สายลมหนาวพัดกรรโชก เย็นลึกเข้าไปถึงกระดูก

 

กู่ฉิงซานมัดลอร่าไว้กับตัว แล้วทิ่งดิ่งลงจากยอดตึกสูง ร่วงตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง

 

อันที่จริงแล้วตามสถานการณ์ปกติ กู่ฉิงซานสมควรที่จะข้ามผ่านทุกชั้นไปเลยในคราวเดียว

 

ซึ่งนี่มันจะช่วยเขาประหยัดเวลาได้เป็นอย่างยิ่ง

 

แต่ตอนนี้เขากลับจำต้องระเบิดการโจมตีออกไปบ้างเป็นครั้งคราว

 

เพราะหลังจากที่ใช้กล้องส่องทางไกล เขาก็สามารถประเมินการต่อสู้ของตลอดทั้ง 600 ชั้นได้อย่างละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

หากในชั้นใดปรากฏมอนสเตอร์อำมหิตดุร้าย กู่ฉิงซานก็จะลงมือ ทำลายกำแพงของชั้นนั้นๆและเข้าไปสังหารมันด้วยตัวของเขาเองทันที

 

โดยกระบวนการก็เริ่มจากดาบบินเล่มหนึ่งทำลายกำแพงชั้นนอก แล้วมันก็ปลีกตัวออกมาด้านข้างอย่างรวดเร็ว

 

เพื่อเปิดทางให้กับผู้ที่สวมใส่เกราะรบนายพลชั้นโหยวจี ที่กุมดาบพิภพหนักกว่า86.37ล้านจินไว้ในมือ –กระโจนเข้าไปอย่างเต็มกำลัง ทำการจบการต่อสู้ลงอย่างรวดเร็ว และช่วยเหลือมิให้ผู้คนตกตายลงได้อย่างง่ายดาย

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นรุ่นเยาว์อายุไม่เกิน 30 ปีที่มาตามการเรียกขานเท่านั้น

 

และในบรรดาคนเหล่านั้น กู่ฉิงซานก็นับว่าเป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด! ฉะนั้นศัตรูที่เหล่ารุ่นเยาว์มิอาจรับมือไหว ย่อมไม่คณามือเขาอย่างแน่นอน!

 

ไม่กี่นาทีต่อมา

 

กู่ฉิงซานมาก็ได้มาถึงชั้นที่239ในที่สุด

 

–สถานที่ซึ่งมีผู้เข้าสู่วิถีมารหลบซ่อนตัวอยู่ในชั้นนี้!

 

กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก และโบกสะบัดดาบขุนเขาเทวะหกโลกาออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

 

ฝ่าวารีเชี่ยว!

 

ตูม!

 

ชั้นกำแพงพังทลายลง

 

“ลุยกันเลย”

 

กู่ฉิงซานกล่าว

 

แล้วดาบเช่าหยินก็พุ่งออกไป ผลุบหายเข้าไปในทะเลทราย

 

ตามด้วยกู่ฉิงซานขับเคลื่อนเทคนิคดาบ

 

กระแสธารอันยิ่งใหญ่!

 

รังสีดาบที่ราวกับใบมีดเล็กๆ ถูกควบรวมเข้าด้วยกัน ก่อกำเนิดกระแสธารเชี่ยวอันมิอาจต้านทาน โถมทับลงสู่พื้นทะเลทราย

 

เม็ดทรายนับไม่ถ้วนถูกรังสีดาบห่อหุ้ม พัดกระพือ ไหลย้อนพุ่งสู่เพดานสูง

 

ผู้เข้าสู่วิถีมารมิอาจหลบซ่อนตัวได้อีกต่อไป เขาจำต้องใช้กวัดแกว่งอาวุธตนเพื่อตัดรังสีดาบ เปิดทางหนีออกไป

 

เขาทะยานตัวลอยขึ้นมากลางอากาศ และใช้สายตาเย็นชาจ้องมองมายังกู่ฉิงซาน

 

และแล้วร่างของอีกฝ่ายก็ปรากฏสู่สายตาของกู่ฉิงซานจริงๆเสียที เขาดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธที่มาจากโลกวรยุทธใดวรยุทธหนึ่ง ที่สำคัญยังเป็นมือสังหารที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

 

เขาจ้องมองดาบเช่าหยินที่กำลังบินกลับไป ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ที่แท้ก็เป็นฝีมือของผู้ฝึกดาบนี่เอง”

 

“ถูกต้อง ฉันเป็นผู้ฝึกดาบ แต่แกไม่ใช่” กู่ฉิงซานกล่าว

 

อีกฝ่ายเคาะหลังมือลงบนดาบยาวของตน กล่าวเย้ยหยัน “นี่เจ้าตาบอดหรือ?”

