บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หนึ่งบรรทัดตัวอักษรปรากฏขึ้น

 

“มันมาแล้ว แต่มันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ดังนั้นคุณต้องแสดงให้มันเห็นว่ามีมันอยู่แค่ระบบเดียว”

 

หลังจากอ่านมัน กู่ฉิงซานก็ตอบกลับอย่างเงียบๆในจิตใจ “วางใจเถอะ ถ้าเป็นเรื่องการแสดงล่ะก็ เชื่อมือฉันได้เลย”

 

เขามองไปยังความว่างเปล่า

 

เห็นแค่เพียงหน้าต่างระบบเทพสงครามที่เป็นสีฟ้าอ่อนๆ ขณะที่หน้าต่างระบบเชื้อไฟเป็นสีแดงเลือดนก

 

ทั้งสองระบบปรากฏขึ้นพร้อมกันเบื้องหน้าเขา

 

นี่คือสิ่งที่ตนไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในตลอดทั้งสองช่วงชีวิต

 

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีระบบหนึ่ง ที่ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของอีกระบบหนึ่งอีกด้วย

 

เมื่อเวลาค่อยๆไหลผ่าน ทุกๆถ้อยตัวอักษรบนหน้าต่างระบบเทพสงครามก็ค่อยๆจางหายไป

 

แล้วบนหน้าต่างของเชื้อไฟ ก็ปรากฏตัวอักษรเด้งขึ้นมา

 

“เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : เชื้อไฟ ได้รับการดาวโหลดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้กลายเป็นผู้เบิกทาง หรือกล่าวอีกความหมายหนึ่งว่าเป็นผู้บุกเบิกเกมๆนี้ อย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง”

 

กู่ฉิงซานแกล้งทำเป็นอ่านไม่ออก แต่กลับแสดงแววตาเปล่งประกายที่ดูตื่นเต้น “ตัวอักษรมากมายพวกนี้ มันหมายความว่ายังไงกัน?”

 

หน้าต่างเชื้อไฟ “ … ”

 

แล้วเชื้อไฟก็ค้นพบว่าตัวมันเองทำพลาดไปอีกแล้ว

 

ขณะเดียวกัน บนหน้าต่างระบบเทพสงครามก็ผุดบรรทัดตัวอักษรเด้งขึ้น “แสดงออกทางสีหน้าเวอร์เกินไปแล้ว”

 

กู่ฉิงซานพอโดนดุ ก็กระแอมไอแก้เขินเบาๆ แต่นั่นก็เพราะอารมณ์ความรู้สึกในจิตใจของเขามันกำลังคุกรุ่นเกินไป เลยทำให้การแสดงดูจะผิดปกติไปบ้างนั่นเอง

 

เขาพยายามค่อยๆผ่อนคลายสีหน้าของตัวเองลงทีละน้อย

 

ใช่แล้วล่ะ ก็ไม่เพียงมีสองระบบอยูในตัว แต่เขายังต้องกำจัดระบบหนึ่งออกไปด้วย นี่จึงไม่แปลกอะไรที่กู่ฉิงซานจะตึงเครียดเล็กน้อย

 

กู่ฉิงซานลดเสียงลง และหันไปพูดกับหน้าต่างเชื้อไฟว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าฉันคือผู้เบิกทาง แล้วฉันจะได้รับอะไรจากมัน?”

 

บนหน้าต่างเชื้อไฟ ปรากฏตัวอักษรต่างๆขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

แต่มันก็หยุดลงอย่างกระทันหัน ก่อนที่ข้อความทั้งหมดจะถูกดึงกลับไป

 

-นั่นเพราะเชื้อไฟตระหนักได้ว่าไอ้โง่นี่มันไม่รู้หนังสือ

 

ไม่นานนัก ข้อความทั้งหมดจึงถูกแทนที่ด้วยเสียง

 

“เริ่มจากช่วงเวลานี้ไป เชื้อไฟจะเข้ามาแทนที่ทริสเต้ และค่อยปล่อยภารกิจให้แก่คุณ”

 

“ถ้าอย่างงั้นแล้วฉันจะยังคงได้รับรางวัลอยู่ไหม?” กู่ฉิงซานเริ่มเผยถึงท่าทีกังวล

 

“แน่นอน เพราะมีเพียงผู้เข้าร่วมที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้น ที่จะได้รับการยินยอมให้ดาวโหลดระบบ เพื่อทำการบรรลุภารกิจ ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับรางวัลมากยิ่งกว่าผู้เข้าร่วมคนอื่นๆนั่นเอง”

 

ผายลมเถอะ คนส่วนใหญ่ก็ดาวโหลดแกมาทั้งนั้นแหละ -กู่ฉิงซานแอบด่าอย่างลับๆ

 

