ตอนที่ 287 ขมขื่น

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนนี้หลี่อันหรูไม่รู้ว่าฝันร้ายของนางยังคงอยู่ด้านหลังนาง

นางสั่นเป็นเจ้าเข้า นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงแต่สายตาไปจับจ้องอยู่ที่เจียงป่าวชิงผู้ซึ่งยืนเงียบไม่พูดอะไรอยู่ด้านข้าง เสียงของนางทั้งแหบและสั่นเครือ “มะ… หมอเจียง ช่วยข้าด้วย”

เจียงป่าวชิงยังไม่ทันพูดอะไร จิ้นเทียนหยู่ก็ฉุดดึงนางด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เขาเดินเข้าไปจ้องหลี่อันหรูด้วยแววตาดุร้ายและคำพูดที่เขาพูดออกมาก็ไม่น่าฟังเอามาก ๆ

“ร้ายนัก! สิ่งที่คุณหนูจากเมืองหลวงอย่างพวกเจ้าเรียนมานั้น มีแต่วิธียั่วยวนผู้ชายอย่างนั้นรึ ?”

หลี่อันหรูกลัวถึงขีดสุด แต่นางเลือกที่จะเทความกล้าหมดหน้าตักพูดตอบโต้แม้จะสะอื้นไห้ไปด้วย “เจ้าด่าข้าคนเดียวก็พอแล้ว มีผู้หญิงที่มีคุณธรรมและสง่างามมากมายในเมืองหลวง ทำไมเจ้าต้องดูถูกเหมารวมเช่นนี้ด้วย”

จิ้นเทียนหยู่บีบคางหลี่อันหรูและยิ้มเหี้ยม ในรอยยิ้มมีความไม่แยแสปะปนอยู่ “ทำไม ตอนนี้พอเห็นว่าไม่มีกลยุทธ์ยั่วผู้ชายแล้ว จึงอยากเปลี่ยนวิธี ต้องการแสดงความเย่อหยิ่งของเจ้าให้คนอื่นเห็นอย่างนั้นสิ ? เหอะ… ถ้าหากว่าเจ้ามีความเย่อหยิ่งนั้นจริง ตอนที่ถูกข้าลักพาตัวกลับหมู่บ้านมา เจ้าก็ควรกัดลิ้นตายตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสิ!”

หลี่อันหรูกลัวจิ้นเทียนหยู่มากจริง ๆ นางก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัวและสะอื้นไห้หนักขึ้น ท่าทางหยิ่งผยองเมื่อสักครู่หายสาบสูญไปหมดสิ้นแล้วในขณะนี้

เจียงป่าวชิงถอนหายใจ นางเข้าไปจับข้อมือของจิ้นเทียนหยู่และฉุดดึงเบา ๆ “เอาน่า… นิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอ เจ้าอย่าขู่ขวัญนางมากนักเลย”

จิ้นเทียนหยู่ตกตะลึง เขาเบิกตากว้างมองข้อมือตัวเองที่ถูกเจียงป่าวชิงจับไว้ด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็ปล่อยคางหลี่อันหรู

กู่ฟู่กุ้ยหยิบเก้าอี้มานั่งอยู่ด้านข้างและมองสังเกตหลี่อันหรู “อืม… หญิงผู้นี้ถูกน้องสามลักพากลับมานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นนาง หน้าตานางไม่แย่จริง ๆ”

หลี่อันหรูตกใจจนสั่นไปทั้งตัว

กู่ฟู่กุ้ยไม่เหมือนจิ้นเทียนหยู่ที่เป็นเด็กน้อย ตอนนี้เขาไม่มีความสนใจอยากรังแกเด็กผู้หญิงจึงมองหลี่อันหรูนิ่ง ๆ “แม่นางหลี่ หมอเจียงของเราคงบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าในหมู่บ้านเรามีกฎที่ว่าห้ามรังแกผู้หญิงและเด็ก เดิมทีข้าตั้งใจไว้ว่าจะให้น้องสามส่งเจ้ากลับบ้านเมื่ออาการบาดเจ็บของเจ้าเกือบหายเป็นปกติ ซึ่งก็น่าจะภายในสองสามวันนี้”

หลี่อันหรูตกตะลึงทันที นางเคยได้ยินเจียงป่าวชิงพูดแบบนี้มาก่อน แต่นางคิดมาตลอดว่าเจียงป่าวชิงคงหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอย่างขอไปทีเพื่อปลอบขวัญนางเท่านั้น