 

“ไม่บอดนะ แต่ฉันเห็นอยู่ชัดๆว่าแกมันก็แค่ลูกเต่าที่หดหัวซ่อนตัวอยู่ในทะเลทราย — ไม่มีผู้ฝึกดาบคนไหนเขาทำแบบแกหรอก!” กู่ฉิงซานสวน

 

“เจ้า — ปากหาที่ตาย!”

 

มือสังหารสบถด้วยความโกรธ

 

เขาชักดาบยาวออกมา ถีบตัวตรงไปยังเบื้องหน้า หมายมั่นจะฆ่าสังหารศัตรูที่ดูถูกตน

 

ทว่าทันใดนั้นจู่ๆกลับปรากฏดาบยาวขึ้นในสายตาของเขา

 

ใช่แล้วล่ะ มันคือดาบ

 

ในยามที่เขาถูกยั่วยุ และร่างกายของเขาเริ่มเคลื่อนไหว กู่ฉิงซานก็ได้คาดคำนวณเอาไว้ก่อนแล้ว และวางตำแหน่งดาบยาว ฟาดสับ ดักทางเอาไว้ก่อนล่วงหน้า!

 

ทว่ากว่าจะรู้ตัว มันก็ปาไปวินาทีต่อมาซะแล้ว ร่างของมือสังหารเคลื่อนที่ไปแล้ว เขาจึงมิอาจหลบเลี่ยงได้ จำต้องเข้าทานรับดาบโดยตรง

 

ในหัวใจของมือสังหารตระหนักชัด

 

“วางแผนแยบยลได้ถึงเพียงนี้ เจ้าคงเป็นผู้ฝึกดาบประเภทดาบอ่านใจสินะ?” เขาแสยะยิ้มเย็น

 

ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังจงใจยั่วยุให้ตนเองโกรธ โดนลอบซ้อนกับดักดาบเอาไว้ วางแผนให้ตนพุ่งเข้าไปติดมัน

 

เมื่อคิดได้ มือสังหารก็ค่อยๆสงบใจลง

 

เขาเป็นถึงนักฆ่าชั้นหนึ่ง ดังนั้นการเรียกคืนความสงบจึงนับว่าเป็นทักษะที่ตนเชี่ยวชาญ

 

‘หนทางที่ดีที่สุดในการกำจัดผู้ฝึกดาบประเภทอ่านใจ ก็คือการโถมโจมตีอย่างรวดเร็วจนมันมิอาจใช้สมองคาดคำนวณได้’

 

‘หากฝ่ายตรงข้ามที่เป็นผู้ฝึกดาบประเภทอ่านใจถูกกดดันจนมิอาจโต้ตอบได้ทัน ชัยชนะก็จะตกลงสู่มือข้าอย่างง่ายดาย’

 

นี่คือสิ่งที่มือสังหารคิด

 

ระหว่างช่วงเวลาเดือดพล่าน ด้วยประสบการณ์นักฆ่าที่มี ทำให้เขาสามารถตัดสินกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว

 

ดาบยาวในมือถูกกุมแน่น และจ้วงแทงลมออกไป

 

พริบตานั้น 49 รังสีดาบพลันระเบิดออกมา มันวิบวับวาบข้ามผ่านชั้นอากาศ ทั้งหมดโฉบพุ่งเข้าตัดหัวกู่ฉิงซานโดยตรง

 

รูม่านตาของกู่ฉิงซานหดวูบลงทันที เขาเร่งชักดาบกลับขึ้นมาปัดป้องอย่างรวดเร็ว

 

ถึงแม้ว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้านี้จะมิถึงขั้นที่เรียกได้ว่าค่ายกลดาบ ทว่าตั้ง 49 รังสีดาบ อย่างไรก็ย่อมทรงอำนาจยิ่งกว่าการโจมตีจากดาบเล่มเดียว ดังนั้นด้วยพลังอำนาจของมัน นี่คงมิแคล้วเป็นเทคนิคลับอันแสนร้ายกาจเป็นแน่!