เขาเอ่ยถาม “แล้วฉันควรจะทำอย่างไรต่อไป? ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะต้องการรางวัลนะ”

 

“ต่อจากนี้ไป คุณจะต้องคอยเก็บรวบรวมแต้มพลังวิญญาณในระหว่างภารกิจ เพื่อใช้แต้มพลังวิญญาณเหล่านั้นในการแลกเปลี่ยนรางวัลที่มีมูลค่าเหมาะสมกับมันจากระบบ” เชื้อไฟกล่าว

 

“งั้นหรอ? แล้วรางวัลที่ว่ามันมีอะไรบ้างล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

หน้าต่างเชื้อไฟสว่างขึ้น

 

พร้อมกับหลากหลายรางวัลอันน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างของมัน

 

และเนื่องจากเขาเป็นนักดาบ ดังนั้นแรกสุดในหน้าต่าง จึงเผยให้เห็นถึงรูปดาบจำนวนมากปรากฏออกมา

 

บอกตรงๆเลยว่าถึงแม้ตัวกู่ฉิงซานจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่หัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว

 

ทว่าเมื่อสายตาของเขาตกลงบนดาบไม่กี่เล่ม มันก็นิ่งค้างไป

 

เนื่องเพราะเขาจดจำได้ว่า ดาบพวกนี้มันคือดาบที่อยู่ในตัวเมืองเล็กๆภายในรีสอร์ทของอัลเบอัสนั่นเอง

 

ดาบเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วมาจากร้านขายอาวุธในเมืองนั่นแหละ

 

อ้างอิงจากในกรณีนี้ … เกรงว่าอัลเบอัสคงจะตกอยู่ในมือของทริสเต้ไปแล้ว

 

กู่ฉิงซานถอนหายใจ

 

แต่เขายังคงเลื่อนหน้าต่างระบบ แสดงละครว่ายังคงเลือกดูของรางวัลภาพต่อๆไป

 

รางวัลภายในหน้าต่างระบบ มันมีทุกอย่าง ครอบคลุมไปหมดจริงๆนะ

 

กู่ฉิงซานไม่เพียงเห็นดอกไม้คริสตัลภูติ แต่เขายังเห็นแม้กระทั่งว่าแต้มพลังวิญญาณสามารถใช้แลกเปลี่ยนกับการเรียกใช้งานอสูรกายได้อีกด้วย

 

นอกจากนี้ ยังมีแม้กระทั่งเทคนิคลับที่ใช้ฝึกยุทธ ซึ่งร้ายกาจชนิดที่ว่ากระทั่งตัวกู่ฉิงซานเองก็อดใจไม่ไหวที่จะครอบครองมัน

 

ทว่า … เจ้าสิ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ ล้วนมีราคาแพงมากเกินไป

 

การที่จะแลกเปลี่ยนกับรางวัลเหล่านี้ จำเป็นต้องจ่ายออกด้วยแต้มพลังวิญญาณมหาศาล

 

แต่ก็นั่นแหละนะ นี่แหละถึงจะเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น

 

ก็ขนาดตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างกำปั้นเหล็กแบรี่หรือเสี่ยวเหมียว ทั้งสองคนก็ยังไม่สามารถหาดอกไม้คริสตัลภูติเจอได้เลย

 

มันหายากชนิดที่ว่าชายแก่จากสมาคมผู้พิทักษ์หอสูง ถึงขั้นกระโจนเข้าโอบขาของแบรี่ เพื่อสูดดมให้แน่ใจว่านี่คือกลิ่นของดอกไม้ภูติจริงๆรึเปล่า

 

คนทั้งหลายที่กล่าวมา ล้วนเป็นตัวตนสุดแกร่ง แต่แท้จริงแล้วกลับยังไม่สามารถได้รับสิ่งดังกล่าวมาครอบครองได้เลย

 

ดังนั้นไอเท็มจำนวนมากที่อยู่บนหน้าต่างเชื้อไฟ ตราบใดมันปรากฏออกมาให้แลกเปลี่ยน และให้เวลามันมากพอสมควร ก็ย่อมต้องก่อให้เกิดการนองเลือดและสายลมที่สาบโฉ่ไปด้วยกลิ่นคาวโดยมันอย่างแน่นอน

 

เพราะทุกสิ่งที่แสดงอยู่ในนี้ ล้วนเป็นไอเท็มชั้นเลิศที่ทุกผู้คนเฝ้าฝันถึง

 

หากเป็นหน้าใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่ได้มาเห็นไอเท็มเหล่านี้แล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะพยายามรวบรวมแต้มพลังวิญญาณอย่างสุดกำลังแน่ๆ

 

