บทที่ 144 ตามหาซิวหลัว
ตอนแรก ปัญหานี้ไม่ชัดเจน แต่ยิ่งกลืนลูกแก้วโลหิตมากขึ้น ปัญหาก็จะยิ่งเด่นชัดขึ้น
ดังนั้นหลัวซิวไม่ได้กลืนลูกแก้วโลหิตทั้งสิบสองเม็ดนี้ให้หมดเพื่อให้แดนร่างกายแกร่งขึ้นในทันที แต่รวมไฟสองระดับความเป็นตายในร่างกาย กลั่นแปรสิ่งเจือปนในร่างกาย ให้พลังที่ปั่นป่วนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
แดนนานาอสูรนี้เต็มไปด้วยอสูร หลัวซิวฝึกฝนอยู่ที่นี่ก็ไม่กล้าประมาท ทางเข้าหน้าถ้ำ เขาได้ทิ้งผังค่ายคุ้มกันระดับ 5 และผังค่ายซ่อนงำระดับ 5 ไว้หน้าทางเข้าถ้ำอย่างละอันทันที
ผังค่ายเหล่านี้เป็นสมบัติที่ราชายุทธ์ปู้เฉินเหลือไว้ แค่ใช้หินพลังจิตในการทำงาน ไม่ต้องใช้พลังของจอมยุทธ์ให้ค่ายกลทำงาน
แน่นอนว่าค่ายกลที่ไม่ต้องการควบคุมแบบนี้ พลังจะด้อยกว่าค่ายกลที่นักค่ายกลควบคุมเอง
เปลวไฟสีขาวดำไหลเวียนอยู่ในเส้น จากนั้นก็ผลิบานจากภายในสู่ภายนอกผิวกาย
พลังแห่งชีวิตลึกลับไร้จุดสิ้นสุด ไฟสองระดับความเป็นตายที่สร้างขึ้นมามีประโยชน์อย่างไร้ขอบเขต กลั่นแปรสิ่งเจือปนในร่างกาย ให้พลังแปรป่วนกลายเป็นหนึ่งเดียวเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
ความลึกลับของสองระดับความเป็นตาย สำหรับหลัวซิวเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ แต่รู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งนี้
ไม่ต้องพูดถึงสองระดับความเป็นตายแม้ว่าจะแยกพลังแห่งชีวิตและพลังแห่งความตายออกจากกัน ก็ทำให้เขามีพลังที่เหนือกว่าจอมยุทธ์ทั่วไป
ผนึกรวมลมหายใจ และกลั่นแปรสิ่งเจือปน หลัวซิวคิดในใจ หากร่างกายของเขาสามารถชุบร่างเนื้อถึงขั้น 1 บรรลุผล ร่างกายจะเทียบได้กับนักยุทธ์ชั้นสูง ไม่รู้ว่าสามารถใช้พลังสามเท่าของพลังแปรเสวียนเทียนหรือไม่?
พลังแปรเสวียนเทียน วิชายิ่งเลิศนี้ สามารถกระตุ้นพลังได้ 2 ถึง 5 เท่า ยิ่งกระตุ้นพลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรับภาระบนร่างกายมากขึ้นเท่านั้น จนถึงตอนนี้หลัวซิวสามารถใช้ความพลังเพียงสองเท่าเพื่อต่อสู้กับศัตรูเท่านั้น
…
โลกยุทธ์ แบ่งออกเป็นฐานการฝึกตน ฐานแดน และมีฐานร่างเนื้อ
ตามความรู้ปัจจุบันของหลัวซิว ฐานการฝึกตนแบ่งออกเป็นเก้าแดน ได้แก่ กลั่น ชี่ไห่ พรสวรรค์ ฝึกจิต ราชายุทธ์ จักรพรรดิยุทธ์ มกุฏยุทธ์ เจ้ายุทธจักร มหาจักรพรรดิยุทธ์
แดนแบ่งออกเป็นวิชาและยุทธ์ วิชามีสี่แดน คือ สำเร็จแรก สำเร็จน้อย บรรลุผล บริบูรณ์ หลังจากเข้าสู่ยุทธ์ จะควบคุมห้วงยุทธ์ได้อย่างเชี่ยวชาญ
และร่างเนื้อ แบ่งเป็นร่างยุทธ์ชั้นแรก ร่างยุทธ์ชั้นกลาง ร่างยุทธ์ชั้นสูง ร่างยุทธ์ขั้นสูง ร่างยุทธ์แดนคิง ร่างยุทธ์แดนจักรพรรดิ์ ร่างยุทธ์แดนมกุฏ ร่างยุทธ์แดนเจ้ายุทธจักร ร่างยุทธ์แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์!
