บทที่ 171
พลังลมอันบ้าคลั่งไม่สามารถขัดขวางลู่ฝาน ให้เดินไปข้างหน้าได้ ค่ายกลอันแสงสว่างใต้เท้า ก็ไม่สามารถขวางฝีเท้าของลู่ฝานได้
ม่านแสงสว่างขึ้นมา แตกต่างกับบันไดของชั้นห้า ม่านแสงของชั้นหกดูแน่นหนา มันรอให้ลู่ฝานเหยียบลงไป จึงโผล่ขึ้นมา
ทันใดนั้น ม่านแสงเหมือนกับมีดคม เกือบแทงทะลุฝ่าเท้าของลู่ฝาน
ปราณชี่ปกคลุมร่างกาย ลู่ฝานใช้เท้าตัวเองเหยียบลงไปอย่างแรง แต่ละก้าว เหมือนจะขยี้ม่านแสงที่พุ่งขึ้นมาจนแหลก
ส่วนม่านแสงที่โดนลู่ฝานเหยียบกลายเป็นสายลมที่หลากหลายสีสัน เยอะขึ้นตามม่านแสงที่ลู่ฝานเหยียบทำลาย พลังลมยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ลู่ฝานเดินขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ละก้าวมั่นคงมาก
ตอนนี้ เขาเอากระบี่หนักของตัวเองออกมา เทียบกับแรงดึงดูดของค่ายกลใต้เท้า พลังลมพวกนี้น่ากลัวกว่าเยอะ เขาต้องใช้กระบี่หนักช่วยให้ร่างกายมั่นคง
หานเฟิงยิ้ม มองลู่ฝานเดินขึ้นไป จินเฟยหยู่ที่อยู่ข้างๆ เห็นลู่ฝานขึ้นไปได้ แววตาวูบไหวไม่หยุด
จินเฟยหยู่เดินมาหน้าบันได อย่างรวดเร็ว เพิ่งก้าวออกไปก้าวเดียว พลังลมอันแข็งแกร่งพัดเขาจนปลิวกลับมา
จินเฟยหยู่ถอยหลังมาหลายก้าว ดูน่าเวทนามาก เขามองแผ่นหลังลู่ฝาน แอบกัดฟันกรอด
เป็นไปไม่ได้ ศิษย์คณะหนึ่งเดียวสามารถขึ้นไปได้ แต่เขากลับขึ้นไปไม่ได้
หานเฟิงหัวเราะอย่างไม่จริงใจ
“นายจะขึ้นไปเหมือนศิษย์น้องฉันเหรอ ฮ่าๆ น่าขำชะมัด นายเนี่ยนะ ฮ่าๆๆๆ”
จินเฟยหยู่หน้าเปลี่ยนสี เอากระบี่ของตัวเองออกมา
แต่ตอนที่เขาเอากระบี่ออกมา หุ่นสีเงินหันมามองจินเฟยหยู่ “ไม่อนุญาตให้ต่อสู้ในหอคอยฝึกฝน คนที่ลงมือจะโดนพาออกจากหอคอย ส่งใครูที่ปรึกษาจัดการ”
จินเฟยหยู่เก็บกระบี่กลับไปอย่างโมโห
หานเฟิงยกนิ้วกลางทั้งสองข้าง ให้จินเฟยหยู่ “ปัญญาอ่อน มีปัญญาก็มาจัดการฉันสิ ขอแบบแรงๆ นะ มาสิ ไอ้เด็กน้อย ลงมือสิ!”