 

ฝ่ายตรงข้ามเห็นได้ชัดว่าเป็นมือสังหาร ซึ่งถึงแม้จะเป็นพวกที่ระวังตัวแจ แต่เมื่อสามารถขบคิดถึงแผนการสังหารได้ ก็ไม่ยินยอมพ่นคำใดๆให้เสียเวลา ลงมือใช้ออกด้วยเทคนิคเฉพาะตัวของตนอย่างรวดเร็ว

 

พอทั้งได้เจอได้ฟัง กู่ฉิงซานก็ลอบประหลาดใจเล็กน้อย

 

‘ผู้ฝึกดาบประเภทดาบอ่านใจงั้นหรอ?’

 

นั่นเป็นชื่อที่ใช้เรียกประเภทของนักดาบหรือไงกันนะ?

 

กู่ฉิงซานลอบคิดอย่างลับๆ

 

ดาบเช่าหยินแปรเปลี่ยนเป็นภาพติดตา โฉบเข้าทานรับ 49 รังสีดาบ

 

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง จู่ๆมือสังหารก็กลับสามารถมาปรากฏตัวข้างกายกู่ฉิงซานได้อย่างกระทันหัน

 

มือสังหารใช้ประโยชน์จากจังหวะที่กู่ฉิงซานเบนสมาธิไปทานรับรังสีดาบทั้ง 49 -เมื่อช่องว่างปรากฏ มือสังหารจึงฉวยโอกาสเคลื่อนกายเข้ามา และจ้วงฟันเข้าใส่เขาทันที!

 

“ตายซะ!” เขาตะคอกอย่างแรง

 

กู่ฉิงซานไม่มีเวลามากพอที่จะเรียกเช่าหยินกลับมา เขาจึงใช้มืออีกข้างคว้าดาบพิภพ แล้วฟาดแนวขนานออกไปปัดป้องเบื้องหน้าตน

 

เคร้ง!

 

สองคมดาบปะทะกัน บังเกิดเสียงอึกทึกกึกก้อง

 

แม้จะถูกอีกฝ่ายทานรับเอาไว้ได้ แต่บนใบหน้าของมือสังหาร กลับปรากฏรอยยิ้มตรงมุมปากขึ้นมาอย่างมิอาจอดกลั้น

 

ยังคงรับไว้ได้สินะ ถ้างั้นไหนลองดูซิว่าจะรับไอ้นี่ด้วยได้ไหม!?

 

เห็นแค่เพียงหกวิถีรังสีดาบฟาดซ้อนๆทับกันลงมายังสองดาบที่กำลังปะทะกัน โถมเข้ากดดันกู่ฉิงซาน

 

หนึ่งดาบของกู่ฉิงซานทานรับ 49 รังสีดาบอยู่บนท้องฟ้า อีกหนึ่งคอยทานรับศัตรูตรงหน้า —เมื่อต้องพบเผชิญกับการลอบจู่โจมระลอกสาม ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาจึงถูกเรียกออกมาจากในความว่างเปล่า และแปรสภาพเป็นร่างเงาดาบซ้อนๆทับกันสวนกลับไป!

 

เทคนิคลับแห่งดาบ วาดเงา!

 

ร่างเงาดาบเริ่มเบ่งบาน โฉบเข้าปะทะกับหกวิถีรังสีดาบกลางอากาศ

 

“จังหวะนี้แหละ!”

 

นักฆ่าฉวยโอกาสอีกครั้ง ปากพลันอ้าเผยอออก พร้อมด้วยบางสิ่งบางอย่างที่สาดประกายแสงสีเขียวเรืองรองถูกพ่นออกมาในพริบตา

 

นี่ต่างหากคือกระบวนท่าสังหารที่แท้จริงของเขา!

 

ฟุ่บบบ! เข็มบินถูกพ่นออกมา ขณะที่ก่อนหน้านั้นนักฆ่าจงใจเบนความสนใจของกู่ฉิงซาน ป่วนการอ่านใจของเขาให้มุ่งสมาธิไปยังเทคนิคลับแห่งดาบทั้งสาม –ทั้งหมดทั้งมวลนี่ก็เพื่อชักจูงให้เขาไม่ทันคาดคิดถึงกระบวนท่าสังหารที่เตรียมเอาไว้!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เข็มบิน’ ที่มีความสามารถทำลายชั้นป้องกัน และสามารถพุ่งเข้าสังหารศัตรูได้โดยตรง!

 

นี่คือกระบวนท่าควบรวมรังสีดาบไว้ในอาวุธลับ ที่มือสังหารได้ฝึกฝนมาเป็นเวลายาวนานหลายปี มันคือเทคนิคลับในการลอบสังหารที่ทรงพลังที่สุด!

