บทที่ 351 ไม่เข้าตาฉันจริงๆ / บทที่ 352 ไม่เกี่ยวกับพี่ Ink Stone_Romance
บทที่ 351 ไม่เข้าตาฉันจริงๆ
กู้เยว่เจ๋อกล่าวผดุงความยุติธรรมจนจบ พลันหันมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยว่า “ผมกับเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก แต่เพราะคุณลุงเยี่ยใช้อำนาจบีบบังคับ ผมไม่ได้ฉีกหน้าคุณจนถึงวันนี้ ก็ถือว่าพยายามทำดีที่สุดแล้ว!”
ได้ฟังคำพูดของกู้เยว่เจ๋อ เยี่ยมู่ฝานกำหมัดแน่นเกือบจะอดใจไม่อยู่ ชกออกไปแล้ว
เห็นชัดเจนอยู่ว่าไอ้สารเลวนี่เห็นผลประโยชน์ก็ลืมคลองธรรม พอเห็นว่าคุณพ่อหมดอำนาจ ก็รีบไปเกาะเยี่ยอีอีทันที คงกลัวว่าคนจะเอาไปพูดจึงไม่ได้บอกเลิกการหมั้นหมายในทันที ตอนนี้กลับพูดเป็นการกล้ำกลืนความอัปยศ ช่างไร้ยางอายสุดๆ ไปเลย!
มู่เยี่ยฝานแม้จะแอบหัวเราะเย็นชาอยู่ในใจ แต่จงใจไม่พูดอะไร และมองเย้ยหยันไปทางเยี่ยหวันหวั่นเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
เป็นไปตามคาด แค่เห็นกู้เยว่เจ๋อ เยี่ยหวันหวั่นก็ปอดขึ้นมาทันที ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่กล้าพูดแทรกสักคำ
“ขอโทษด้วยครับคุณเยี่ยเส่าถิง เพื่อรักษามิตรไมตรีเล็กน้อยในอดีต ผมได้ทำผิดต่ออีอีมานานเกินไปแล้ว งานหมั้นระหว่างผมกับเยี่ยหวันหวั่นให้ยุติลงตรงนี้!” กู้เยว่เจ๋อแม้แต่สรรพนาม “คุณลุงเยี่ย” ก็ไม่เรียกแล้ว พูดจบก็โอบเยี่ยอีอีหันกายจากไป
“หวันหวั่น…” เยี่ยอีอีมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าขอโทษ แล้วถูกกู้เยว่เจ๋อโอบตัวเดินแยกออกไป
“คนสารเลว!” เยี่ยเส่าถิงโมโหจนหน้าบวมแดง อกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง
วันนี้ได้รับความอัปยศมากเท่าไรก็ยังไม่รู้สึกโกรธ ทว่าเวลานี้กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เหลียงหวั่นจวินกุมมือลูกสาวด้วยความเป็นห่วง “หวันหวั่น…”
เยี่ยมู่ฝานมองเยี่ยหวันหวั่นที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แค่นเสียงด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “เยี่ยหวันหวั่น แกมันอนาคตไกลจริงๆ แค่เห็นกู้เยว่เจ๋อ จะตดก็ยังไม่กล้าเลย! เมื่อครู่อยู่ต่อหน้าพ่อแม่พูดจาสวยหรูมากไม่ใช่เหรอ? เป็นอะไร พอเห็นคนอื่นเขาดูแลปกป้องเยี่ยอีอี รู้สึกหดหู่ใจละสิ? ทำเป็นพูดว่าจะปกป้องพ่อแม่! กลัวว่าแค่คนสกุลกู้นั่นกวักมือเรียกแกก็ลืมแล้วว่าตัวเองชื่อสกุลอะไร ลืมไปด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนให้กำเนิดเลี้ยงดูแกมา!”
“มู่ฝานหยุดพูดได้แล้ว!” เหลียงหวั่นจวินมองเยี่ยมู่ฝานด้วยสายตาตำหนิ
เยี่ยมู่ฝานแค่นเสียงเย็นชา “ผมพูดผิดตรงไหน? สันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! ผมขอเตือนไว้เลย เย็นนี้ให้พ่อกับแม่ดูเธอให้ดี ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะต้องขายหน้าคนอื่นอย่างไรอีก!”