จินเฟยหยู่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่เขากลับลงมือไม่ได้
หานเฟิงได้ใจเป็นอย่างมาก เขามีเคล็ดวิชาบู๊ในมือ ไม่มีอะไรทำ เวลาที่เหลือเขาสามารถเล่นกับจินเฟยหยู่ได้
แต่จินเฟยหยู่ไม่มีเวลายื้อกับเขามาก ทันใดนั้น เหมือนจินเฟยหยู่นึกอะไรได้ หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เมื่อกี้นายเรียกเขาว่าศิษย์น้อง เหอะๆ ศิษย์น้องของนาย ยังแข็งแกร่งกว่านาย ดูเหมือนตำแหน่งนายในคณะหนึ่งเดียวคงต้องให้ศิษย์น้องแล้ว คนน่าสงสาร โดนศิษย์น้องตัวเองบีบออก คงรู้สึกดีมากเลยใช่ไหม”
หานเฟิงอึ้งไป ท่าทางนี้ทำให้จินเฟยหยู่เข้าใจว่าพูดแทงใจดำหานเฟิงได้ ในแววตาเต็มไปด้วยความได้ใจ
แต่วินาทีต่อมา หานเฟิงกลับกุมท้องหัวเราะ
“โอ๊ย นายตลกชะมัด ไอ้เด็กน้อย นายคิดว่าคณะหนึ่งเดียวเหมือนคณะอื่นหรือไง ฮ่าๆ……คณะหนึ่งเดียวของเรา มีนักเรียนทั้งหมดแค่ห้าคน แย่งตำแหน่ง แย่งที่นั่งกินข้าวหรือ ฮ่าๆๆๆ……ด่าว่านายเป็นคนปัญญาอ่อน นายปัญญาอ่อนจริงซะงั้น”
หานเฟิงระเบิดหัวเราะออกมา ดูท่าทางของเขาเหมือนใกล้จะหัวเราะจนตายแล้ว
จินเฟยหยู่ไม่รู้สภาพการณ์ของคณะหนึ่งเดียว เพราะเขาไม่เคยไป แต่จินเฟยหยู่รู้จักคณะอื่น โดนพื้นฐาน จะใช้อันดับความแข็งแกร่งมาตัดสินตำแหน่งในคณะ วัฏจักรปลาใหญ่กินปลาเล็ก เป็นลำดับชั้นที่เข้มงวด ศิษย์พี่ที่เข้ามาเร็ว แม้เขาจะนิสัยดีแค่ไหน มนุษยสัมพันธ์กว้างขวางแค่ไหน แค่พละกำลังไม่พอ เขาก็จะโดนดูหมิ่น โดนทอดทิ้ง อยู่ในมุมที่คนมองไม่เห็นของคณะ ไม่มีใครสนใจ คณะฟ้าร้องของพวกเขาเป็นเช่นนี้ คณะกระบี่ก็เป็นเช่นนี้ คณะหยินหยางก็เช่นกัน
จินเฟยหยู่เข้าใจว่าคณะหนึ่งเดียว เหมือนคณะอื่น
แต่น่าเสียดาย คณะหนึ่งเดียวไม่ได้เป็นเช่นนี้ นักเรียนทั้งห้าคนของคณะหนึ่งเดียว มีความสัมพันธ์ดีมาก จนใส่กางเกงตัวเดียวกันได้ ประโยคนี้ไม่ใช่การเปรียบเทียบ หานเฟิงรู้เป็นอย่างดี มีบางช่วง กางเกงของเขากับศิษย์พี่ฉู่เทียนและฉู่สิง ดัดแปลงมาจากกางเกงของศิษย์พี่ใหญ่ แม้ลู่ฝานยังไม่เคยเจอ แต่จากนิสัยทำลายเสื้อผ้าบ่อยๆ ของคณะหนึ่งเดียว เดาว่าคงอีกไม่นาน
หานเฟิงนอนหัวเราะบนพื้น จินเฟยหยู่แช่งให้หานเฟิงหัวเราะจนตายไปเลย
จินเฟยหยู่กัดฟัน พูดกับหานเฟิง “ไอ้คนสมควรตาย อย่าให้ฉันเจอนายข้างนอกนะ ฉันจะจัดการนายจนเอ๋อเลย ฉันจะให้นายหัวเราะทั้งวัน หัวเราะให้พอ”
หานเฟิงเอามือกุมท้อง แล้วลุกขึ้นยืน “ได้สิ ถ้านายจัดการฉันจนเอ๋อไม่ได้ นายก็คือลูกจ๊อกของฉัน ไหนลูกจ๊อกหัวเราะให้พี่หน่อยสิ”
จินเฟยหยู่ทนไม่ไหวแล้ว พุ่งไปหาหานเฟิงโดยไม่ต้องดึงกระบี่ออกมา
ถึงต้องโดนไล่ออกจากหอคอยฝึกฝน จินเฟยหยู่ก็ต้องลงมือ
หมัดเหมือนเปลวไฟ พลังปราณพลุ่งพล่าน จินเฟยหยู่ใช้พละกำลังแดนปราณนอกออกมาทันที
พลังปราณโจมตีออกมากลางอากาศ จนมาถึงข้างหน้าหานเฟิง
หานเฟิงตะโกนว่า “จะฆ่าคนแล้ว ไอ้ยักษ์ นายไม่สนใจเลยเหรอ”
พูดพลาง หานเฟิงดึงกระบี่ฟ้าครามของตัวเองออกมา