ร่างเนื้อปัจจุบันของหลัวซิว อยู่ในร่างยุทธ์ขั้นกลาง เข้าใกล้ร่างยุทธ์ขั้นสูง!
ขณะที่เขากลืนลูกแก้วโลหิตพรสวรรค์เพื่อชุบร่างเนื้อ เหยียนเยว่เอ๋อร์บินไปมาในป่าพื้นที่เขต 2 เพื่อจับจอมยุทธ์พรสวรรค์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังจะเสียชีวิต
“ถ้าไม่ใช่เพราะเทพจิตของข้าบาดเจ็บ ต้องใช้ยาคืนวิญญาณเพื่อกลั่นยาฟื้นวิญญาณในการรักษา จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนี้หรือ?”
ยกเว้นหลัวซิวและหวงหยวนซานที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว จอมยุทธ์พรสวรรค์เจ็ดคนถูกควบคุมและจุดตันเถียนต่างก็ถูกทำลาย
“คุณเหยียน เจ้าทำลายผลการฝึกตนและจับตัวพวกข้ามา หมายความว่าอย่างไร?” สีหน้าจอมยุทธ์พรสวรรค์ทั้งเจ็ดคน เต็มไปด้วยโทสะ
ฐานยุทธ์ถูกทำลายลง จอมยุทธ์แดนกลั่นร่างก็สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
สำหรับจอมยุทธ์คนหนึ่ง ฐานยุทธ์ถูกทำลาย รับไม่ได้ยิ่งกว่าถูกห่าตายอีก
“แม้ว่าฐานการฝึกฝนของพวกข้าจะถูกทำลาย พวกข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าดูถูกพวกข้า เจ้ากล้าก็ฆ่าข้าซะ!” มีคนกัดฟันแน่นพร้อมคำราม
“หุบปาก!”
เหยียนเย่วเอ๋อร์ส่งเสียงเย็นชาออกมา ดวงตาที่สวยงามของนางเย็นชา ความกดดันทรงพลังแผ่กระจายออกจากร่างกายที่บอบบางของนาง
ความกดดันที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของนาง ทำให้จอมยุทธ์พรสวรรค์ทั้ง 7 คนรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่มาจากจิตวิญญาณ แม้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ฝึกจิตถึงผู้ชนะแห่งโลกยุทธ์ ก็ไม่เคยทำให้พวกเขารู้สึกเช่นนี้
คุณหนูที่มาจากที่มาจากเมืองกู่เจี้ยนของตระกูลเหยียน เป็นใครกันแน่ และผลการฝึกฝนของนางถึงไหนแล้ว?
จิตใจของทุกคนอดไม่ได้ที่จะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
ชายชุดขาวก้าวออกมา ปิดผนึกคอของจอมยุทธ์พรสัวรรคทั้ง 7 เพื่อไม่ให้พวกเขาส่งเสียงออกมา ชายร่างกำยำก็ก้าวออกมาช่วย มัดจอมยุทธ์พรสวรรค์ทั้ง 7 ไว้ด้วยกัน
“หลัวซิวผู้นั้นไปไหน?”
การสำนึกของเหยียนเย่วเอ๋อร์ปกคลุมทั่วพื้นที่ขนาดใหญ่ของป่าสีเลือดอย่างท่วมท้น คิ้วเรียวขมวดแน่น
แดนนานาอสูรนี้ ตั้งแต่พื้นที่เขต 3 ต้องสังเวยเลือดถึงจะเข้าไปได้ ดังนั้นเหยียนเย่วเอ๋อร์จึงจับจอมยุทธ์พรสวรรค์ทั้ง 7 มาหมด เพื่อจะใช้ในการสังเวย
สำหรับอสูรเหล่านั้นที่อยู่ในแดนนานาอสูรนี้ ไม่สามารถนำมาสังเวยเลือด
เป็นเพราะมีข้อห้ามยากๆมากมาย ตระกูลเหยียนได้ครอบครองแดนนานาอสูรมาเป็นเวลาหลายพันปี อย่างมากที่สุดพวกเขาได้สำรวจถึงพื้นที่เขต 4 เท่านั้น
เนื่องจากเข้าสู่พื้นที่เขต 3 ต้องใช้จอมยุทธ์พรสวรรค์ในการสังเวยเลือด พื้นที่เขต 4 ต้องใช้ปรมาจารย์ฝึกจิตมาสังเวยเลือด และเขตที่ 5 ต้องใช้ราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งในการสังเวยเลือด!
