“การบริการดีเยี่ยม ไม่ต้องบอกอะไรเลย พนักงานจัดการดูแลให้ทุกอย่าง แต่กลับไม่รู้สึกรำคาญหรือเป็นการรบกวนเลย แปลกมาก
“ร้านนี้มีกฎห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด แต่ก็ช่วยให้ดื่มด่ำกับอาหารตรงหน้าได้เอร็ดอร่อยมากขึ้น
“สรุปสั้นๆ คืออิจฉาเพื่อนๆ ที่อยู่จิงโจวมาก”
หวังเผิงไม่ได้รีวิวเว่อร์เกินไป เขาเขียนจากประสบการณ์ตามจริง
แต่เขาโพสต์รีวิวด้วยบัญชีทางการที่มีสัญลักษณ์ตัววีสีแดง ของตัวเอง จึงมีความน่าเชื่อถือกว่ารีวิวของคนทั่วไป
…
คืนนั้น
หลังจากหวังเผิงโพสต์รีวิวไปก็ได้ไลก์และคอมเมนต์กลับมามากมาย
เนื่องจากเป็นผู้ร่วมก่อตั้งฉวนหมินรีวิว บัญชีที่ใช้รีวิวของหวังเผิงจึงเป็นบัญชีทางการที่มีตัววีสีแดง และพนักงานฉวนหมินรีวิวเองก็กดสนับสนุนบัญชีเขาด้วย ถ้ามีสองบัญชีรีวิวร้านอาหารเดียวกัน รีวิวของหวังเผิงจะได้รับความนิยมกว่า
ขณะเดียวกันหวังเผิงเองก็เป็นคนน่าเกรงขามและมีความรับผิดชอบ เขาจะรีวิวทุกร้านที่เคยไปอย่างจริงจังเสมอ
ดังนั้นบัญชีของหวังเผิงจึงมีผู้ติดตามหลักหมื่น หลังจากโพสต์รีวิวไป ผู้ติดตามก็เห็นทันที
แต่พอเห็นหน้ารายละเอียดร้าน ชาวเน็ตก็ต้องงุนงงไปตามๆ กัน
ไม่มีรูป ไม่มีชื่อ!
ตรงชื่อร้านเว้นว่างไว้ หน้ารายละเอียดก็ดูจะเพิ่งสร้างขึ้นอย่างเร่งด่วน
เลื่อนต่อลงมาพบกับคะแนนห้าเต็มห้า ส่วนค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยทำให้ทุกคนตื่นตะลึง
“ทางเว็บรีวิวเองเลยเหรอ”
“เว็บแนะนำเองขนาดนี้ ฉันว่าเดี๋ยวต้องดังเป็นพลุแตกแน่”
“จำได้ว่าเกณฑ์ให้คะแนนของบอสหวังโหดมาก แต่นี่ได้คะแนนเต็มเลยเหรอ หรือทางเว็บพยายามจะโปรโมตร้าน”
“ใครกันที่จ้างบอสเผยให้ช่วยโปรโมตได้ ต้องเงินหนามากแน่ๆ!”
“ทำไมร้านไม่มีชื่อล่ะ หรือว่าเป็นบั๊กระบบ”
“มีแค่บอสหวังที่รีวิว ไม่มีรูปเลย”
“ตกคนละห้าพันหยวนเหรอ สู้ราคาไม่ไหวหรอก! บอสหวังรวยนี่เนอะ ชาวบ้านอย่างเราก็ได้แค่มองตาปริบๆ…”
“มาตรฐานภัตตาคารระดับสูงของเมืองจิงโจวยังห่างชั้นกับภัตตาคารในปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้ จ่ายขนาดนั้นจะคุ้มจริงๆ เหรอ”
ทุกคนเริ่มฮือฮา
ถึงจะสู้ราคาไม่ไหว แต่พวกเขาก็มามุงคุยกันได้
ชาวจิงโจวหลายคนอึ้งกันใหญ่ มีภัตตาคารระดับสูงแบบนี้ในจิงโจวตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน
เหล่าไฮโซจากที่ต่างๆ ก็เริ่มสนใจภัตตาคารนี้ ถ้าหวังเผิงให้คะแนนห้าเต็มห้า ร้านนี้ก็น่าจะคุณภาพใช้ได้เลย ถ้ามีโอกาสไปจิงโจวครั้งหน้าต้องหาเวลาไปลิ้มลองแน่นอน
แฟนตัวยงหลายคนต่างเข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์รีวิวของหวังเผิง ส่วนหวังเผิงเองก็คอยตอบคอมเมนต์อย่างกระตือรืนร้น
“ผมรู้ว่ารีวิวที่ดีต้องมีรูปอย่างน้อยสามรูป แต่ร้านนี้ห้ามถ่ายรูป ผมเลยไม่มีรูปมาฝาก”
“แพงจริงครับ แต่วัตถุดิบ ฝีมือเชฟ บรรยากาศร้าน และการบริการทำให้รู้สึกคุ้มค่ามาก ถ้าคุณอยากลองกินอาหารหรูๆ ก็ลองไปร้านนี้ดูครับ รับรองประสบการณ์ที่ได้ไม่ผิดหวังแน่นอน”
