ตอนที่ 423 ต้องเก็บเป็นความลับ / ตอนที่ 424 เธอได้จบเห่จริงๆ แน่

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 423 ต้องเก็บเป็นความลับ

ขณะนั้นเอง มีนักข่าวคนหนึ่งพูดเย้าขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ

“คุณชายซูโชคดีจริงๆ ที่มีคู่หมั้นที่ทั้งสวยและมากความสามารถขนาดนี้อย่างคุณเฉินเชียนโหรว วันนี้คุณเฉินเชียนโหรวเข้ารอบแล้ว เรื่องผลงานคิดว่าคุณคงรู้แล้วแน่ ‘รักเดียว’ น่ะ รักเดียวเพียงแค่เธอ ตอนนี้เข้าสู่การแข่งขันรอบนานาชาติสำเร็จแล้ว คุณจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”

เฉินเชียนโหรวเขินอาย ส่วนซูเหิงเพียงแค่อมยิ้มและตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“ผมเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อ เมื่อก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ใจของผมก็มีเพียงเธอคนเดียวมาตลอด ส่วนเรื่องแสดงออก…”

ซูเหิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา “เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับก่อนชั่วคราว”

“อ๋อ…ดูเหมือนจะกำลังเตรียมขอแต่งงานสินะ…”

“เดาว่าต้องเป็นการขอแต่งงานที่โรแมนติกมากแน่ๆ ฉันเริ่มคาดหวังขึ้นมาแล้วนะเนี่ย”

“ทั้งสองคน ในที่สุดจะได้ลงเอยกันเสียที ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับทั้งคู่ด้วย”

ใบหน้าของเฉินเชียนโหรวเผยให้เห็นทั้งความคาดไม่ถึงและความประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นซูเหิงไม่มีท่าทีปฏิเสธ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าเฉินฝานซิงเองก็ถูกนักข่าวล้อมไว้เช่นกัน เพียงแต่เธอเลือกตอบเพียงคำถามที่ค่อนข้างง่ายไม่กี่ข้อแล้วก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่ออีก

กลับกัน ทางฝั่งของเฉินเชียนโหรวบรรยากาศคึกคักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นหลังจากที่ได้ยินว่าซูเหิงจะขอเฉินเชียนโหรวแต่งงาน

เธอเพียงแค่เบ้ริมฝีปาก แล้วเดินไปหยิบกล่องของตัวเองที่วางอยู่ข้างๆ

จากนั้นพิธีกรก็ประกาศรายชื่อผู้ที่เข้ารอบ และการแข่งขันแฟชั่นหมวดการปรุงน้ำหอมระดับประเทศก็จบลงเพียงแต่เท่านี้

ในห้องน้ำหลังเวที หลังจากที่เฉินฝานซิงทำธุระเสร็จก็ออกมาล้างมือที่อ่างล่างมือ ทว่ากลับพบว่าเฉินเชียนโหรวยืนรออยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก

“ที่เธอย้ายกลับเข้ามาอยู่ที่บ้าน เป็นเพราะต้องการจะปั่นหัวฉันหรือเปล่า” เฉินเชียนโหรวเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นก่อน เธอจ้องเฉินฝานซิงด้วยสายตาร้ายกาจเขม็ง พร้อมกับกัดฟันกรอดพูดเสียงต่ำ

เฉินฝานซิงก้มหน้าล้างมือต่อราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น “ปั่นหัวเธอ? ถ้าเธอใช้วิธีที่สะอาดหน่อย จะถูกปั่นหัวได้เหรอ”

หลังจากที่หยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดมือแล้ว เฉินฝานซิงก็หันไปพิงอ่างล้างมือ มองเฉินเชียนโหรวพลางแสยะหัวเราะอย่างเหยียดหยาม

“ฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะยังใช้ลูกไม้เดิมๆ อันที่จริง เธอคงอยากจะทำให้ฉันล้มพลาดท่าลงตรงสถานที่เดิม ในเรื่องเดิม กับแผนการเดิมๆ ใช่ไหมล่ะ”

“…” เฉินเชียนโหรวโมโหจนพูดอะไรไม่ออก

เฉินฝานซิงก้มหน้าลงมองนิ้วเรียวยาวที่เช็ดจนสะอาดแล้วของเธออย่างละเมียดละไม สีหน้าเฉยชา

“รู้อยู่แล้วว่าเธอไม่มีทางยอมเสียโอกาสที่จะได้เหยียบย่ำฉันแม้แต่ครั้งเดียว สถานที่สำคัญอย่างการแข่งขันแฟชั่นระดับประเทศ เธอคงไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือแน่…

