บทที่ 126 ไม่มีใครสู้ข้าได้เมื่อเปิดเพลง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 126 ไม่มีใครสู้ข้าได้เมื่อเปิดเพลง

หลังถ้อยคำเหล่านั้นถูกพูดออกมาแล้ว อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่หลิงอู๋ก็อดอุทานไม่ได้ว่า “เจ้าเด็กคนนี้มันไม่อายปากบ้างเลยหรือไงนะ?”

“อยากจะอยู่เงียบๆ ไม่แสดงฝีมืออย่างนั้นหรือ?”

“แล้ว 2 รอบที่แล้วนี่มันอะไรกัน?”

“สุดท้าย เจ้าก็ยอมรับคำท้าสู้ของข้าแล้วใช่หรือไม่?” เฉาพั่วเถียนพยายามควบคุมความเดือดดาลในใจอย่างยากลำบาก

หลินเป่ยเฉินทำหน้าเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า “การประลองในส่วนนี้ ข้าอุตส่าห์ปล่อยให้เจ้าได้เฉิดฉายเต็มที่ ใครจะไปคิดเลยว่าเจ้าก็พยายามบังคับให้ข้าแสดงความเก่งกาจออกมาอีกจนได้ ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้ข้าอยู่เงียบๆ ไม่ได้นะ? ในเมื่อรนหาที่นัก ข้าก็คงต้องมอบบทเรียนให้เจ้าสักหน่อยแล้ว”

“ไม่ต้องพูดมาก โจมตีเข้ามาได้เลย” เฉาพั่วเถียนแสยะยิ้ม “เพราะหากให้ข้าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เกรงว่าข้าอาจพลั้งมือสังหารเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า กล่าวว่า “ดูเหมือนข้าคงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใช้อาวุธพิฆาตเสียแล้ว…”

สีหน้าของเด็กหนุ่มจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

น้ำเสียงของเขาจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่รอบตัวต่างพากันจ้องมองด้วยความสงสัย

เหล่ามือกระบี่ดาวรุ่งทั้งชายทั้งหญิงเฝ้าดูด้วยใจระทึกว่าอาวุธพิฆาตของหลินเป่ยเฉินจะเป็นสิ่งใด

มือกระบี่อาวุโสทุกคนตั้งสติเตรียมพร้อม

แม้แต่เฉาพั่วเถียนก็โคจรพลังลมปราณขึ้นมาเตรียมตัวรับมือ ด้วยความหวาดระแวงว่าหลินเป่ยเฉินอาจใช้อาวุธหนักโจมตีโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

พริบตาต่อมา…

สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น

ในอากาศบังเกิดเสียงดนตรีลอยออกมาโดยที่มีหลินเป่ยเฉินยืนอยู่เป็นศูนย์กลาง

“ตุงตุงตุงตุง…ยิ่งใหญ่กว่าขุนเขา เจ้าจอมปฐพี สู้ไม่เคยถอยหนี ไม่เคยหวาดหวั่นใคร…”

เหมือนจะเป็นบทเพลงบรรเลงใจ

เสียงนักร้องชายเริ่มขับขานอย่างทรงพลังกังวานไกล

เฉาพั่วเถียนยืนงงงันอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง

กลุ่มคนที่รอคอยให้หลินเป่ยเฉินนำอาวุธพิฆาตของเขาออกมาพลันขมวดคิ้วนิ่วหน้า ความผิดหวังระคนความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน

อาวุธพิฆาตของหลินเป่ยเฉิน ก็คือบทเพลงนี้อย่างนั้นหรือ?

เมื่อลองวิเคราะห์ดูแล้ว จึงคาดการณ์ได้ว่าเด็กหนุ่มน่าจะพกพาศิลาบันทึกเสียงติดตัวเอาไว้แน่นอน

“ชีวิตเขาแสนเปลี่ยว เพียงผู้เดียวดาย สู้ไม่เคยรู้หน่าย ใจนั้นรักศักดิ์ศรี เขาผู้ทรนง เขาผู้ทรงความดี ฝ่าฟันผองไพรี กระบี่เพื่อนตาย…”

ท่วงทำนองปลุกเร้าจิตใจ

ไป๋ชินหยุนยกมือกุมหน้า

ฉู่เหินก็มีอาการไม่ต่างกัน

แม้แต่ติงซานฉือก็…

หลินเป่ยเฉินเป็นพวกไร้ยางอายขนาดไหน ทำไมพวกเขาจะไม่ทราบ

แต่ถ้าอยากจะเลือกสักเพลงมาเปิดตอนต่อสู้ เหตุไฉนไม่เลือกเพลงที่มันปกติบ้างเล่า?