“เมนูแนะนำเหรอครับ ตอบยากจัง ผมได้ลองแค่ไม่กี่เมนู แต่เด็ดทุกจานเลย ผมว่าเมนูอื่นๆ ก็น่าจะเด็ดไม่แพ้กัน เพราะร้านนี้ให้ความสำคัญกับคุณภาพที่สุด”
“ไม่ได้โดนจ้างมาครับ จริงๆ เจ้าของร้านเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากเป็นจุดเด่น ผมอยากติดต่อให้มาเป็นพาร์ตเนอร์แต่ก็โดนปฏิเสธ ผมแค่คิดว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของฉวนหมินรีวิว ผมมีหน้าที่ต้องแนะนำร้านดีๆ แบบนี้ให้ทุกคน นี่คือภารกิจของพวกเราฉวนหมินรีวิว”
หลังจากเลือกตอบคอมเมนต์ของแฟนคลับตัวยงบางส่วน หวังเผิงก็วางมือถือลงด้วยความพึงพอใจ
ภารกิจของฉวนหมินรีวิวตั้งแต่ก่อตั้งคือการรวบรวมข้อมูลมาเผยแพร่สู่สาธารณะ ให้บริการสาธารณชน และเขียนรีวิวร้านอาหารและภัตตาคารอย่างซื่อสัตย์เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักร้านดีๆ และเปิดโปงร้านแย่ๆ
ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งฉวนหมินรีวิว หวังเผิงรู้สึกว่าเขาทำภารกิจนี้ได้สำเร็จลุล่วง
เหมือนสำนวนที่ว่า ให้ดอกกุหลาบไป แต่กลิ่นยังติดมือ
การช่วยโฆษณาภัตตาคารไร้ชื่อน่าจะทำให้เจ้าของร้านดีใจ ไม่แน่อาจจะอยากมาร่วมงานกับฉวนหมินรีวิวทีหลังก็ได้
หวังเผิงแสนเบิกบานใจ
…
…
วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม
เผยเชียนโยนจอยเกมทิ้งพลางนวดไหล่ตัวเอง
เหนื่อยชะมัดยาด!
เผยเชียนทรมานมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ถึงจะเริ่มชินกับเกมแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีความสุขกับการต้องทนทุกข์ทรมานอย่างเผยเชียน มันไม่ได้รื่นรมย์เลยสักนิด
“ถ้าไม่ใช่เพื่อเป้าหมายในการขาดทุน ฉันคงไม่ทุ่มเทขนาดนี้…”
เผยเชียนมองตัวละครบนหน้าจอ ในมือของตัวละครถือผู่ตู้อยู่ ตอนนี้เขาไปถึงทางเข้าสังสารวัฏทั้งหกแล้ว แต่ก็ยังมีการต่อสู้สุดโหดอีกมากมายที่ต้องฟันฝ่า
โชคดีว่าถ้าคืบหน้าไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เผยเชียนก็น่าจะเล่นถึงฉากจบได้ก่อนวางขายเกมอย่างเป็นทางการ
“ไปดูอาจารย์เฉียวสักหน่อยดีกว่าว่าเป็นยังไงบ้าง”
เผยเชียนปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ลุกยืนขึ้น เตรียมพร้อมมุ่งหน้าไปร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู
สุดสัปดาห์ก่อน หลังจากกินมื้อค่ำกับอาจารย์เฉียวที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุน เผยเชียนก็ไม่ได้ไปที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนอีก
สำหรับเรื่องการจัดงานเลี้ยง เผยเชียนสามารถเลี้ยงต้อนรับแขกได้สัปดาห์ละครั้ง ไม่สามารถไปซ้ำได้บ่อยๆ เพราะระบบไม่อนุญาต
เผยเชียนจึงคิดว่านี่ก็ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว เขาน่าจะหาเหตุผลในช่วงวันหยุดที่จะถึงนี้ไปกินอาหารที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนอีก
ส่วนเหตุผลครั้งนี้นั้น..
