บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 37

จอห์นและโรสตกใจมากเมื่อเห็นมาเดลีนอาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่ในขณะเดียวกันพวกเขากลับมีความรู้สึกดีใจ

ทั้งคู่ปิดประตูและไม่สนใจมาเดลีน พวกเขาไม่สนใจเธอเลย มันจะดีกว่าไหมถ้าเธอตายไป

มาเดลีนนอนขดตัวอยู่ระหว่างพุ่มไม้โดยร่างของเธอถูกปกคลุมไปด้วยดินและน้ำฝน เธอกุมท้องที่แสนเจ็บปวดของเธอและมองดูขณะที่เจเรมี่อุ้มเมเรดิธเข้าไปในรถอย่างอ่อนโยน

เขาสามารถมองเห็นเธอได้ผ่านกระจกหลัง แต่เขาไม่อยากมองมาทางเธอด้วยซ้ำ

ในทางกลับกัน เมเรดิธกำลังจ้องมองเธอ หล่อนยิ้มอย่างมีชัยชนะอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเห็นมาเดลีนเริ่มซีดเหมือนศพและปากของเธอถูกกลบไปด้วยเลือด

มาเดลีนลดมือของเธอที่พยายามขอความช่วยเหลือลงอย่างสิ้นหวังขณะที่เธอดูรถที่กำลังขับออกไป

น้ำตาของเธอไหลรวมกับน้ำฝนเป็นสายธารเดียวกันทำให้การมองเห็นของเธอพร่ามัว

เขาดูเป็นกังวลเรื่องลูกของเมเรดิธมาก แต่เขากลับไม่สนใจเด็กในท้องของเธอ เขาอยากฆ่าเด็กในท้องของเธอด้วยซ้ำไป

มาเดลีนหัวเราะเบาๆ เธอหัวเราะกับให้กับชีวิตที่น่าเศร้าของเธอดั่งเช่นนิยาย!

ชีวิตของเธอกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? บางทีมันอาจเริ่มต้นจากช่วงเวลาที่เธอตกหลุมรักผู้ชายที่เธอไม่ควรตกหลุมรักคนนั้น

‘เจเรมี่ วิทเเมน’

มาเดลีนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาสองถึงสามวันเนื่องจากอาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก โชคยังดีที่ลูกน้อยของเธอยังคงสบายดี

สองสามวันมานี้ไม่มีใครติดต่อเธอ แดเนียลเป็นคนเดียวที่โทรหาและถามถึงอาการของเธอ มาเดลีนตอบกลับเรื่องนี้แบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่ต้องการให้เจเรมี่ตั้งเป้าไปที่แดเนียลอีกแล้ว

เมื่อเธอได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลคุณหมอบอกเธอด้วยความเสียใจว่า เธอไม่สามารถทำแท้งเพื่อทำการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกได้ในสถานการณ์ที่เป็นตอนนี้ได้

เมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ มาเดลีนไม่มีปฏิกิริยาเศร้าใดๆ ตรงกันข้าม เธอยิ้มอย่างใจเย็น

เมื่อเธอเดินออกจากโรงพยาบาลทแสงแดดในฤดูหนาวอันอบอุ่นก็สาดเข้ามาที่ใบหน้าบางๆ ของเธอ ตอนนี้เธอไม่รู้สึกได้รับความอบอุ่นใดๆจากพระอาทิตย์เลยสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอคิดว่าเจเรมี่ปฏิบัติต่อเธออย่างไร ราวกับว่าเธอมีรอยร้าวขนาดใหญ่ในใจและลมหนาวถูกพัดกระโชกเข้ามาอย่างไร้ความปราณี

มาเดลีนกำลังจะขึ้นรถบัส แต่เธอเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงประตูด้านข้างของโรงพยาบาล เมื่อเธอดูใกล้ๆ เธอก็เห็นว่านั่นคือเอโลอิสและฌอนสามีของหล่อน

แม้ว่าเอโลอิส ยังคงมีอคติกับมาเดลีนและแสดงอาการดูถูกเธอหลังจากที่ถูกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอเป่าหู แต่กระนั้นด้วยเหตุผลบางประการ มาเดลีนก็ยังคงรู้สึกว่าเอโลอิสดูเป็นมิตร

เธอเห็นเอโลอิสขมวดคิ้ว สีหน้าเจ็บปวดเศร้าใจ จากนั้น เธอก็ได้ยินพวกเขาพูดคุยถึงโรงพยาบาล ตำหนิบนผิวหนังแต่กำเนิด และลูกสาว

มาเดลีนคิดว่าบางทีพวกเขาอาจกำลังพูดถึงบริทนีย์ลูกสาวของเธอก็ได้ ดังนั้น เธอจึงไม่ต้องการรบกวน เธอหันหลังกลับและเดินจากไป

ในขณะเดียวกัน เมเรดิธที่พึ่งเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับบ่นงึมงำอย่างหัวเสีย เธอรู้ว่า มาเดลีนพักอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เธออยากจะมาดูถูกหล่อนเล่นๆ ในขณะที่เจเรมี่ไม่มีเวลาไปกับเธอ กระนั้นเธอได้รับแจ้งว่า มาเดลีนออกไปก่อนที่เธอจะมาถึงที่นี่

เธอสาบานยืนหยัดว่าจะสร้างความปั่นป่วนให้กับมาเดลีนจนวันตาย จังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นเรือนร่างที่คุ้นตาของเอโลอิสและณอนยืนอยู่ที่ประตูด้านข้างโดยเธอจำพวกเขาได้ทันทีจากด้านหลัง

เมเรดิธยิ้มอย่างอ่อนโยนและน่ารัก เมื่อเธอกำลังจะเข้าไปทักทายพวกเขา เธอเห็นเอโอิสพิงอกของฌอนอย่างเศร้าๆ ขณะพูดว่า “ฉันสงสัยว่าลูกสาวของเราอยู่ที่ไหน? ฉันกังวลว่าเธอจะสบายดีหรือเปล่า? ฌอนโปรดอย่าให้บริทรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเรา”

“อย่ากังวลไปเลย ลูกสาวของเราเป็นหญิงสาวอายุเพียง 24 ปี ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่มีปานผีเสื้อที่หลังส่วนล่าง ฉันจะหาเธอให้เจอแม้ว่าฉันจะต้องพลิกเมืองเกลนเดลทั้งหมดก็ตาม!”

เมเรดิธตะลึง เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน

เธอพึงพอใจกับความจริงที่ว่าบริทนีย์ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเธอไม่สามารถยอมรับสิ่งที่ฌอนพูดได้

เธอจำได้ชัดเจนว่า มาเดลีนมีปานผีเสื้อที่ด้านซ้ายของหลังส่วนล่าง! แถมวันเกิดของมาเดลีน และบริทนีย์ยังเป็นวันเดียวกัน และทั้งสองคนอายุ 24 ปีเท่ากันอีกด้วย!