แม้จะเป็นตระกูลเหยียน ก็ไม่สามารถที่จะสังเวยเลือดของราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่ง
แต่ หากมีหยกอสูรจันทราคู่ ก็ไม่มีข้อจำกัดมากแบบนั้น แค่มีฐานการฝึกฝนเพียงพอสามารถใช้หยกอสูรจันทราคู่เพื่อเข้าสู่พื้นที่เขตที่สูงขึ้นโดยไม่ต้องสังเวยเลือด
เข้าสู่พื้นที่เขต 3 แม้จะมีหยกอสูรจันทร์คู่ ก็ต้องฝึกฝนถึงแดนฝึกจิต
เพราะเทพจิตได้รับบาดเจ็บ ผลการฝึกตนของเหยียนเย่วเอ๋อร์ตกลงมาถึงพรสวรรค์ ตามหลักแล้วแค่มีหยกอสูรจันทราคู่อยู่ในมือก็ไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่เขต
อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องนี้คือสามารถทำได้โดยการสังเวยเลือด ก็เข้าสู่พื้นที่เขต 3 ได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นนางจึงต้องเอาหยกอสูรจันทราสีเงินในมือของหลัวซิวมาให้ได้
ไม่อย่างนั้น แม้นางจะสามารถฟื้นฟูการฝึกฝนของนางถึงแดนฝึกจิตได้ในพื้นที่เขต 2 จึงจะสามารถเข้าสู่พื้นที่เขต 3 ด้วยการสังเลยเลือด
“ต้องหาเจ้านั่นให้เจอ!”
เหยียนเย่วเอ๋อร์กระโดดขึ้น สำนึกจำกัดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง
…
ในถ้ำ ภายใต้ผังค่ายซ่อนงำระดับ 5 เหยียนเย่วเอ๋อร์ ไม่พบที่ซ่อนตัวของเขา
เขากลืนลูกแก้วโลหิตพรสวรรค์ทีละตัวลูกๆ ร่างเนื้อของหลัวซิวแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าก็ถึงขีดจำกัดของร่างยุทธ์ขั้นกลาง อีกนิดหนึ่งก็จะถึงร่างยุทธ์ขั้นสูง
กล้ามเนื้อและกระดูกในร่างกายของเขาสั่นไหวด้วยแสงสีทองจาง ๆ เมื่อกลืนลูกแก้โลหิตพรสวรรค์ลูกสุดท้ายลงไป เลือดคลั่งไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ความเจ็บปวดผ่านไปทั่วร่าง
ใบหน้าของหลัวซิวซีดเผือด เลือดไหลออกจากจมูกและปากของเขา ร่างกายสั่นเทา เขาคาดไม่ถึงว่าร่างยุทธ์ขั้นกลางไปถึงร่างยุทธ์ขั้นสูงจะเจ็บปวดขนาดนี้
ราวกับว่ากระดูกของร่างกายทุกตารางนิ้วถูกบดขยี้และประกอบขึ้นใหม่อีกครั้ง เนื้อและเลือดถูกไฟแผดเผา แล้วเกิดใหม่
ม่านระหว่างร่างยุทธ์และแดนแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังของร่างเนื้อที่แข็งแกร่งกว่าท่วมท้นไปทั่วทั้งร่างกาย และความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้หลัวซิวเวียนหัวเกือบจะเป็นลม
เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน แม้จะเจ็บปวดจนจะทนไม่ไหว เขาทำได้เพียงอดกลั้น
ไม่รู้ว่าสถานะนี้คงอยู่นานแค่ไหน อาจจะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่สำหรับหลัวซิวนั้นนานมาก
เมื่อความเจ็บปวดในร่างกายค่อยๆ ลดลง เสื้อคลุมสีดำบนร่างหลัวซิวก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“นี่คือร่างยุทธ์ขั้นสูงเหรอ?”
หายใจเข้าลึก ๆ หลัวซิวค่อย ๆ ยกมือขึ้นและกำหมัด รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของร่างกายตนเอง