แม้จะมีบางคนเกิดความลังเลขึ้นในจิตใจ แต่คนส่วนมากก็คงจะเริ่มออกล่าสังหารอย่างไร้สติ เพื่อเก็บรวบรวมแต้มพลังวิญญาณ นำมาแลกเปลี่ยนสมบัติกับเชื้อไฟ

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มหนักอึ้งขึ้น

 

เชื้อไฟครอบครองสมบัติหายากมากมาย ผู้คนที่ได้เห็นมัน ย่อมต้องตกอยู่ในความโลภ และมุ่งเป้าออกล่าสังหารผู้อื่นอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่

 

และนั่นหมายความว่าแต้มพลังวิญญาณที่เชื้อไฟต้องการ ก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“แล้วฉันจะต้องทำยังไง ถึงจะได้รับแต้มพลังวิญญาณมา?” กู่ฉิงซานเร่งเอ่ยถาม

 

เชื้อไฟกล่าว “เมื่อสิ่งมีชีวิตตายลง แต้มพลังวิญญาณก็จะถูกดูดกลืนแก่คุณโดยอัตโนมัติ”

 

“ตายอย่างงั้นหรอ?”

 

“ใช่ ผู้เบิกทางเช่นคุณ จะได้รับรางวัลมากมายจากการสังหาร”

 

‘มาแผนนี้นี่เอง’

 

เชื้อไฟกล่าวต่อ “ฉันเชื่อว่านี่คงจะเป็นเรื่องคุ้นเคยสำหรับคุณ”

 

“หืม? นี่คุณรู้ได้อย่างไร?”

 

“เพราะฉันสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตมากมายที่ตายด้วยน้ำมือของคุณ มันมากเสียยิ่งกว่ามารที่แท้จริงเคยสังหารมาเสียอีก”

 

“คุณเป็นผู้เล่นในฐานะต้นกล้าที่โดดเด่นมาก ศักยภาพของคุณไม่เลวร้ายเลย”

 

“ดังนั้น ขอได้โปรดจงร่วมเดินทางไปกับฉันในตลอดทั้งหมื่นโลกา – บุกทำลายโลกตลอดทั้ง 900 ล้านชั้นไปด้วยกันเถอะ!”

 

กู่ฉิงซานตกตะลึงทันใด

 

มันก็จริง ที่ตนเองได้เดินอยู่ในเส้นทางแห่งการต่อสู้มาอย่างยาวนานแล้ว เขาสามารถสังหารคนได้โดยไร้ซึ่งความลังเล ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ โลกเทวะ หรือกระทั่งโลกปรภพ ตราบใดที่ตนเองลงมือ เขาไม่เคยปราณีใดๆ

 

อย่างในปรภพ คนตายนับ100ล้านคนก็ก็ถูกเขากวาดล้างออกไปโดยตรง

 

ดูเหมือนว่าเชื้อไฟจะสัมผัสได้ว่าตัวเขาถูกปกคลุมไปด้วยคาวเลือดของหลายร้อยล้านชีวิต มันจึงเลือกที่จะชักชวนเขาออกมาตรงๆแบบนี้

 

มันคงกำลังคิดว่าตัวเขาเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เหมาะสมที่จะให้เข้าสู่วิถีมาร

 

เชื้อไฟเอ่ยต่อ “ภารกิจใหม่ถูกปล่อยออกมาแล้ว”

 

“ภายในสิ่งปลูกสร้างขนาด 600 ชั้นใต้ฝ่าเท้าของคุณนี้ มีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่มีสถานะต่ำต้อย ล้าหลัง ไร้ซึ่งความสามารถ พวกเขามัวเมาแต่คิดที่จะได้รับรางวัลของวิหคหนาม แต่แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น ”

 

“ไป! จงไปฆ่าพวกเขาซะ แล้วนำแต้มพลังวิญญาณกลับมา”

 

“หากมีแต้มพลังวิญญาณเอาไว้ในครอบครอง คุณก็จะสามารถใช้มันแลกเปลี่ยนรางวัลกับฉันได้ตลอดเวลา!”

 

เมื่อกล่าวจบ เชื้อไฟก็หายไป

 

ในขณะเดียวกัน หน้าต่างระบบเทพสงครามก็สว่างขึ้น

 

นี่มันน่าสนใจจริงๆ หนึ่งฟ้าหนึ่งแดง สองหน้าต่างระบบ กำลังสลับกันสื่อสารกับกู่ฉิงซาน

 

“แล้วคุณจะเตรียมการรับมืออย่างไร?” ระบบเทพสงครามเอ่ยถาม

 

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่ลังเล “ถ้าเราไม่มอบแต้มพลังวิญญาณให้กับมัน มันจะสามารถฉกฉวยไปจากฉันได้หรือไม่?”

