หุ่นสีเงินยื่นมือออกมา ตบลงไปที่จินเฟยหยู่เหมือนตบยุง

พลังปราณของจินเฟยหยู่พุ่งมาได้ครึ่งทางก็โดนขวางไว้ พละกำลังแดนปราณนอกอันแข็งแกร่ง ไม่สามารถทำอะไรหุ่นสีเงินได้สักนิด ฝ่ามือขนาดใหญ่มาพร้อมกับแสงสีขาวอันแข็งแกร่ง ตบลงไปบนตัวจินเฟยหยู่ จินเฟยหยู่โดนตบจนกระอักเลือดออกมา

ทันใดนั้น เกิดแสงสว่างขึ้น ตัวของจินเฟยหยู่หายไป เหมือนเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน หายไปอย่างไร้ร่องรอย

หุ่นสีเงินพูดอย่างราบเรียบ “คนที่ไม่ทำตามกฎของหอคอยฝึกฝน มีโทษห้ามเข้าหอคอย 3 ปี นายยังไม่เก็บกระบี่อีกเหรอ”

หานเฟิงหัวเราะแหะๆ แล้วรีบเก็บกระบี่

ส่ายหัวไปมา แล้วพูดว่า “ฉันเป็นคนรักษากฎ นายอย่าตบฉัน ฉันรับความรู้สึกที่โดนตบจนแบนไม่ได้หรอกนะ”

หานเฟิงหันหลังเดินลงไปด้านล่าง เดินพลาง พึมพำว่า “ไอ้เลวคณะฟ้าร้องในเมื่อนายจะเป็นศัตรูกับฉัน งั้นฉันจะไม่ให้นายได้เคล็ดวิชาบู๊ดีๆ หรอก ฮ่าๆ โง่จริงๆ แถมยังโดนฉันยั่วโมโห จนลงมือ ฉันใช้ทักษะยั่วโมโหคนไม่ถึง 3 ใน 10 เลย เหอะๆ ห้ามเข้าหอคอย 3 ปี ไอ้หมอนี่ ไม่ได้เคล็ดวิชาบู๊ดีๆ แล้ว แต่ละชั้นสามารถได้เคล็ดวิชาบู๊หนึ่งชุด ฉันไปเดินเล่นชั้นสี่อีกดีกว่า ดูว่ามีเคล็ดวิชาบู๊อื่นหรือเปล่า ทางที่ดีต้องใช้หลบหนีได้ ล่วงเกินคนเยอะไปหมด ต้องคิดว่าควรเอาชีวิตรอดอย่างไร”

หานเฟิงเดินฮัมเพลงไปยังชั้นสี่ ตอนขึ้นมายากลำบากมาก แต่ตอนลงมา กลับไม่มีอะไรขัดขวางสักนิด

ลู่ฝานไม่สนใจสถานการณ์ของหานเฟิงกับจินเฟยหยู่ที่อยู่ข้างล่าง ตอนนี้เขาใช้แรงทั้งหมด ขึ้นไปข้างบน

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

กระบี่หนักสะบัดไปมา ปราณชี่พลุ่งพล่าน เพียงพริบตา พลังปราณที่ปลดปล่อยออกมา 20 เท่า ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์เท่าไร

ใช้พลังวิญญาณประกายแสงระยิบระยับ ปกคลุมบนกระบี่ของลู่ฝาน ทุกครั้งที่สะบัดกระบี่ออกไป มีพลังข่มขวัญเป็นอย่างมาก อำนาจพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นาน ด้านหน้าเหลือบันไดหินเพียงสามขั้น

แต่ตอนนี้พลังลมบริเวณรอบๆ เหมือนพายุเฮอริเคน พัดจนลู่ฝานแทบลืมตาไม่ขึ้น

เมื่อยื่นเท้าออกมา ม่านแสงสามแสงสว่างขึ้นพร้อมกัน ม่านแสงสีขาว เงินและแดง รวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ลู่ฝานยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นกระบี่ใหญ่กว่าสามสิบเมตรที่ก่อตัวจากม่านแสงสามสี ส่องแสงระยิบระยับ กำลังฟันมาบนหัวของเขา

ลู่ฝานยกกระบี่หนักขึ้นมา ปล่อยปราณชี่ออกมาทั้งตัว

ตอนนี้ ไม่ได้แปรเปลี่ยน พลังวิญญาณคงไม่สามารถต้านทานการโจมตีอันน่ากลัวนี้ได้

สิ่งที่ลู่ฝานสามารถทำได้เพียงสิ่งเดียวคือ นำพลังทั้งตัวผสานเข้าไปในกระบี่หนัก

ขณะเดียวกันก็ผลักดันพลังฟ้าดินทั้งหมด ในรัศมีรอบๆ สามสิบเมตร ขนาดสายลมอันบ้าคลั่ง ยังต้องหยุดชะงัก

ตอนนี้ กระบี่ใหญ่ใกล้เข้ามาถึงตัว พลังอันน่ากลัว ทำให้ลู่ฝานสั่นไปทั้งตัว

“กระบี่มังกรเหิน!”

ลู่ฝานยกกระบี่ขึ้น ความเร็วเหมือนลำแสงกะพริบ เร็วกว่าการลงมือของนักบู๊แดนปราณนอก เป็น 10 เท่า

กระบี่หนักกระแทกกับกระบี่ใหญ่อย่างแรง

พลังอันน่ากลัว สร้างแรงกระเพื่อม แผ่ออกไปเป็นวงกว้าง

ลู่ฝานกัดฟันยืนหยัด เกราะปรากฏขึ้นทั้งตัวกลายเป็นเกราะอันแข็งแกร่ง ปกคลุมตัวเขา ขนาดที่ใบหน้า ก็ยังป้องกันเอาไว้ด้วย

ลู่ฝานพลิกมือ ฟันกระบี่ใหญ่ออกไป กระบี่ใหญ่โดนลู่ฝานแยกเป็นสอง แต่กระบี่หนักครึ่งที่เหลือหล่นลงมาบนตัวลู่ฝาน

เสียงดังชิ้ง ลู่ฝานถอยหลังไปครึ่งก้าว มีรอยสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนเกราะ แต่มันก็แค่เท่านั้น

วิชากระบี่หนัก ระเบิด!

ลู่ฝานฟาดกระบี่ออกมา โจมตีลงบนแสงกระบี่ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง

พลังสามสีแตกกระจายทันที กลายเป็นแสงดวงเล็กๆ ลอยไปทั่ว ลู่ฝานใช้โอกาสนี้เดินขึ้นไปสามก้าว เข้าสู่ชั้นที่หก

ฟู่ว……

ลู่ฝานถอนหายใจออกมา ชั้นหกนี่ขึ้นยากจริงๆ เขาใช้แทบทุกวิธีแล้ว

ช้อนตามองไป ชั้นหกของหอคอยฝึกฝนแตกต่างจากชั้นห้าโดยสิ้นเชิง

เมื่อเงยหน้าขึ้น ไม่เห็นเปลวไฟลอยไปมา แต่เป็นทางช้างเผือก เหมือนทางช้างเผือกจริงๆ รู้สึกเหมือนสามารถยื่นมือไปสัมผัสได้

เกราะบนตัวหายไป ลู่ฝานมองทางช้างเผือกอย่างอึ้งๆ

ขณะนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น

“ลู่ฝาน นายเหรอ”

ลู่ฝานหันไปมอง เห็นตรงกลางชั้นหกอันกว้างใหญ่ มีบัลลังก์สีทองหนึ่งบัลลังก์ หุ่นสีทองตัวหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ อีกทั้งยังมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนหัวหุ่น เป็นผู้หญิงที่คุ้นตามาก

“ฮ่วนเย่ว์”

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าพวกเขาจะเจอกันที่นี่อีก

ฮ่วนเย่ว์โดดลงมาจากบนหัวหุ่นสีทอง วิชากายเต็มเปี่ยม ราวกับใบหลิวปลิวไปมา ลงมาตรงหน้าลู่ฝาน

ฮ่วนเย่ว์มองหน้าลู่ฝาน เธอยิ้มแล้วตบไหล่ลู่ฝาน “นายใช้ได้เลยนะ คิดไม่ถึงว่าจะขึ้นมาชั้นหกได้ คิดไม่ถึงๆ เมื่อกี้เกราะบนตัวนายคืออะไร ดูเท่มากเลยนะ”

ลู่ฝานยิ้มบางๆ “วิชาพิเศษอย่างหนึ่งเท่านั้น”

ฮ่วนเย่ว์หัวเราะ เผยให้เห็นฟันเขี้ยวเล็กๆ “สอนฉันได้ไหม”

ลู่ฝานอึ้งไป จากนั้นส่ายหน้าพูดว่า “กลัวว่าคงไม่ได้”

ฮ่วนเย่ว์ย่นปากยู่ “ขี้เหนียว ช่างเถอะ ในเมื่อนายมาแล้ว งั้นช่วยฉันหน่อย ทะเลดาวแห่งเคล็ดวิชาบู๊บ้าบอนี่ ทำให้ฉันเก็บเคล็ดวิชาบู๊ไม่ได้สักเล่ม น่าโมโหชะมัด”

ลู่ฝานขมวดคิ้ว “ทะเลดาวแห่งเคล็ดวิชาบู๊งั้นเหรอ”

ฮ่วนเย่ว์ชี้ทางช้างเผือกบนหัว “ก็สิ่งนี้ไง ดวงดาวข้างในทุกดวง ล้วนเป็นเคล็ดวิชาบู๊ เราเก็บดวงใหญ่ที่สุด นายมาช่วยฉันสิ”

ลู่ฝานพูดว่า “ช่วยยังไงล่ะ”

ฮ่วนเย่ว์สะบัดมือ แสงสีขาวดวงหนึ่ง เข้าไปในทางช้างเผือก ต่อมา แสงกระบี่ร่วงลงมา

ลู่ฝานสะดุ้งโหยง ยกกระบี่หนักขึ้นมากันแสงกระบี่เอาไว้

ฮ่วนเย่ว์ยิ้มแล้วพูดว่า “ช่วยแบบนี้ไง”