เนื้อเพลงช่าง…

ยกยอปอปั้นตนเองเหลือเกิน

เฒ่าทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างเฝ้ามองด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ไม่เลวเลย เด็กคนนี้ใจกล้ามาก ข้าชอบ”

หลิงอู๋พูดว่า “น้องเล็ก เจ้าช่วยจับข้าไว้หน่อย”

หลิงเฉินถามว่า “ทำไมหรือเจ้าคะ?”

“ข้ากลัวตัวเองอดใจไม่ไหววิ่งไปต่อยคนรักของเจ้าเข้าน่ะสิ” หลิงอู๋ตอบ

ช่างเป็นคนหลงตัวเองอะไรขนาดนี้

แต่เด็กสาวตวาดแว้ดทันทีว่า “หากท่านพี่ทำร้ายเขา เราได้เห็นดีกันแน่”

หลิงอู๋จึงพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

บทเพลงแห่งความฮึกเหิมดังกังวานสวนดอกไม้…

“ชีวิตของนักสู้ จงสู้ตลอดไป ใครครองความยิ่งใหญ่ ชีวิตยืนนาน สมญาเขาเกรียงไกร ตราชื่อไว้ชั่วกาล กระบี่ไร้เทียมทาน ใครหักหาญต้องตาย…”

หลินเป่ยเฉินยืนอยู่เพียงลำพัง

ดวงตาเหม่อลอย

คล้ายตนเองเป็นตัวเอกในเนื้อเพลงก็ไม่ปาน

ใช่แล้ว

ความรู้สึกแบบนี้

พลังการต่อสู้ของเขาถูกเพิ่มขึ้นมาแล้ว

เลือดลมในกายสูบฉีดร้อนผ่าว

พลังลมปราณในร่างไหลเวียนรุนแรง

มัดกล้ามเนื้อเพิ่มพลังทวีคูณ

หัวใจเต้นระรัวดั่งตีด้วยกลองหนังมังกร

“เสี่ยวจี้ ช่วยเร่งเสียงขึ้นอีกหน่อยสิ”

เด็กหนุ่มสั่งงานผู้ช่วยส่วนตัวโดยไม่ต้องส่งเสียงพูด

“เมื่อเปิดเพลงแล้วก็จะไม่มีใครสู้ฉันได้ใช่ไหม?”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ นายท่าน”

ผู้ช่วยส่วนตัวทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง

เสียงบทเพลงดังกังวานทั่วสวนดอกไม้ เด็กหนุ่มเด็กสาวหลายคนต้องยกมือขึ้นมาปิดหูแล้ว

เสียงดังเกินไป

“ถ้าอาวุธพิฆาตของเจ้าคือบทเพลงที่น่าขบขันนี้ล่ะก็ จงเตรียมตัวรับ…”

เฉาพั่วเถียนพูดออกไปยังไม่ทันจบประโยค

ทันใดนั้น…

“วิชามังกรคำรณ…โฮก!”

หลินเป่ยเฉินอ้าปากส่งเสียงคำรามออกมาดังสนั่น

นี่คือการโจมตีด้วยพลังจิต นามว่าวิชามังกรคำรณ

เป็นวิชาพลังจิตที่เขาได้คัมภีร์มาจากห้องสมุดในสถานศึกษากระบี่ที่สาม

คลื่นพลังจิตพุ่งตัวออกไปทันที

บัดนี้ ความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นในแววตาเฉาพั่วเถียนแล้ว

สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้คือใบหน้าของหลินเป่ยเฉินอยู่ดีๆ ก็กลับกลายเป็นน่ากลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น จากใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาคนหนึ่ง มันได้กลับกลายเป็นใบหน้าของมังกรร้ายเขี้ยวใหญ่ ลมหายใจที่พวยพุ่งออกมามีแต่กลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้ง หัวมังกรพุ่งตรงเข้ามาหาเฉาพั่วเถียน ราวกับว่าต้องการจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว…

“เหวอ”

เฉาพั่วเถียนส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ

ในจังหวะสำคัญ ร่างกายของเขากลับแข็งทื่อ

ด้วยความที่กำลังตกใจกับหัวมังกรที่พุ่งเข้าใส่ เฉาพั่วเถียนจึงไม่ทันระวังตัว ปฏิกิริยาตอบรับเชื่องช้ากว่าปกติ กล้ามเนื้อก็ลดทอนกำลังลงไปหลายส่วน

แย่แล้ว

เฉาพั่วเถียนรีบตั้งสติขึ้นมาอีกครั้ง

นี่คือการโจมตีด้วยพลังจิต

เขาต้องรับมือด้วยพลังจิตเช่นกัน

ทันใดนั้น เฉาพั่วเถียนรวบรวมมวลพลังจิตในร่างกาย

ในเวลาเพียงชั่วดีดนิ้วมือเดียว เขาก็กลับมามีจิตใจมั่นคงอีกครั้ง

แต่จังหวะนั้นเอง

“เสี่ยวจี้ ฉายภาพตอนนี้ได้เลย”

