บทที่ 111 ผู้แข็งแกร่งชายแดนเหนือ

The king of War

“ผู้นำครับ ไม่ได้การแล้ว หยางเวยถูกตัดแขนตัดขาแล้วครับ”

หยางเซี่ยวหมิงกำลังเครียดกับเรื่องของตระกูลอยู่ จู่ๆผู้ดูแลเก่าแก่ได้พุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น

ตอนที่หยางเซี่ยงหมิงเห็นหยางเวย ทั้งตัวหยางเวยเต็มไปด้วยเลือด แขนขาพิการ กำลังตกอยู่ในอาการสลบ จะตื่นขึ้นมาได้มั้ยไม่มีใครรู้

“หยางเฉิน ฉันจะฆ่าแก!”

หยางเซี่ยงหมิงหน้าตาดุร้าย เกรี้ยวกราดกับวัยกลางคนที่อยู่ข้างหลัง “เฉียนเปียว แกไปเจียงโจวด้วยตัวเอง จับลูกของหยางเฉินมาให้ฉัน! ฉันจะฆ่ามันเอง!”

เฉียนเปียวเป็นยอดฝีมือที่เก่งที่สุดของตระกูลหยาง ตอนนั้นตระกูลหยางช่วยชีวิตเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงจัดการปัญหาแทนตระกูลหยาง

ที่ตระกูลหยางขึ้นเป็นตระกูลแนวหน้าได้ นอกจากความโหดเหี้ยมของหยางเซี่ยงหมิงแล้ว ก็ยังเป็นเพราะมีเฉียนเปียวอีกด้วย

หลายปีมานี้ ยังไม่มีใครกล้าท้าทายตระกูลหยางแบบนี้มาก่อน จินตนาการได้ถึงความโกรธแค้นของหยางเซี่ยงหมิงที่มีในตอนนี้

“ผู้นำ ไม่งั้นรอหยางเวยตื่นขึ้นมา ทำความเข้าใจให้แน่ชัดก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วจึงค่อยตัดสินใจดีมั้ยครับ?”

ผู้ดูแลเก่าแก่กล่าวอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกว่า ที่ตระกูลหยางเจอกับเรื่องราวทุกอย่างในตอนนี้ กับที่หยางเวยถูกทำร้ายแล้วโยนลงที่หน้าประตูบ้าน ต้องเป็นฝีมือของคนๆเดียวกัน

หยางเซี่ยงหมิงขมวดคิ้ว ไม่พอใจ “ฉันรู้ลิมิตตัวเอง ทำตามที่ฉันสั่ง!”

เฉียนเปียวไม่พูดใดๆ หันหลังแล้วจากไป

เจียงโจว ชั้นบนสุดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ห้องทำงานของประธาน

หยางเฉินกำลังดูหนังสือพิมพ์ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดเปิดลำโพงโดยตรง

“คุณหยาง ทำตามคำสั่งของคุณ ตัดแขนขาของหยางเวย โยนไว้ที่หน้าประตูตระกูลหยางแล้วครับ”

เสียงเคารพของกวนเจิ้งซานดังมาจากปลายสาย จู่ๆก็พูดอีกว่า “แต่นักสืบของตระกูลกวนที่อยู่เมืองโจวเฉิง เพิ่งส่งข่าวมาเมื่อกี้ ว่าหยางเซี่ยงหมิงให้เฉียนเปียวยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูล เพื่อมาฆ่าคุณ”

หยางเฉินไม่เงยแม้แต่หน้า อ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป เพียงแค่ตอบกลับอย่างสงบว่า “โอเค ฉันรู้แล้ว!”

กวนเจิ้งซานเห็นท่าทางไม่สนใจของหยางเฉิน จึงได้พูดอีกว่า “คุณหยาง เฉียนเปียวคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ฝีมือสุดยอด เดิมทีตระกูลหยางเป็นแค่ตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่ง ที่สามารถขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเฉียนเปียว ขอให้เป็นคนที่มีปัญหากับตระกูลหยาง หยางเซี่ยงหมิงจะให้เฉียนเปียวลอบฆ่าทั้งหมด”