 

“ตราบใดที่มันอยู่กับฉัน ไอ้ระบบทารกนั่นย่อมไม่สามารถทำได้”

 

“งั้นก็ไม่มีปัญหา นับจากนี้ไป พวกเราก็จะฆ่าคนที่สมควรจะฆ่า และช่วยเหลือคนที่สมควรจะช่วย ไม่เก็บรวบรวมแต้มพลังวิญญาณให้เชื้อไฟมากจนเกินไป”

 

และทันทีที่เขากล่าวจบ บรรทัดแสงหิ่งห้อยบนหน้าต่างระบบเทพสงครามก็ปรากฏขึ้นทันที

 

“นี่คือภารกิจต่อเนื่องของระบบเทพสงคราม”

 

“ภารกิจต่อเนื่องถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว และคุณจำเป็นต้องทำภารกิจทั้งหมดนี้ให้สำเร็จ ป้องกันไม่ให้เชื้อไฟสามารถยกระดับ แล้วคุณจะได้รับรางวัลในท้ายที่สุด”

 

“เนื้อหาภารกิจแรก : ระบบได้ทำการระบุตัวเป้าหมายผู้เข้าสู่วิถีมารกให้แก่คุณแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในชั้นที่ 239”

 

“แล้วคนที่ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่”

 

“กำลังทำตามคำร้องขอที่เชื้อไฟต้องการ”

 

กู่ฉิงซานพยักหน้า

 

ไอ้ต้องการที่ว่า คงไม่แคล้วเป็นการไล่ฆ่าคนอื่นแน่ๆ

 

“ฆ่าเขาซะ แล้วมุ่งหน้าลงสู่พื้นราบเบื้องล่าง และภารกิจแรกของคุณก็จะเสร็จสมบูรณ์”

 

“เอาล่ะ กรุณาช่วยตั้งชื่อภารกิจนี้ด้วย”

 

กู่ฉิงซานประหลาดใจกับคำขอนี้เล็กน้อย แต่เขาคิดไม่นานก็ตอบกลับไป “เอาเป็น ‘วิหค’ ก็แล้วกัน”

 

หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบกลับทันที “ภารกิจแรก : วิหค ได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว”

 

เมื่อภารกิจถูกรับมอบหมาย

 

บรรทัดแสงตัวอักษรบนหน้าต่างระบบเทพสงครามก็หายไป

 

ในความว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งใด

 

ทั้งสองระบบตกลงสู่ความเงียบ

 

กู่ฉิงซานดึงดาบยาวออกมา และมองลงไปที่ประตูไม้

 

นับจากนี้ไป จะเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อสู้จริงๆแล้ว!

 

กู่ฉิงซานกระตุ้นเทคนิคดาบ และเตรียมที่จะเปิดประตู แต่ลอร่าก็หยุดเขาเอาไว้ซะก่อน

 

“มีอะไรงั้นหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“นี่สำหรับเจ้า” ลอร่ากล่าว

 

เธอยื่นกล้องส่องทางไกลทองเหลืองให้แก่กู่ฉิงซาน

 

มันคือกล้องส่องทางไกลที่เธอเคยใช้มาเมื่อก่อนหน้านี้

 

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

 

กู่ฉิงซานรับกล้องมา

 

และบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ก็ปรากฏบรรทัดตัวอักษรผุดขึ้นทันที

 

“กล้องเลนส์ยาว”

 

“ไอเท็มประหลาด”

 

“ฟังก์ชั่น : ปรับมุมมองที่แตกต่างกันตามระดับที่คุณต้องการ”

 

“หมายเหตุ : สมบัติใดๆที่มาจากดินแดนอัศจรรย์ จะได้รับฉายาเป็นของตัวมันเองโดยอัตโนมัติ”

 

“ส่วนฉายาที่เหนือยิ่งกว่าไอเท็มประหลาด ก็คือฉายาไอเท็มหากาพย์ และสมบัติที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้น จะถูกเรียกว่าเป็นฉายาระดับตำนาน”

 

แม้ว่าคำอธิบายของกล้องส่องทางไกลนี้จะสั้นมาก แต่กู่ฉิงซานก็ราวกับถูกสั่นสะเทือนอย่างล้ำลึก

 

เขาเหลือบสายตาลงมองกล้องส่องทางไกลในมือของเขา

 

สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบและหนักอึ้ง

 

ตนจึงยกเลนส์ขึ้น และหรี่ตาแนบกับมันมองลงไปยังประตู

 

ปรากฏว่าไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆขวางกั้น กู่ฉิงซานสามารถมองเห็นถึงฉากหลังที่อยู่ภายในบานประตูได้เลยโดยตรง!