แต่ก็ต้องขอบคุณเธอที่หลายปีมานี้คอยเข้ามาวอแวกับฉัน หาเรื่องจะทำร้ายฉันอยู่บ่อยๆ ทำให้ฉันรู้จักเธอเป็นอย่างดี วิธีการในการทำร้ายคนก็ไม่อยู่ไม่กี่วิธี ในเมื่อฉันต้องการจะจัดการเธอแล้ว ยังไงซะก็ต้องยั้งมือไว้บ้าง…

แต่ว่า พูดตามตรงเลยนะ ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อแล้วละ เพราะทุกครั้ง ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายเลย ทุกอย่างเป็นล้วนแต่เป็นไปตามสิ่งที่ฉันคาดการณ์ไว้หมดแล้ว…

ศัตรูแบบเธอ มักจะทำราวกับปรึกษากับฉันมาก่อนล่วงหน้า แล้วเล่นไปตามบทที่ฉันวางเอาไว้ ไม่ผิดแผกไปเลยสักนิด บางที ในสายตาของผู้กำกับคนอื่น เธออาจจะไม่ใช่นักแสดงที่ดี แต่พอมาอยู่กับฉันที่นี่…เหอะ เฉินเชียนโหรว ทุกครั้ง เธอให้ความร่วมมืออย่างดีจนฉันแทบจะมอบรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมให้กับเธอเลยแหละ…”

เฉินฝานซิงพูดถึงท้ายประโยคก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะโยนกระดาษทิชชูที่อยู่ในมือทิ้งลงถังขยะ แล้วหันไปมองเฉินเชียนโหรวด้วยสีหน้าเย้ยหยันอีกครั้ง

ความโกรธของเฉินเชียนโหรวจุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงแค่แสดงอาการกระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับจ้องเฉินฝานซิงเขม็ง ราวกับจะพุ่งเข้าไปกัดเธอตอนนั้นให้รู้แล้วรู้รอด

“ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าฉันจะใช้สูตรน้ำหอมของเธอมาเข้าแข่งขันเหมือนหกปีที่แล้ว เพื่อให้เธอถูกตราหน้าว่าเป็นคนลอกผลงาน แล้วทำไมถึงไม่ยอมเปิดโปงฉันล่ะ”

ตอนที่ 424 เธอได้จบเห่จริงๆ แน่

“ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าฉันจะใช้สูตรน้ำหอมของเธอมาเข้าแข่งขันเหมือนหกปีที่แล้ว เพื่อให้เธอถูกตราหน้าว่าเป็นคนลอกผลงาน แล้วทำไมถึงไม่ยอมเปิดโปงฉันล่ะ”

นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้มาตลอด ถึงแม้เธอจะพยายามบอกตัวเองแล้วว่า เฉินฝานซิงก็แค่อยากจะเข้ารอบอย่างราบรื่นเฉยๆ ก็เท่านั้น ไม่ได้อยากจะทำให้เรื่องมันบานปลาย

แต่พอคิดดูให้ดี ถ้าหากเป็นเธอเอง เธอจะต้องคว้าโอกาสนี้จัดการกับฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากไปเลย

“เปิดโปงเธอตอนนี้จะไปสนุกอะไร อย่างดีก็แค่ขึ้นหน้าหนึ่ง พาดหัวว่า สองคุณหนูสกุลเฉินแอบลอกผลงานของกันและกัน? เธอลอกฉัน ฉันลอกเธอ ไยเล่าจะไม่สุขใจ”

“…”

“น่าเบื่อ” เฉินฝานซิงพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เฉินเชียนโหรว ก่อนจะพูดต่อ

“แน่นอนว่าฉันอยากจะเปิดโปงเธอ แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่ เรื่องยั่วยวนกรรมการแข่งขันเปียโน ฉันล้างมลทินให้ตัวเองได้แล้ว เรื่องลอกสูตรน้ำหอม แน่นอนว่าฉันก็จะจำได้เช่นกัน เฉินเชียนโหรว รีบเก็บหางจิ้งจอกของเธอไว้ให้ดีเถอะ หรืออาจจะรีบไปหาดูว่าแผนการของเธอยังมีช่องโหว่ตรงไหนแล้วรีบอุดซะ ถ้าหากยังพอมีเวลาช่วยตัวเองก็ทำซะเถอะ ไม่อย่างนั้น ถ้ารอให้ฉันมีหลักฐานแล้วละก็ ไม่แน่…เธออาจจะจบเห่จริงๆ ก็ได้”

ตอนที่กลับเข้าไปในงานอีกครั้ง ด้านนอกฝนกำลังกระหน่ำลงมา หน้าประตูมีผู้คนมายืนออมากมาย

ล้วนแต่ไม่มีใครมีอุปกรณ์กันฝนเลย

เฉินฝานซิงยืนหลบอยู่ในมุม มองฝนห่าใหญ่ที่ตกอยู่ด้านนอกด้วยท่าทางกังวล

หลายวันนี้มารู้สึกตื่นเต้นกระวนกระวายมากเกินไปมาตลอด จนไม่ได้ใส่ใจเรื่องสภาพอากาศเลย

ตอนนี้การแข่งขันจบแล้ว ผลการแข่งขันของเฉินเชียนโหรวไม่ทำให้ผู้คนผิดหวัง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอฝนหนักขนาดนี้

ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ เฉินฝานซิงยืนพิงเสาประตูด้วยความเฉยเมย ทอดมองไปยังสายฝนด้านนอกที่สาดลงมา สภาวะจิตใจเริ่มผ่อนคลายลงได้บ้าง

ปีนี้ ฝนตกให้เห็นไม่บ่อยนัก แต่มีอยู่ไม่กี่ครั้งที่เธอจำฝังใจ

ครั้งแรก ตอนอยู่บนเรือสำราญ เธอเกือบจะจมน้ำตาย โลกของเธอราวกับกระจกที่ถูกทุบจนแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เพียงชั่วพริบตา

ครั้งที่สอง เช้าวันนั้นที่เธอออกจากโรงพยาบาล ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาปรอยๆ รูปร่างที่สูงตระหง่านยืนกางร่มข้างรถคันหนึ่งด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบางๆ มารอรับเธอออกจากโรงพยาบาล

และก็เป็นครั้งนั้น ที่เขาบอกว่าจะรับช่วงต่อจากเรื่องในอดีตของเธอ จะรับผิดชอบอนาคตของเธอ เขาบอกเธอว่า เขาต้องการเธอ

เขาฝ่าเข้ามาในชีวิตของเธอโดยพลการโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว สุดท้าย เขากลับค่อยๆ ดึงเธอออกมาจากห้วงเหวลึกทีละนิด

มุมปากของเธอเริ่มเผยให้รอยยิ้มลางๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่กำลังมองดูสิ่งสกปรกมากมายภายนอกถูกชะล้างด้วยสายฝนจนสะอาดหมดจด

มองดูผู้คนหายออกไปพร้อมกับรถทีละคัน ทีละคัน คนที่เหลืออยู่ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจด้วยความอิจฉาอย่างหน่ายๆ กลุ่มหญิงสาวที่กำลังเบื่อได้แต่ยืนมองพร้อมส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์รถที่มาจอดแล้วก็ขับออกไป

รถเบนซ์ระดับ S คันที่เพิ่งออกไปก่อนหน้านี้ กลุ่มหญิงสาวยังตะลึงไม่หาย ตรงหน้าก็มีปากานีสีน้ำเงินอีกคันมาจอด

เด็กสาวส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเรื่องยี่ห้อรถสักเท่าไหร่ เพียงแค่รู้สึกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของรถคนนั้นดูสวยดี ก็เลยถ่ายรูปแล้วนำไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต

“พระเจ้าช่วย รถคันนี้สิบกว่าล้านเลยเหรอ” มีเสียงร้องด้วยความตกตะลึงดังมาจากกลุ่มคน

สายตาของผู้คนต่างก็จดจ้องไปยังรถหรูที่จอดอยู่กลางสายฝนคันนั้น พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมากระหน่ำถ่ายรูปกันเต็มที่

“นี่รถของใครกันน่ะ ทำไมถึงได้รวยขนาดนี้ อ๊ากกก ฉันจะบ้าตายแล้ว ไม่ได้แต่งกับเจ้าของรถ ขอแต่งกับรถก็ยังดี”

“ฮ่า ฮ่า รถให้ความสุขกับเธอได้เหรอ” มีคนกระเซ้า

“ได้ ฉันขับมันไปหลอกล่อผู้ชายได้ไงล่ะ”

ผู้คนส่งเสียงหัวเราะดังสนั่น

ขณะนั้นเอง น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านหลังกลุ่มคนเหล่านั้น “ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยได้ไหมคะ”