“ว่ากันว่า แม้แต่ตระกูลสุดยอดเมืองโจวเฉิง ก็ไม่กล้าทำอะไรตระกูลหยางอย่างพลการ เพราะหวาดกลัวเฉียนเปียว ได้ยินคำร่ำลือ ถึงความแข็งแกร่งของเฉียนเปียว แม้ว่าจะเป็นนครเอก ก็มีศัตรูไม่มาก”

กวนเจิ้งซานไม่กล้าปกปิดแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่ได้เจอเข้ากับประสบการณ์ในแดนประหาร เขาก็กลัวหยางเฉินอย่างถึงที่สุด

หยางเฉินรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกวนเจิ้งซาน ยิ้มอย่างเรียบง่าย “เพียงเข้าใจไว้นะ ที่จิ่วโจว ไม่มีใครฆ่าผมได้”

ได้ยินคำพูดนี้ กวนเจิ้งซานตัวสั่น ใจเต้นรัวๆ คำพูดนี้ของหยางเฉิน ก็กำลังเตือนเขาอยู่เหมือนกัน

“ผมคิดมากไป ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมไม่รบกวนคุณหยางแล้วครับ”

กวนเจิ้งซานพูดจบ ก็วางสายไป

หยางเฉินยิ้มมุมปาก “บางทีให้เซินปาไปซ้อมมือก็ได้อยู่”

ด้วยฝีมือของเขาและหม่าชาว ผู้แข็งแกร่งที่ระดับเหมือนเฉียนเปียวนั้น สามารถฆ่าได้ภายในไม่กี่วินาที

แม้เซินปาเป็นราชาหมัดประเทศเฮย แต่ถ้าในหมู่ยอดฝีมือ ผู้แข็งแกร่งลึกลับมากมาย สามารถฆ่าเซินปาได้อย่างง่ายดาย

ไม่นาน เซินปาได้รับคำสั่งของหยางเฉิน ออกเดินทางไปทางที่ต้องผ่านของเมืองโจวเฉิงเพื่อไปสู่เจียงโจว

“แกเฝ้าดูอยู่ห่างๆ อย่างให้เซินปาเป็นอะไร”

หยางเฉินไม่ค่อยไว้ใจ จึงได้สั่งหม่าชาวไป

“รับทราบ!”

หม่าชาวหันหลังจากไป

ทางออกด่วนเจียงโจว ตำแหน่งช่วงประมาณหนึ่งกิโลเมตร ที่ทางแยกมีThe Herdsmanสีดำคันหนึ่งจอดอยู่

นี่คือทางที่ต้องผ่านของเมืองโจวเฉิงเพื่อไปสู่เจียงโจว

เซินปาอยู่ข้างๆประตูของรถThe Herdsman ดวงตาอันพิฆาตจ้องไปยังรถที่ผ่านไปมาอย่างไม่ละสายตา

จู่ๆ มีเล็กซัสสีดำคันหนึ่งปรากฏออกมา เซินปาโยนก้นบุหรี่ในมือไป แล้วหยิบก้อนอิฐหนึ่งก้อนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เขวี้ยงออกไป

“ปัง!”

ก้อนอิฐลอยไปที่รถเล็กซัส เสียงดังสนั่น กระจกบานหน้าของรถเล็กซัส ราวกับใยแมงมุมก็มิปราณ จู่ๆก็แตกออกทันใด

และศูนย์กลางของรอยร้าว เกิดเป็นหลุมขึ้น ก้อนอิฐนั้นได้ลอยเข้าไปในรถ

“เอี๊ยด!”

ล้อรถไถลไปกับพื้น เกิดเป็นเสียงเสียดแก้วหูขึ้น รถเล็กซัสค่อยๆจอดข้างทาง

วัยกลางคนคนหนึ่งลงมาจากรถ จ้องเซินปาด้วยหน้าตาบูดบึ้ง เดินเข้ามาทันใด

ชายวัยกลางคนนี้เป็นยอดฝีมือที่ตระกูลหยางสั่งมาให้ลอบสังหารหยางเฉิน

ในขณะที่เขาลงจากรถมานั้น เซินปารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายความอาฆาตรุนแรงเข้ามาที่ตน เซินปาหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นอย่างมาก ในใจรู้ดี ว่าชายวัยกลางคนนี้คือยอดฝีมือ

“แกคือคนที่หยางเฉินส่งมา?”