 

และแน่นอน ว่ารังสีดาบของวาดเงาที่กระจัดกระจายไปตลอดทั้งสี่ทิศทาง ย่อมมิอาจหยุดยั้งการลอบโจมตีนี้ได้!

 

จ้องมองไปยังแสงสีเขียวตรงหน้า ในหัวใจของกู่ฉิงซานกระจ่างชัดถึงภัยร้าย

 

เขาไม่คาดคิดเลยว่าศัตรูที่เป็นมือสังหารเบื้องหน้า จะครอบครองสกิลดาบสูงส่งถึงเพียงนี้

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคลับแห่งดาบของมือสังหาร ที่ปลดปล่อยออกมาดาบแล้วดาบเล่า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นจังหวะหรือการสอดประสาน ก็ล้วนถูกใช้ออกมาได้อย่างอิสระและไหลลื่น

 

กล่าวได้ว่าเทคนิคดาบของมือสังหารผู้นี้ … ควรค่าแก่การชื่นชมจริงๆ

 

ดังนั้น กู่ฉิงซานคงจำเป็นต้องจริงจังให้มากขึ้นกว่านี้สักเล็กน้อยบ้างแล้ว!

 

—สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!

 

แสงสีเขียวเรืองรองสลับเปลี่ยนตำแหน่งกับเขาในพริบตา และพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เบื้องหลังไป

 

กู่ฉิงซานโน้มตัวลงเบื้องหน้า และโบกสะบัดดาบที่มีรูปลักษณ์ธรรมดา ฟาดเข้าใส่มือสังหาร

 

มือสังหารตกตะลึงจนผงะไป

 

นี่อีกฝ่ายสามารถรอดพ้นไปจากกระบวนท่าสังหารที่ตนวางแผนและกะจังหวะใช้ออกมาอย่างพิถีพิถันได้อย่างไร?

 

ทว่าขณะขบคิด คมดาบของกู่ฉิงซานก็มาถึงตัวเขาเสียแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม สกิลดาบระดับนี้ มือสังหารคิดว่ามันยังคงเพียงพอที่จะต้านทานได้

 

แต่แน่นอนว่ามือสังหารก็ไม่ประมาทเขาสับ! ดาบสวนกลับไปตอบโต้ศัตรูทันที

 

เคร้ง!

 

สองคมดาบปะทะกันอีกครั้ง

 

และมือสังหารก็เตรียมที่จะระเบิดเทคนิคลับแห่งดาบออกมาอีกที

 

-ประเดี๋ยวก่อน!?

 

ในสายตาของมือสังหาร  ผู้ฝึกดาบเกราะรบสีทองซีดจู่ๆก็หยุดเพลงดาบไปอย่างน่าฉงน สายตาของอีกฝ่ายเบนออก ไม่เหลือบแลเขาอีกต่อไป แถมยังเคลื่อนกายไปอีกทาง โฉบลงไปเบื้องล่างคล้ายกับการต่อสู้ได้จบลงไปแล้ว

 

—การต่อสู้ดำเนินไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้นเอง เจ้าหมอนี่มันถอดใจไปแล้วงั้นหรือ?

 

นี่เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวแล้วใช่ไหม?

 

ขณะที่ในหัวใจของมือสังหารรู้สึกไม่อยากจะเชื่อนั้นเอง ก็บังเกิดรังสีดาบบางเบาแผ่ขยายออกมาจากเบื้องหลัง และพุ่งเข้าตัดศีรษะของเขาโดยตรง!

 

-เทคนิคลับแห่งดาบ กลืนกินหวนกลับ!

 

ลอร่าที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของกู่ฉิงซาน สัมผัสได้ถึงฉากนี้ สองแขนน้อยๆของเธอจึงกอดเขาเอาไว้แน่น

 

หลังจากที่บินอยู่หลายนาที เธอก็ค่อยๆเริ่มหายหวาดกลัว และเอ่ยถามด้วยเสียงน้อยๆ

 

“นี่เจ้าเป็นผู้ฝึกดาบประเภทดาบอ่านใจจริงๆน่ะหรอ” เธอเอ่ยถามเสียงดัง

 

“จะประเภทไหนก็ไม่รู้ล่ะ เพราะถ้าสำนักดาบหรือผู้ฝึกดาบคนไหนมัวแต่คิดเรื่องแบบนี้กับคู่ต่อสู้ พวกเขาคงไม่แคล้วพลาดพลั้ง ตกตายลงได้ง่ายๆ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่แยแส

 

ในสายตาของเขา ปรากฏบรรทัดแสงหนึ่งฟ้า หนึ่งแดง ขึ้นบนหน้าต่างสถานะพร้อมๆกัน

 

“ได้รับแต้มพลังวิญญาณ : 1700”

 

กู่ฉิงซานค่อนข้างประหลาดใจ

 

ชายคนเมื่อครู่นี้มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปมากก็จริง แต่เขาสามารถครอบครองแต้มพลังวิญญาณมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?