เขาออกคำสั่ง

“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”

แล้วโทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันฉายภาพโฮโลแกรมด้วยการควบคุมของผู้ช่วยอัจฉริยะ

ร่างจำลองของหลินเป่ยเฉินที่เหมือนตัวจริงทุกกระเบียดนิ้วปรากฏขึ้นด้านขวามือของเฉาพั่วเถียน กำลังจะเสือกแทงกระบี่ในมือเข้าโจมตีจุดสำคัญ

“เฮอะ! ฝันไปเถอะ!”

ขณะนั้น เฉาพั่วเถียนพลันระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น ไม่สนใจอาการบาดเจ็บภายในของตนเอง เขาโคจรพลังลมปราณเต็มกำลัง แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น มือตวัดกระบี่จ้วงแทงออกไปข้างหน้า หมายสังหารอีกฝ่ายให้ตกตายไปเสียตรงนี้

วูบ!

กระบวนท่านี้ทิ่มแทงออกไปหลายกระบี่ สามารถตัดร่างของหลินเป่ยเฉินได้เป็นชิ้นๆ

รอยยิ้มด้วยความปิติสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉาพั่วเถียน

แต่แล้วเด็กหนุ่มผมทองก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความฉงน เกิดอะไรขึ้น? ทำไมกระบี่ไม่มีแรงปะทะเลย เหมือนกับว่าเขาฟันแทงใส่อากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น

และในจังหวะที่เฉาพั่วเถียนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเอง

หลินเป่ยเฉินตัวจริงก็ลงมือโจมตี

ด้วยความช่วยเหลือจากเพลง ‘กระบี่ไร้เทียมทาน’ ในแอป NetEase Cloud Music พลังการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินจึงเพิ่มพูนขึ้นทุกรูปแบบ และมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 1 แล้ว

“กระบวนท่ากระบี่สลายสายน้ำ”

นี่คือกระบวนท่าสูงสุดของวิชากระบี่สายน้ำไหล

เพราะมันเป็นวิชากระบี่ระดับสูงสุดที่หลินเป่ยเฉินสามารถใช้ได้ในตอนนี้

สวบ!

เสียงคมกระบี่ทะลวงเนื้อหนังดังขึ้นอย่างคุ้นหู เฉาพั่วเถียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเย็นวาบที่หน้าอกฝั่งขวาของตนเอง

“เกิดอะไรขึ้น ข้า…”

เฉาพั่วเถียนก้มหน้ามอง พบว่ามีคมกระบี่ฝังลึกอยู่ในหน้าอกฝั่งขวา

และมือที่ยึดกุมด้ามจับกระบี่อยู่ก็คือ…

มือของหลินเป่ยเฉิน

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เฉาพั่วเถียนคิดด้วยความสับสน

“แล้วเมื่อสักครู่นี้ข้าโจมตีผู้ใด? ทำไมหลินเป่ยเฉินถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้อีก?”

ผลั่ก!

หลินเป่ยเฉินไม่ปล่อยให้เฉาพั่วเถียนได้มีโอกาสตอบโต้ เมื่อแทงกระบี่ออกไปแล้ว เขาก็ยกเท้าขึ้นยันหน้าอกเด็กหนุ่มผมทอง ใช้แรงถีบดึงกระบี่โดรานกลับออกมา หลังจากนั้น ก็รีบพริ้วกายรักษาระยะห่างให้มากที่สุด

เพราะเคยเห็นประสบการณ์มากมายทั้งจากในวีดีโอเกม ภาพยนตร์และละครทีวี เวลาที่ลงมือโจมตีสำเร็จแล้ว ก็ควรรีบฉากหลบออกมาให้ห่างมากที่สุด เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่มีโอกาสสวนกลับได้นั่นเอง

“อ๊าก…”

เฉาพั่วเถียนร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดขณะร่างปลิวกระเด็นลอยไปในอากาศ

“เด็กบัดซบ เจ้ากล้าดีอย่างไร…”

ไป๋ไห่ชินโกรธแค้นจนใบหน้าบิดเบี้ยวคำรามเสียงดังลั่น ก่อนทะยานกายขึ้นไปรับร่างของเฉาพั่วเถียนในอากาศ หลังจากนั้น มือกระบี่หน้าโหดก็หมุนตัวเข้าหาหลินเป่ยเฉิน พร้อมกระแทกฝ่ามือยิงพลังลมปราณออกมาโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงรุนแรง