ตอนที่ 425 นี่แหละคือโชคชะตา / ตอนที่ 426 ไม่ควรค่า

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 425 นี่แหละคือโชคชะตา

ขณะนั้นเอง น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านหลังกลุ่มคนเหล่านั้น “ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยได้ไหมคะ”

กลุ่มคนกระจายตัวออก จึงได้เห็นเฉินเชียนโหรวใบหน้าเปื้อนยิ้ม กำลังควงแขนซูเหิงเดินผ่าฝูงชนออกมา

ประตูของรถปากานีที่จอดรออยู่เปิดออกทันที คนขับรถถือร่มเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยท่าทางระมัดระวัง แล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม

“คุณชาย คุณหนูเฉินเชียนโหรว…เชิญขึ้นรถครับ”

ซูเหิงรับร่มมาจากในมือของคนขับรถ มืออีกข้างโอบไหล่เฉินเชียนโหรวพาเดินขึ้นรถไป ‘ปัง’ เสียงประตูรถปิดดังขึ้น ทำให้ผู้คนที่ล้อมรอบอยู่บริเวณนั้นได้สติคืนมาเสียที

“ที่แท้ก็เป็นรถของคุณชายซูนี่เอง ถ้างั้นก็ยังพอรับได้อยู่ ยังไงซะวันนี้ก็ดูพวกเขาหวานใส่กันจนอิจฉาตาร้อนไปหมดแล้ว”

“ถึงแม้จะพูดแบบนี้ก็เถอะ แต่ยังไงก็ยังอิจฉาเฉินเชียนโหรวอยู่ดี”

“เฮ้อ…นี่แหละคือโชคชะตา…”

เดิมทีคิดว่ารถคงจะเคลื่อนตัวออกไปในทันที แต่ปรากฏว่ากระจกหลังกลับค่อยๆ ลดลงมาอย่างช้าๆ

เฉินเชียนโหรวโผล่หน้าที่งดงามของเธอออกมา

“พี่คะ ขึ้นรถสิ พี่เหิงจะไปส่งพวกเรากลับบ้านด้วยกัน”

ผู้คนมองไปตามสายตาของเฉินเชียนโหรว จึงได้สังเกตเห็นเฉินฝานซิงที่ยืนอยู่ที่เสา

แชมป์วันนี้นี่นา ทำไมถึงได้ทำตัวติดดินขนาดนี้

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมามองไปยังรถคันนั้นปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องหรอก”

เฉินเชียนโหรวหัวเราะกระซิกแล้วพูดต่อ “พี่จะลำบากทำไมคะ ฝนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะหยุดตกเมื่อไหร่ ยังไงก็ต้องกลับบ้านกัน…”

‘ปี๊นนน’ เสียงแตรดังลากยาวฝ่าสายฝนปะทะเข้าสู่โสตประสาทการได้ยินของผู้คน ทั้งยังขัดจังหวะคำพูดของเฉินเชียนโหรวได้ดีทีเดียว

เฉินเชียนโหรวมองผ่านกระจกหลังแวบหนึ่งอก็เห็นรถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหลังอย่างลางๆ

“พี่คะ รีบขึ้นรถเถอะ…”

‘ปี๊นนน’ เสียแตรดังยาวสนั่นอีกรอบ

เฉินเชียนโหรวขมวดคิ้วมุ่น มองดูเฉินฝานซิงที่ไม่มีท่าทีจะขยับเขยื้อนไปไหนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจด้วยความระอา

“ถ้างั้นพี่ก็ดูแลตัวเองนะคะ รถด้านหลังเร่งแล้ว พวกเราต้องหลีกทางให้เขา…”

‘ปี๊นนน ปี๊นนน ปี๊นปี๊นปี๊นปี๊นนน’

รถคันข้างหลังบีบแตรอีกครั้ง รอบนี้บีบแตรติดกันหลายรอบ เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทนเต็มทีแล้ว เสียงนั้น เป็นเสียงขับไล่ที่ฉุนเฉียวและเอาแต่ใจอย่างชัดเจน

“ใครกัน บ้าบิ่นขนาดนี้”

“ไม่เห็นเหรอว่ารถเขาเป็นรถหรูเชียวนะ กล้าดียังไง”

“นั่นสิ แต่ว่าเธอคนนั้นก็เหลือเกินจริงๆ ฝนตกหนักขนาดนี้ มีรถให้ติดกลับบ้านก็ไม่ยอมนั่ง จะต้องยืนรอฝนซาอยู่ที่นี่ให้ได้ สนุกมากหรือไง เล่นตัวอะไรนักหนา”

ส่วนเฉินเชียนโหรวที่เห็นท่าทางดื้อดึงของเฉินฝานซิง ก็แอบหัวเราะเยาะได้ใจอยู่ลึกๆ ก่อนจะเลื่อนกระจกรถขึ้นช้าๆ

สุดท้ายเพราะเสียงแตรรถที่ดังรบเร้าไม่หยุดจากด้านหลัง ในที่สุดรถจึงค่อยๆ ขับออกไป

ปากานีของซูเหิงขับออกไปได้ไม่นาน รถคันสีดำที่ซ่อนตัวอยู่หลังสายฝนเมื่อครู่นี้ก็ขับมาจอดหน้าประตูช้าๆ

ป้ายรถค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เม็ดฝนตกกระทบตัวรถที่ดูพลิ้วไหวอย่างต่อเนื่อง รถยนต์สีดำท่ามกลางม่านเปี่ยมไปด้วยความสง่างามและดุดันอย่างลึกซึ้งกว่าเดิม

“แม่เจ้าโว้ย มายบัครุ่นเอ็กซ์ตรีมลิมิเต็ด มิน่าล่ะ ถึงได้บ้าบิ่นขนาดนั้น”

“เอ็กซ์ตรีมลิมิเต็ด มันคืออะไร”

“ก็คือมีเพียงคันเดียวในโลกไง”

“อะ…อะไรนะ”

ทุกคนตะลึงอ้าปากค้างจนคางแทบหลุด

ไม่ต้องบอก พวกเขาก็รู้ว่ามายบัคเป็นรถหรูระดับสูง แค่รุ่นธรรมดาพวกเขาก็ไม่กล้าอาจเอื้อมแล้ว นับประสาอะไรกับคันที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกแบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่แค่มีเงินก็จะทำได้แล้วนะ

รถจอดได้ไม่นาน ประตูรถฝั่งคนขับก็ถูกเปิดออกทันที ชายใส่ชุดสูทหนึ่งคนเดินถือร่มเข้ามาหยุดตรงหน้าเฉินฝานซิงด้วยความรวดเร็ว

“คุณหนูฝานซิง คุณผู้ชายมารับคุณแล้ว”

ตอนที่ 426 ไม่ควรค่า

“คุณหนูฝานซิง คุณผู้ชายมารับคุณแล้วครับ”

เฉินฝานซิงผงะไปชั่วขณะ สายตาหยุดอยู่บนประตูรถที่จอดอยู่คันนั้น

ตัวรถถูกฝนที่กำลังโหมกระหน่ำสาดกระเซ็นจนเห็นเป็นเงาสีขาว จอดนิ่งเงียบอยู่กลางสายฝน รูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถที่ดูหรูหราสูงส่งทำให้เธอนึกถึงชายหนุ่มที่เวลานี้นั่งรออยู่บนรถในทันที ไม่แตกต่างไปจากรถของเขา ชายหนุ่มที่ดูสูงสง่า

พยายามข่มใจไม่ให้เต้นแรง เธอก้มลงหยิบกล่องขึ้นมา แต่ปรากฎว่าอวี๋ซงรีบหยิบไปถือไว้ในมือก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นก็เบี่ยงตัวหลบด้วยท่าทางนอบน้อมเพื่อให้เฉินฝานซิงเดินผ่านไปก่อน

เมื่อเดินไปถึงตัวรถ ยังไม่ทันที่อวี๋ซงจะไปเปิดประตูให้ ทว่าประตูรถกลับถูกเปิดออกเองเสียก่อน

เฉินฝานซิงโน้มตัวลงแล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ผู้คนต่างก็ตะลึงงันกับภาพที่เห็นตรงหน้า หากมองลอดผ่านช่องว่าง ก็จะเห็นภาพบนรถที่มือของชายหนุ่มเอื้อมไปปัดกางเกงที่ถูกฝนสาดของเฉินฝานซิงเบาๆ คัฟลิงค์ที่ทำจากเพชรราคาแพงเม็ดโตกวัดแกว่งไปมาอยู่ที่ปลายแขนเสื้อ แสงระยิบระยับส่องแยงตาผู้คนจนตาแทบบอด

ประตูรถถูกปิดอย่างแรง ทำให้ภาพนั้นถูกตัดขาดจากสายตาของเหล่าผู้คนไปโดยสิ้นเชิง อวี๋ซงเดินอ้อมไปยังด้านหน้าตัวรถ ก่อนจะหุบร่มหลังจากที่เข้าไปนั่งในรถแล้ว จากนั้นก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมขาติ จนไม่อาจจะดูเป็นธรรมชาติไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

ผู้คนส่วนใหญ่ที่ยืนอออยู่หน้าประตูยังเรียกสติคืนกลับมาไม่ได้

“มิ…มิน่าล่ะ เธอถึงไม่ยอมนั่งรถของคุณชายซู…”

“ไม่ใช่เล่นตัว ที่แท้เธอก็รู้สึกว่ารถของเขาไม่ควรค่าพอให้เธอนั่ง”

“รถคันเมื่อกี้เป็นของใคร ผู้ชายบนรถคือใคร เห็นหรือเปล่า คัฟลิงก์เพชรเม็ดนั้นน่ะ ราคาต้องไม่ธรรมดาแน่”