 

กู่ฉิงซานแอบถามระบบเทพสงคราม “เท่าที่ฉันลองประเมินความแข็งแกร่งของเขาดู มันน่าจะมีแค่ 700 แต้มพลังวิญญาณเท่านั้นไม่ใช่หรอ แล้วทำไมฉันถึงได้รับแต้มมามากมายขนาดนี้?”

 

“นั่นเป็นเพราะเขาได้รับแต้มพลังวิญญาณสะสมมาจากการฆ่าคน แต่ทั้งหมดนั่นได้ถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว และส่งมอบให้แด่คุณ” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

 

กู่ฉิงซานก็ถึงบางอ้อในทันที

 

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทิ้งดิ่งลงต่อ

 

เจ็ดนาทีผ่านไป

 

ฝ่าเท้าของกู่ฉิงซานก็สามารถย่ำลงบนพื้นราบได้ในที่สุด

 

นอกเหนือไปจากผู้เข้าสู่วิถีมารแล้ว ก็ไม่มีใครตายอีกเลย

 

ขณะที่เหล่าผู้คนจำนวนมากที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรง ต่างก็ได้รับการช่วยเหลือโดยกู่ฉิงซาน

 

กู่ฉิงซานคลายเชือกออก

 

ลอร่าที่ถูกมัดก็ตกลง เธอหันมาจ้องมองกู่ฉิงซานด้วยความไม่พอใจ

 

“เจ้าน่ะ มักจะทำร้ายหญิงสาวแบบนี้อยู่เสมอเลยงั้นหรือ?” เธอถามด้วยความโกรธ

 

“นี่คือเชือกที่ทำจากผ้าไหมวิญญาณพันปีนะฝ่าบาท มันอ่อนนุ่มที่สุดแล้ว ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะทำร้ายท่าน …” กู่ฉิงซานพยายามอธิบาย

 

“เราหมายถึงว่าเจ้าพึ่งจะทำร้ายจิตใจของเราไป!” ลอร่าตะโกน

 

“หากเป็นเช่นนั้น กระหม่อมว่านับจากวันนี้ไป เหตุการณ์นี้คงจะทำให้จิตใจของฝ่าบาทถูกหล่อหลอมจนแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน” กู่ฉิงซานตอบกลับ

 

ลอร่าพอได้ฟังก็ฮึฮะ หันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง

 

แต่เธอก็ยังเกาะกู่ฉิงซานแน่นไม่ยอมปล่อย

 

ส่วนกู่ฉิงซาน สายตาของเขากำลังกวาดอ่านไปบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 

บรรทัดเส้นแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้น

 

“คุณสามารถรวบรวมแต้มพลังวิญญาณถึง 1000 แต้มได้สำเร็จ ส่งผลให้การสั่งสมแต้มพลังรอบแรกของคุณสมบูรณ์ในที่สุด”

 

“โปรดเลือกสกิลที่คุณต้องการจะเพิ่มความสามารถให้แก่มันด้วย”

 

“หมายเหตุ : หลังจากที่เติมสั่งสมแต้มพลังลงในสกิลแล้ว อำนาจโจมตีของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และจะมีผลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

 

กู่ฉิงซานจึงเริ่มตัดสินใจว่าจะใส่ความสามารถนี้ลงในสกิลใดดี

 

—น่าเสียดายจริงๆที่ ‘การสั่งสม’ นี้ใช้งานได้กับเฉพาะสกิลเท่านั้น

 

ถ้าหากเขาสามารถใช้ ‘สั่งสมแต้มพลัง’ กับพวกพลังศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘ตัดขาดการเชื่อมต่อ’ ได้แล้วล่ะก็ ..

 

เอาเถอะ ดูเหมือนว่าตอนนี้คิดไปก็คงเท่านั้น

 

“ฉันเลือกเพิ่มความสามารถให้กับค่ายกลดาบไท่หยี”

 

“คุณแน่ใจหรือไม่?”