สำหรับทีท่าของเยี่ยมู่ฝาน เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ได้สนใจเลย หยักมุมปากยิ้มเริงร่า หัวเราะกระซิกพลางกล่าว “พี่กังวลเกินไปแล้ว ฉันไม่พูดก็เพราะคร้านจะคุยกับคนแบบนั้นต่างหาก
อย่างไรแล้ว…พี่ชาย คนเราก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ สายตาก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นกู้เยว่เจ๋อคนเกรดนั้น ฉันน้องสาวของพี่ไม่สนใจแล้วจริงๆ!”
เยี่ยมู่ฝานได้ยินแบบนี้ก็อึ้งงัน แสดงออกชัดเจนว่าคาดไม่ถึงที่เยี่ยหวันหวั่นจะพูดจาแบบนี้ออกมา เมื่อก่อนแค่เขาพูดไม่ดีถึงกู้เยว่เจ๋อแม้เพียงเล็กน้อย เธอก็วีนแตกใส่เขาแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยต่อไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ฉันไม่ได้เหมือนพี่นะ หลายปีแล้วสายตามองคนก็ไม่พัฒนาขึ้นเลยสักนิด!”
เยี่ยมู่ฝานได้ยินนัยยะจากคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าพลันถอดสี วางแก้วเหล้าในมือกระแทกลงบนโต๊ะ “เยี่ยหวันหวั่น! แกหมายความว่าไง!”
เยี่ยหวันหวั่นเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มเอ่ยไปว่า “พี่ปากก็พูดอยู่ตลอดว่าเพื่อผู้ชายคนเดียว ฉันก็ลืมชื่อสกุลของตัวเอง แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่รู้จักแล้ว แต่ตัวพี่เองล่ะ? พี่ดีกว่าฉันตรงไหน? ก็ยังหลงผู้หญิงคนเดียวหัวปักหัวปำไม่ใช่เหรอ? ยอมลดตัวเองไปเป็นม้าเป็นวัวให้เขาใช้งาน!”
…………………………………
บทที่ 352 ไม่เกี่ยวกับพี่
“เธอ…” เยี่ยมู่ฝานโมโหจนหายใจติดขัด
“พอแล้วๆ วันนี้ไม่ง่ายเลยกว่าครอบครัวพวกเราจะรวมตัวกันได้ อย่าทะเลาะกันแล้ว!” เหลียงหวั่นจวินเห็นพี่ชายน้องสาวสองคนทะเลาะกันอีกแล้ว ก็รีบไกล่เกลี่ย
เยี่ยมู่ฝานฝืนกล้ำกลืนความโมโหลงท้องไป ก้มหน้าดื่มเหล้าไม่หยุด
เวลานี้ งานเลี้ยงดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้ว
เยี่ยอีอีหยิบไมโครโฟนขึ้นมา ยืนอยู่บนเวทีพูดต้อนรับแขกที่มางานวันเกิดอย่างมีน้ำใจและเป็นธรรมชาติ ทั้งตัวดูมีความเป็นผู้ดีและสง่างาม
เพราะสามีภรรยาเยี่ยเส่าอันและคุณผู้หญิงไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลาเพราะหิมะตกหนัก ทั้งงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่นี้ เยี่ยอีอีจัดการคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ จัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เจ้าภาพและแขกต่างมีความสุขกัน
สายตาบรรดาแขกเหรื่อที่มองมายังเยี่ยอีอีต่างเต็มไปด้วยความชื่นชม “ไม่เสียแรงที่เป็นหลานสาวที่ผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยทั้งสองรักเอ็นดูมากที่สุด อายุยังน้อยก็มีความเป็นผู้นำหญิงในบ้านแล้ว ถ้าสามารถสู่ขอภรรยาที่เก่งแบบนี้ได้ ต้องโชคดีมากจริงๆ!”
“อย่าคิดเลย เธอโดนตระกูลกู้ชิงตัวไปนานแล้ว! ไม่เห็นเหรอว่าคืนนี้ทั้งคืนเงาสองคนนั้นแยกกันไม่ออกเลย!”
“ทั้งสองคนสมกันเหมือนกิ่งทองใบหยกจริงๆ เป็นคู่ที่พระเจ้าสร้างมาให้คู่กัน!”
“จุ๊ กลัวว่าจะมีคนตามตื๊อไม่เลิกสิ…”
……..
พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของบรรดาแขกก็มองไปทางร่างหนึ่งที่อยู่ในซอกหลืบ
“อันที่จริง ถ้าพูดเรื่องหน้าตา เยี่ยหวันหวั่นถือว่าชนะนิดหน่อย!”
“อีกทั้งยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยนิเทศเมืองหลวงด้วยคะแนนสูงขนาดนั้น แล้วยังรู้จักกับผู้อาวุโสเหมยด้วย…”
ทุกคนรู้ พูดว่า ‘ชนะนิดหน่อย’ แต่ที่จริงแล้วเป็นคำพูดอ้อมๆ การปรากฏตัวของเยี่ยหวันหวั่นคืนนี้พูดว่าทำให้ทั้งงานตกตะลึงก็ไม่เกินจริง ยังไม่พูดถึงแต่ละเรื่องที่เธอทำให้ผู้คนประหลาดใจในวันนี้
แต่ว่า ทุกคนต่างรู้ดี ถึงแม้เยี่ยหวันหวั่นจะสวยเพียงไหนเก่งเพียงใดแล้วยังไง?
ด้วยสถานการณ์ของเยี่ยเส่าถิงตอนนี้ ไม่ว่าเยี่ยหวันหวั่นจะดียังไงก็ไม่มีทางเทียบชั้นกับเยี่ยอีอีได้เลย ถึงแม้จะตามตื๊อต่อ เธอกับกู้เยว่เจ๋อก็อยู่กันคนละโลกแล้ว
ทุกคนกำลังทอดถอนใจอยู่ หลังจากเห็นเยี่ยอีอีพูดจบ จู่ๆ กู้เยว่เจ๋อก็เดินขึ้นไปบนเวที
เยี่ยอีอีมองไปทางชายหนุ่ม มีความทนไม่ไหวและลังเลในสายตา
กู้เยว่เจ๋อกุมมือเยี่ยอีอี แววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ พูดเสียงเบา “อีอี ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงความรู้สึกของลูกพี่ลูกน้องคุณ แต่ว่า ถือว่าผมขอร้องคุณ คิดถึงตัวเอง คิดถึงผมบ้าง! ผมอยากจะให้ทุกคน ให้ทั้งโลกรู้… ว่าคุณเป็นของผม…”
เยี่ยอีอีได้ยินคำพูดกู้เยว่เจ๋อ แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง สุดท้ายก็พยักหน้า
ทุกคนเห็นกู้เยว่เจ๋อจู่ๆ เดินขึ้นไปบนเวที สายตาต่างมองไปยังตัวกู้เยว่เจ่อ มีสายตาอยากรู้อยากเห็นและสงสัย ไม่รู้ว่ากู้เยว่เจ๋อคิดจะทำอะไร
มีเพียงเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ในมุมรู้ คืนนี้ กู้เยว่เจ๋อไม่เพียงแต่จะประกาศยกเลิกสัญญางานแต่งกับเธอ แล้วยังจะประกาศหมั้นกับเยี่ยอีอีต่อหน้าสาธารณชนด้วย เหยียบย่ำศักดิ์ศรีครอบครัวพวกเขาจมดิน
เพราะเรื่องนี้ ชาติที่แล้วเธอโวยวายจนงานเลี้ยงล่ม และทำให้ตัวเองและพ่อแม่ขายหน้ากันหมด
ชาตินี้…ทุกอย่างเหมือนจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง…
“ทุกท่าน ขอโทษด้วยครับ ขอขัดเวลาของทุกคนสักหน่อย!” กู้เยว่เจ๋อถือไมโครโฟน จู่ๆ พูดขึ้นมา
สายตาของคนทั้งงานต่างรวมกันอยู่ที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาบนเวที รอฟังคำพูดต่อไปของเขา
เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้น ดื่มน้ำชาอึกสุดท้ายในถ้วย จากนั้น ลุกขึ้นยืน
เยี่ยมู่ฝานเห็นเยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นยืน สีหน้าเกร็งขึ้นมาทันที แล้วจับมือเธอไว้ “เยี่ยหวันหวั่น เธอจะทำอะไร?”
ริมฝีปากสีชมพูซากุระยกขึ้นเล็กน้อย ไม่พูดไม่จาชักมือออกจากฝ่ามือเยี่ยมู่ฝาน “ไม่เกี่ยวกับพี่”
……………………………………………………..