เฉียนเปียวเดาเป้าหมายของเซินปาได้อย่างง่ายดาย

เซินปามองเฉียนเปียวอย่างเยือกเย็น “คิดจะฆ่าคุณหยาง แกคิดว่าแกเหมาะสมแล้ว?”

เมื่อพูดจบ เซินปาได้ต่อยไปที่เฉียนเปียว

“ไม่เจียมตัว!”

เฉียนเปียวกล่าวอย่างเย็นชา ไม่รับรู้ถึงความอาฆาตของเซินปาแต่อย่างใด เพียงแต่เดินเข้าไปช้าๆ

วินาทีถัดมา เซินปาได้พุ่งเข้ามา ต่อยออกไป

“ปัง!”

แว็บเดียว เฉียนเปียวยืดแขนออกไป จับหมัดของเซินปาอย่างแน่น

เซินปาหน้าถอดสี หมัดนี้ใช้พลังเท่าไหร่ เขารู้ดีอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับถูกอีกฝ่ายรับไว้อย่างง่ายได้ ไม่จินตนาการก็รู้ ว่าพลังของอีกฝ่ายมีมากกว่าเขาเยอะ

“มีพลังแค่นี้ ยังกล้าจะขวางฉันอีก?”

เฉียนเปียวดูแคลน ในมืออีกข้างหนึ่งมีมีดสั้นสีเงินประกายด้ามหนึ่งปรากฏขึ้น เขาไม่ลังเล แทงเข้าไปที่คอของเซินปาโดยตรง

เซินปาไม่คาดคิดแม้แต่น้อย ว่าเมื่อต่อสู้กันอีกฝ่ายจะใช้อาวุธ กลิ่นอายแห่งความบรรลัยได้ปรากฏขึ้น เขาได้ต่อยอีกหมัดออกมา

“ปัง!”

หมัดของเซินปาต่อยไปที่ข้อมือของเฉียนเปียว แต่กลับทำได้แค่เปลี่ยนทิศทางของมีดสั้นนิดหน่อยเท่านั้น ยังคงไม่สามารถขัดขวางการฆ่าของเขาที่พุ่งเข้ามาหาตัวเองได้

คนที่กำลังดูมีดสั้นจะแทงเข้าไปที่คอของเซินปาในตอนนั้น จู่ๆก็ได้ปรากฏตัวออกมา

“หลบไป!”

หม่าชาวที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตลอดเวลา ปรากฏตัวออกมาราวกับสัตว์ป่าที่ออกจากกรง ต่อยไปที่หน้าอกของเฉียนเปียว

เฉียนเปียวรู้สึกว่าหน้าอกถูกพลังอันทรงพลังโจมตีเข้ามา ถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวจึงจะหยุดลง

เซินปาเห็นหม่าชาว ก็ได้เริ่มหายใจเข้าออกลึกๆ เมื่อกี้อีกนิด เขาก็ถูกฆ่าแล้ว

“แกไม่ใช่คู่ต่อกรของมัน หลบไป!”

หม่าชาวพูดกับเซินปา แล้วจ้องเฉียนเปียวอย่างเคร่งเครียด

เฉียนเปียวที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้เป็นหม่าชาว ก็รู้สึกไม่ปลอดภัย พอจะจินตนาการได้ ว่าอีกฝ่ายฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน

พลังภายในของเฉียนเปียวไหลพล่าน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หมัดนั้นของหม่าชาว ทำให้เขาถอยไปเจ็ดแปดก้าว

“แกเป็นใคร?”

เฉียนเปียวรวบรวมสติ แล้วพูดออกมาทันที

“ผู้แข็งแกร่งชายแดนเหนือ นึกไม่ถึงว่าจะสมคบคิดเรื่องลอบสังหาร แก ไม่คู่ควรกับแดนเหนือสองคำนี้”

หม่าชาวสีหน้าเลือดเย็น ตั้งแต่เฉียนเปียวลงมือในตอนนั้น เขาก็รู้ถึงฝีมือการลอบสังหารอีกฝ่าย ว่ามาจากแดนเหนือ

ได้ยินคำพูดของหม่าชาว เฉียนเปียวตัวสั่น ด้วยสีหน้าประหลาดใจ “แก แกเป็นใครกันแน่?”