 

“แน่ใจ”

 

“ระบบได้ทำการล็อคสกิลนี้แล้ว และครั้งถัดไปที่คุณใช้มันโจมตี พลังอำนาจของมันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

 

มองไปยังบรรทัดแสงหิ่งห้อยนี้ กู่ฉิงซานก็เริ่มเกิดความมั่นใจขึ้นเล็กๆน้อยๆในจิตใจของเขา

 

ค่ายกลดาบไท่หยีคือเทคนิคดาบที่ทรงอำนาจที่สุดที่ตนครอบครอง หากสามารถเสริมอำนาจให้มันอย่างต่อเนื่องได้ บางทีพลังโจมตีที่มันระเบิดออกมา … อาจจะน่าทึ่งจนต้องอ้าปากค้างไปเลยก็ได้

 

ในเวลานี้ ยิ่งลึกเข้าไปในโลกของทริสเต้ การต่อสู้ก็ยิ่งจะรุนแรงขึ้น แถมยังมีเชื้อไฟการชักใยอยู่เบื้องหลังอีก ยิ่งมายิ่งอันตราย ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมไพ่ตายแบบนี้เอาไว้ให้พร้อม

 

“แล้วเรื่องภารกิจล่ะจะว่ายังไง?”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามต่อ

 

ระบบ “ภารกิจต่อเนื่องของระบบเทพสงคราม : วิหค เสร็จสมบูรณ์แล้ว”

 

“เราจะยังคงเฝ้ารอปฏิกริยาของเชื้อไฟ ทำการวิเคราะห์ภารกิจต่อไปที่มันปล่อยออกมา จากนั้นจึงค่อยกำหนดภารกิจต่อเนื่องของระบบเทพสงครามเพื่อใช้รับมือกับมันโดยเฉพาะ”

 

กู่ฉิงซานเมื่ออ่านถึงประโยคนี้ เขาก็เบนสายตาไปตกลงบนหน้าต่างของเชื้อไฟ

 

สองหน้าต่างสถานะลอยเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ดังนั้นเขาจึงสามารถมองดูมันได้อย่างสะดวกสบาย

 

เสียงปรากฏขึ้น

 

“คุณได้ลงมาถึงพื้นราบแล้ว”

 

“คุณบรรลุภารกิจเสร็จสิ้น แต่จะไม่ได้รับรางวัลใดๆ”

 

กู่ฉิงซานกล่าว “ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจรางวัลของทริสเต้แล้ว เพราะฉันต้องการแต้มพลังวิญญาณมาแลกเปลี่ยนของดีๆกับคุณมากกว่า”

 

เชื้อไฟเงียบไปสักพัก

 

ประโยคที่กู่ฉิงซานกล่าวออกไป แน่นอนว่าย่อมสามารถดึงดูดความสนใจจากมันได้ไม่น้อยเลย

 

เพราะมันจำเป็นต้องใช้แต้มพลังวิญญาณ

 

มือสังหารที่กู่ฉิงซานฆ่าไปเมื่อครู่ ส่งผลให้กู่ฉิงซานได้รับแต้มพลังวิญญาณสะสมของมือสังหารมาไว้ในครอบครอง

 

และยังรวมไปถึงแต้มพลังวิญญาณจากชีวิตของมือสังหารอีกด้วย ส่งผลให้แต้มพลังวิญญาณสะสมของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก

 

สำหรับชีวิตหากมือสังหารแล้ว เชื้อไฟมิได้ให้ความสนใจแก่มันเลยแม้แต่น้อย

 

เพราะตราบใดที่แต้มพลังวิญญาณเพิ่มพูนขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่เชื้อไฟยอมรับได้

 

-แต่สิ่งที่สำคัญคืออีกปัญหาหนึ่งต่างหาก

 

มันคือปัญหาที่กู่ฉิงซานได้ช่วยชีวิตของผู้คนเอาไว้มากมายเกินไป

 

ในตลอดทั้งสิ่งปลูกสร้าง 600 ชั้น เดิมทีมันสมควรที่จะสูบกลืนแต้มพลังวิญญาณได้เป็นจำนวนมาก ตราบใดที่ร่างกายเหล่านั้นสิ้นชีวิตลง เชื้อไฟก็จะสามารถรับเอาแต้มพลังวิญญาณของพวกเขามาได้เลยโดยตรง

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยการออกหน้าลงมือของกู่ฉิงซาน ทำให้มันพลาดแต้มพลังวิญญาณเหล่านั้นไป

 

เชื้อไฟพอขบคิดถึงจุดนี้ มันก็จมลงสู่ความเงียบ …