บนรถ ป๋อจิ่งชวนหันหน้ามามองเธอในขณะที่มือยังกุมมือของเธอเอาไว้อยู่

“ยินดีด้วยนะ”

เฉินฝานซิงอมยิ้มเล็กน้อย “อืม ต่อไปก็จะเป็นการแข่งขันรอบนานาชาติอีกเดือนกว่าหลังจากนี้แล้ว โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่งแล้ว”

ป๋อจิ่งชวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ

“วันนี้ ทั้งๆ ที่มีโอกาสจัดการกับเฉินเชียนโหรวได้แล้ว ทำไมไม่ทำแบบนั้นล่ะ”

เฉินฝานซิงถอนหายใจ หันหน้าไปทางป๋อจิ่งชวนแล้วเอาคางทาบลงไปบนไหล่ของเขา ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม

“วางใจเถอะ ผู้หญิงที่ร้ายกาจขนาดนี้อย่างฉันจะใจอ่อนได้ยังไง ก็แค่มีความอดทนค่อนข้างสูงเท่านั้นแหละ เฉินเชียนโหรวเคยบอกว่า จะทำให้ฉันขายหน้าคนทั้งโลก แอบแรงอยู่เหมือนกันนะ…ไม่สู้ให้เธอได้ลองลิ้มรสชาติของการต้องอับอายคนทั้งโลกหน่อยดีกว่าเหรอ…ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ถ้าฉันจัดการเธอ เรื่องลอกผลงานตอนนั้นก็ยังไม่ถูกแก้อยู่ดี”

สายตาของป๋อจิ่งชวนฉายประกายความตื่นเต้น “หลังจากนี้จะแก้ได้เหรอ”

เฉินฝานซิงหยิบปากกาอัดเสียงด้ามเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วยแววตากระหยิ่มยิ้มย่อง “อยู่กับพวกที่หน้าไม่อาย ของสิ่งนี้ก็มีประโยชน์มากๆ เลยละ”

ป๋อจิ่งชวนมองดูสิ่งของที่อยู่ในมือของเธอพลันหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วยื่นมือออกไปกุมมือเธอเอาไว้ ก่อนจะหันมาเอาหัวแนบหน้าผากเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนดังขึ้น

“ข้างในนี้ เธอพูดอะไรบ้าง หืม ?”

“ฉันเปิดให้คุณฟังไหม”

“ไม่ฟัง ผมเกลียดเสียงของเธอ ผมแค่อยากรู้ว่าเธอได้พูดหรือเปล่าว่าหกปีก่อน จริงๆ แล้วเป็นเธอที่ลอกผลงานคุณ”

เรื่องนี้เฉินฝานซิงจำได้ดี

“พูด”

“เหอะ…”

ป๋อจิ่งชวนส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างเหยียดหยาม เฉินฝานซิงที่ได้ยินเสียงนั้นถึงกับตัวชาไปชั่วขณะ

เธอกลืนน้ำลาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วถามเบาๆ “คุณ…หัวเราะอะไร”

“ก็มันน่าดีใจไม่ใช่เหรอ”

เอ่อ ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ

แต่จากที่รู้จักกับป๋อจิ่งชวนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เฉินฝานซิงดูเหมือนจะเข้าใจว่าเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขจริงๆ คือเรื่องอะไร

เธอเม้มริมฝีปาก นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น

“ป๋อจิ่งชวน คุณจะฉลองวันเกิดยังไง จะจัดงานเลี้ยงฉลอง หรือว่าจะฉลองกับคุณย่า คุณปู่ หรือว่าคุณพ่อคุณแม่เหรอ แล้วก็ยังมีน้องชายของคุณ ป๋อจิ่งหาง พวกเขาจะกลับมากันหมดไหม”

ป๋อจิ่งชวนชะงักไป นัยน์ตาลึกซึ้งสีดำขลับกำลังสั่นไหว

“ไม่จัดงานเลี้ยง พวกเขาทุกคนอยู่ที่ฮ่องกง จิ่งหางไม่รู้ว่าไปเหลวไหลอยู่ที่ไหน ใกล้ที่สุดก็คงจะไปหาคุณย่า”

“…ทำไมคุณย่าถึงได้อยู่ในประเทศตัวคนเดียวล่ะ ท่านกับคุณปู่ไม่ลงรอยกันเหรอ”

เห็นท่าทางที่พูดจาอย่างระแวดระวังของเฉินฝานซิง ป๋อจิ่งชวนก็ยิ้มมุมปากออกมาเบาๆ “เปล่า ความสัมพันธ์ของพวกท่านปกติดีมาก”

เฉินฝานซิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “อืม ฉันเข้าใจแล้ว”

“ทำไมเหรอ ดูเหมือนคุณจะมีเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ผมสินะ หืม?”