…ที่แท้คือเรื่องจริงหรอกหรือนี่

แต่นางไม่ได้ฟังคำพูดของกู่ฟู่กุ้ยพลาดไป เขาบอกว่า “เดิมทีตั้งใจไว้ว่า…”

แน่นอนว่าคำพูดที่มีความหมายเปลี่ยนทิศทางเช่นนี้มักจะมีปัญหาเสมอ หลี่อันหรูตื่นตระหนกทันที …หรือว่าคนที่หน้าตาโหดเหี้ยมคนนี้เห็นความงามของนางแล้วก็นึกอยากครอบครองนางเป็นของเขาเอง

หลี่อันหรูรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย นางถามเสียงอ่อย “เจ้า… เจ้าหมายความว่ายังไง ?”

กู่ฟู่กุ้ยไม่รู้ว่าหลี่อันหรูกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเพียงแค่รู้สึกว่าถ้าหากลูกสาวของเขายังมีชีวิตอยู่นางก็คงโตเท่านี้แหละ ด้วยเหตุนี้ ท่าทีของกู่ฟู่กุ้ยที่มีต่อหลี่อันหรูจึงค่อนเข้างนุ่มนวลเล็กน้อย “แม่นางหลี่ เจ้ารู้จักซุนโก๋จื่อกับฉินหัวหรือเปล่า ?”

หลี่อันหรูรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบในใจ นางรู้จักสองคนนี้อย่างแน่นอน

ในช่วงไม่กี่วันนี้ สองคนนี้มักมาหานางบ่อย ๆ นางคำนึงถึงสถานการณ์จนมุมของตัวเองจึงอดทนอดกลั้นความสะอิดสะเอียนและพูดคำพูดสารพัดอย่างกับสองคนนี้ เพื่อให้พวกเขาทั้งหลงไหลและสงสารนางมากขึ้น ทำไมนางจะไม่รู้จักพวกเขาเล่า ?

กู่ฟู่กุ้ยเห็นสีหน้าหลี่อันหรูก็รู้แล้ว เขาพยักหน้า “ฮืม… แม่นางหลี่ ในเมื่อเจ้ารู้จักซุนโก๋จื่อกับฉินหัว เช่นนั้นข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยแล้วกัน เนื่องจากซุนโก๋จื่อกับฉินหัวชิงรักหักสวาทเพราะเจ้า คนหนึ่งจึงถูกแทงตาย ส่วนอีกคนก็ถูกประหารชีวิตต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านเมื่อเช้านี้”

ทั้งสองคนตายแล้วอย่างนั้นรึ ?!

ผู้หญิงบอบบางที่เกิดมาอย่างดีในครอบครัวมีฐานะอย่างหลี่อันหรูได้ยินเรื่องความเป็นความตาย นางก็ตกใจจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้น นางก็รวบรวมความกล้าพูดกับกู่ฟู่กุ้ย “คือ… ข้าถูกขังอยู่ในห้องมาตลอด ข้าไม่รู้เรื่องนี้หรอก”

กู่ฟู่กุ้ยพยักหน้า “เฮ้อ! ถึงยังไงเรื่องนี้ก็ไม่สามารถโทษเจ้าไปตรง ๆ ได้จริง ๆ นั่นแหละ”

หัวใจของหลี่อันหรูยังไม่ทันเต้นช้าลง กู่ฟู่กุ้ยก็พูดขึ้นอีกครั้ง “แต่เนื่องจากเจ้าเป็นต้นเหตุทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องสองคนต้องแตกสลาย เรื่องนี้จึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ เจ้าดูอยากจะคบค้าสมาคมกับพวกพี่น้องในหมู่บ้านไม่ใช่รึ ? งั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่ออย่างสบายใจและแต่งงานกับใครสักคนซะเลยสิ เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็มีลูกสักสองสามคนในนามลูกบุญธรรมของซุนโก๋จื่อและฉินหัว แบบนี้จะได้ถือว่าเหลือทายาทให้กับสองพี่น้องของข้าด้วยยังไงล่ะ”

หลี่อันหรูได้ยินว่าหัวหน้าโจรอย่างกู่ฟู่กุ้ยคิดจะให้นางอยู่ในหมู่บ้านโจรแห่งนี้ แล้วยังเสนอให้นางมีลูกสักสองสามคน หัวใจของนางก็แตกสลายแทบจะในทันที

เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นอย่างสิ้นหวัง “เจ้า! นี่เจ้าไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”

กู่ฟู่กุ้ยหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ แม่นางหลี่ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ? ที่นี่คือถ้ำโจรและพวกข้าก็เป็นโจร พวกข้าจะไปใช้เหตุใช้ผลอะไรกับเจ้า”

พูดเสร็จเข้าก็หันหลังเตรียมกลับไป แต่ก่อนไป เขาพูดกับเจียงป่าวชิงเล็กน้อย “น้องเจียง เจ้ารักษาขาของผู้หญิงคนนี้ให้ดี ๆ ล่ะ ข้าคิดว่าพี่น้องในหมู่บ้านคงไม่อยากแต่งงานกับคนง่อยสักเท่าไหร่หรอก”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า

จิ้นเทียนหยู่มองเจียงป่าวชิง แล้วเขาก็เดินตามกู่ฟู่กุ้ยออกไปโดยที่ไม่พูดอะไร

เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าจิ้นเทียนหยู่แปลกไปที่ช่วงหลังเขาไม่ค่อยระเบิดอารมณ์สักเท่าไหร่ เห็นทีว่าวิธีการรักษาของนางจะก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วล่ะ

คิดได้ดังนั้น เจียงป่าวชิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าในใจ ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงร้องไห้ของหลี่อันหรูก็ดังเข้ามาในหูของนาง นางรีบดึงสติกลับมาก็เห็นว่าหลี่อันหรูนอนคว่ำหน้าซุกผ้าห่มและร้องไห้หนักมาก

เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้แตะต้องนางด้วย

สำหรับผู้หญิงบอบบางที่เกิดมาในที่ที่ดี ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้คือหายนะจากสวรรค์ สมแล้วที่จิตใจของนางจะรู้สึกพังทลายเช่นนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางใกล้จะได้อิสรภาพกลับคืนมาแล้ว เพียงแค่นางรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาเสร็จก็จะถูกส่งกลับ แต่ตอนนี้โอกาสที่จะได้รับอิสรภาพกลับคืนมานั้นห่างนางออกไปไกล

เจียงป่าวชิงจัดเก็บกล่องยาอย่างเงียบ ๆ ตอนที่นางกำลังจะกลับ หลี่อันหรูก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาที่บวมเหมือนลูกท้อเน่าและเรียกนางไว้ก่อน “เดี๋ยว… หมอเจียง”

เจียงป่าวชิงหยุดฝีเท้าทันที

“ตอนนี้เจ้ากำลังหัวเราะเยาะข้าอยู่ใช่ไหมเล่า ?” หลี่อันหรูถามปนสะอื้น

เจียงป่าวชิงส่ายหน้าและหันกลับมาลูบศีรษะหลี่อันหรูเบา ๆ “เฮ้อ… บางครั้งชีวิตก็ขมขื่นมาก”

หลี่อันหรูตกตะลึงทันที

เจียงป่าวชิงเก็บมือกลับมา ในกรณีที่ไม่ได้จะต้องรักษาอะไรใคร นางไม่ชอบสัมผัสคนอื่น แต่เมื่อสักครู่ตอนที่นางมองดูท่าทางสิ้นหวังของหญิงผู้นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันที่ตนเองฟื้นตื่นขึ้นมาพบกับเจียงฉิงที่ริมแม่น้ำเมื่อสามปีก่อน

ช่วงเวลานั้นนางเองก็รู้สึกว่าชีวิตขมขื่นมาก กว่าจะมีครอบครัวได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องมาสูญเสียญาติเพราะน้ำท่วมในครั้งนั้น

ช่วงเวลานั้น เมื่อใดก็ตามที่นางนึกถึงเจียงหยุนชาน รสขมในปากของนางเข้มข้นมากเสียจนไม่สามารถกำจัดมันได้

แต่นางต้องหยุดมัน

ชีวิตคนเรามันก็ขมขื่นเช่นนี้แล แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชีวิตรอดต่อไป เพราะชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก ความขมขื่นคือชั่วชีวิต ความหวานก็ชั่วชีวิตเช่นกัน เราจะต้องดำเนินชีวิตนี้ให้ดีจนถึงที่สุด

เจียงป่าวชิงมองหลี่อันหรูที่สิ้นหวังก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา “จงมีชีวิตต่ออย่างมีความสุขเพื่อตัวเจ้าเองเถอะ”