ง่ายมาก เขาขอความเห็นอาจารย์เฉียวเรื่องการปรับปรุงตัวเกมได้ ซึ่งจะถือว่าเป็นประโยชน์กับเถิงต๋า และเป็นเหตุผลที่เหมาะสมในการไปกินอาหารที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุน
…
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขามหาวิทยาลัยฮั่นตง
เฉียวเหลียงกดหยุดเกมแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาสั่งค็อกเทลมาสองแก้ว ตอนนี้รู้สึกเพลิดเพลินใจมาก
หลังจากเล่นเกมมาได้หนึ่งสัปดาห์ เขาก็พบว่าตัวเองเริ่มคุ้นชินกับเกมแล้ว!
ตอนเริ่มต้นนั้นสาหัสมาก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเพราะระดับความยากของมอนสเตอร์แค่อย่างเดียว แต่มีความยากเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับระบบการเล่นเกมใหม่รวมอยู่ด้วย
ถ้าผู้เล่นไม่ปรับตัวให้เข้ากับระบบการเล่น ก็จะพบว่าเกมยากมาก แต่หลังจากปรับตัวได้ พวกเขาจะรู้สึกว่าเกมยากน้อยลงมาหน่อย
เกม RPG ทั่วไปจะเป็นมิตรกับผู้เล่นมาก ไม่มีการลงโทษถ้าผู้เล่นพลาด ทำให้หลายคนเคยชินกับอะไรแบบนี้ พวกเขาคิดว่าแค่ให้มอนสเตอร์ตีสักครั้งสองครั้งไม่น่าจะเป็นอะไร
แต่เกมกลับใจคือฟากฝั่งบังคับให้ผู้เล่นตั้งใจเล่นเต็มที่แม้จะสู้กับมอนสเตอร์ลูกกระจ๊อก ต้องคอยจดจำรูปแบบการโจมตีและความเร็วของมอนสเตอร์ด้วย
หลังจากเปลี่ยนวิธีคิดได้แล้ว เฉียวเหลียงก็พบว่าเกมไม่ได้ยากขนาดนั้น เขาคิดว่าเกมแบบนี้น่าเล่นกว่าเกมอื่นๆ อีก
“เฮ้อ ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจบอสเผยผิดไปจริงๆ
“เกมกลับใจคือฟากฝั่งเป็นเกมสำหรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่แท้จริง ในเกมเต็มไปด้วยองค์ประกอบใหม่ๆ มากมาย ไม่ได้ตั้งใจสร้างมาทรมานผู้เล่น!
“ถ้าตั้งใจจะทรมานผู้เล่นจริงๆ ก็น่าจะปรับการออกแบบเกมให้ยากและโหดกว่านี้ บอสเผยมีวิธีเป็นหมื่นๆ ที่จะทำให้เล่นเกมไม่ผ่าน แต่บอสก็ไม่ทำแบบนั้นและเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้พยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ
“ก่อนหน้านี้ฉันสงสัยในตัวบอสเผยไปได้ยังไงนะ แย่จริงๆ!”
เฉียวเหลียงรู้สึกว่าเกมน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงแรกเขาคิดว่าการเล่นเกมนี้คือความทรมานอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับมองว่าเป็นความท้าทาย แถมยังรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในทุกวัน!
นอกจากนั้นเขายังคิดว่าชีวิตที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูนั้นสงบสุขมากๆ!
คอมพิวเตอร์ที่นี่ดีกว่าคอมพิวเตอร์ที่บ้านเขา นอกจากสเป็กจะดีแล้ว คีย์บอร์ด เมาส์ หูฟัง และจอยล้วนเป็นของดีหมด
สำหรับเกมกลับใจคือฟากฝั่งที่ผู้เล่นสามารถโดนสังหารได้ในชั่วเสี้ยววินาที เฟรมเรตที่สูงและการเชื่อมต่อที่ไม่มีดีเลย์เป็นสิ่งสำคัญมาก พอมีคอมพิวเตอร์ที่เล่นเกมได้ลื่นๆ แบบนี้ เขาก็แทบหยุดเล่นเกมไม่ได้
นอกจากนั้นร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูยังมีกาแฟกับค็อกเทลให้สั่ง อาหารในแต่ละวันก็เป็นอาหารพื้นๆ ที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหาร ดีต่อสุขภาพ และอร่อยถูกปาก แตกต่างจากอาหารมันเยิ้มของร้านอื่นๆ ลิบลับ
เฉียวเหลียงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายที่ร้าน เขารู้สึกว่าร้านนี้คือแดนสวรรค์ของเหล่าเด็กติดเกม!
ข้อเสียอย่างเดียวคือราคาสูงไปหน่อย
แต่ถ้าพิจารณาจากบรรยากาศภายในร้าน ราคาเท่านี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล