บทที่ 445 อย่าทำร้ายนาง + บทที่ 446 รับประกันว่าเจ้าจะไม่ตาย

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 445 อย่าทำร้ายนาง

“ข้าไม่มีทางปล่อยพวกมันไปอยู่แล้ว” พวกเขาจะปล่อยคนพวกนั้นไปได้อย่างไร

หลังจากใช้เวลาทั้งบ่ายในการหารือกัน สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะทำภารกิจร่วมกัน

ขณะที่พวกเขาเริ่มสืบค้นเกี่ยวกับจวนตระกูลเซียว เซียวอี้หลินก็มองไปที่หนานกงเยว่ “คงดีกว่าที่เราจะเลื่อนแผนการเข้ามาอีก”

“ทำไมล่ะ” หนานกงเยว่ขมวดคิ้ว พิธีเสกสมรสของเซียวฉีเทียนเป็นเวลาที่ดีที่สุด ขณะนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะลงมือ มีแต่จะทำให้มีปัจจัยความเสี่ยงสูงขึ้นอีกโข

หลิงอ๋องมีสีหน้าบูดบึ้ง เขามีสายตาเหนื่อยหน่ายใจเมื่อมองหนานกงเยว่ “หากเราไม่เลื่อนเข้ามา ข้าเกรงว่าจวนของเราทั้งสองตระกูลจะถูกฮ่องเต้ถอนรากถอนโคนก่อนถึงวันอภิเษกสมรสขององค์ชายฉีน่ะสิ”

“เกิดอะไรขึ้นหรือ” หนานกงเยว่ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาขมวดคิ้วขณะมองทั้งสองคน

“มีคนปล่อยข่าวเรื่องที่จวนของหลิงอ๋องและจวนตระกูลเซียวแอบทำลับหลังให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ถึงตอนนี้พวกข้าจะยังไม่เป็นอะไร แต่ฮ่องเต้ก็ส่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเฉียวเทียนช่างมาสืบเรื่องพวกข้าแล้ว และหากดูจากอำนาจที่เฉียวเทียนช่างมีอยู่ในขณะนี้ คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะว่าเขาจะพบเรื่องนี้เข้าเมื่อใด” พวกเขาเชื่อว่าหากเป็นเฉียวเทียนช่างเพียงผู้เดียว พวกเขายังคงหาทางยื้อเวลาเอาไว้ได้อยู่ แต่ทว่าชายผู้นั้นกลับมีทงเป่าไจคอยหนุนหลัง ใครๆ ก็รู้ว่าทงเป่าไจนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องการขายข่าวยิ่งนัก เพราะทงเป่าไจนั้นมีเครือข่ายข่าวสารกว้างขวางที่สุด กว้างและยิ่งใหญ่กว่าธุรกิจที่พวกเขาทำเสียอีก

เซียวอี้หลินพยักหน้า “ท่านอ๋องพูดถูก หากเราไม่ลงมือในตอนนี้ เมื่อพวกเขาเริ่มสืบเมื่อใด เมื่อถึงเวลานั้นก็คงไม่มีโอกาสอื่นให้ลงมือได้อีกแล้ว”

หนานกงเยว่มองทั้งสองคน “ใครเป็นผู้ปล่อยข่าวและส่งของพวกนั้นให้กับเซียวชวี่เฟิง”

“ข้าไม่รู้”

หนานกงเยว่เดินวนไปมา เขาควรจะรอให้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยลงมือ หรือหาโอกาสลงมือตอนนี้เลยดี

เมื่อเห็นหนานกงเยว่ขมวดคิ้วคิดไม่ตก ทั้งสองก็ไม่ได้รบกวนเขา แต่ความคิดของทั้งคู่คือต้องลงมือในตอนนี้เท่านั้น

หนานกงเยว่รู้ว่าพวกเขาต้องการจะสื่ออะไร หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก่อนอื่นข้าจะส่งจดหมายกลับไปก่อน เราจะลงมือเมื่อถึงเวลา”

การใช้พิราบสื่อสารส่งจดหมายจะกินเวลาสามวัน และต้องรอการตอบกลับมาในอีกสามวัน พวกเขาต้องขัดขวางเฉียวเทียนช่างและพรรคพวกในหกวันนี้เท่านั้น

หลิงอ๋องครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นข้าควรนำกองทัพนั้นมาที่นี่”

เซียวอ๋องมองหลิงอ๋อง เขากำลังรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าคนผู้นี้จะหากองทัพเจอจริงๆ

“ข้าจะจัดการเรื่องลักพาตัวหนิงเมิ่งเหยา” เซียวอี้หลินพูดอย่างเย็นชา

หนิงเมิ่งเหยานับว่าเป็นข้อต่อรองที่ดี หากมีนางอยู่ในมือไว้ก็ไม่เสียหาย

สายตาของพวกเขาหยุดลงที่เซียวอี้หลินพร้อมกัน พวกเขาต่างเลิกคิ้วขึ้นทันทีเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังไร้ซึ่งการล้อเล่นของเซียวอี้หลิน

“การรักษาความปลอดภัยในจวนแม่ทัพนั้นแน่นหนามาก เจ้ามั่นใจหรือว่าจะทำได้” หลิงอ๋องไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก ในเมื่อเซียวอี้หลินเคยบุกเข้าไปในจวนแม่ทัพมาก่อน ซ้ำร้ายตอนท้ายยังบาดเจ็บสาหัสกลับมาด้วย

แน่นอนว่าเซียวอี้หลินต้องเห็นความคลางแคลงใจภายในดวงตาของหลิงอ๋อง “ข้าไม่เคยบอกว่าจะไปคนเดียว”

หลิงอ๋องถึงกับพูดไม่ออก

หลังปรึกษากันจนเสร็จ หลิงอ๋องจึงออกจากจวนตระกูลเซียวไปอย่างเงียบๆ แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเขาอยู่

หนานกงเยว่มองเซียวอี้หลิน “เจ้าจะลักพาตัวหนิงเมิ่งเหยาก็ได้ แต่คงจะดีที่สุดหากไม่ลงไม้ลงมือกับนาง ถ้าคนในทงเป่าไจอาละวาดขึ้นมา คงไม่มีใครได้อยู่อย่างสงบสุขแน่”

เขาไม่คิดจะเผชิญหน้ากับทงเป่าไจหลังจบเรื่องเซียวชวี่เฟิงหรอก มันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด

เซียวอี้หลินมองหนานกงเยว่ “เจ้าไม่จำเป็นต้องเตือน ข้ารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร”

อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรสาวของหย่าเอ๋อร์ เขาจะทำร้ายนางได้อย่างไร

“อยากลักพาตัวข้างั้นรึ ข้าจะให้พวกมันเข้ามา แต่ไม่มีทางได้กลับไปแน่” หนิงเมิ่งเหยาฟังสิ่งที่สายลับรายงานและพูดอย่างเย็นชา

ตอนนี้นางเดินเหินไม่สะดวกเท่าใดนัก แต่ใช่ว่านางจะเป็นง่อย

“ถ้าพวกมันกล้ามา ตาแก่เช่นข้าจะทำให้พวกมันได้ตายอย่างทรมานเอง” ผู้เฒ่าเฮยอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่ามีคนต้องการใช้หนิงเมิ่งเหยาเป็นเครื่องมือ

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “ท่านปู่เฮย เตรียมยาพิษเอาไว้ให้เยอะๆ เลย แต่อย่าลืมเตรียมยาแก้พิษไว้ให้คนของพวกเราด้วยล่ะ”

จริงๆ แล้วผู้เฒ่าเฮยไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านการปรุงยา แต่เป็นการทำยาพิษต่างหาก ที่ชิงซวงสามารถสร้างยาพิษประหลาดพวกนั้นขึ้นมาได้ก็เพราะได้รับการสั่งสอนมาจากผู้เฒ่าเฮย

“พวกข้าสามารถเตรียมกู่พิษไว้ให้ได้เช่นกัน” หนานอวี่ที่ยืนเงียบๆ อยู่ในมุมเอ่ยขึ้นโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

ดวงตาของชิงซวงเป็นประกาย “จริงด้วย หนานอวี่มีกู่พิษอยู่หลายตัวเลยล่ะ”

บทที่ 446 รับประกันว่าเจ้าจะไม่ตาย

ตาของหนิงเมิ่งเหยากระตุก เมื่อมองไปที่ท่าทางตื่นเต้นของชิงซวง นางก็ยกมือขึ้นกุมขมับด้วยท่าทางจนปัญญา เหตุใดหลังจากพบกับหนานอวี่ เด็กสาวอันแสนไร้เดียงสาผู้นี้จึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่เพียงแค่ใจร้ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังโหดร้ายขึ้นด้วย

แต่แทนที่หนานอวี่จะคิดเช่นนั้น เขากลับรู้สึกว่านางช่างเยี่ยมยอดยิ่งนัก เมื่อมีหนานอวี่คอยตามใจ ชิงซวงก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ความน่ากลัวของนางนั้นมีให้กับแค่คนนอกเท่านั้น ไม่ว่าชิงซวงจะเปลี่ยนไปมากเพียงใด เมื่ออยู่กับคนในจวน นางก็ยังเป็นชิงซวงคนเดิมอยู่ดี

“ชิงซวง เราไม่ต้องใช้กู่พิษได้ไหม” เจ้าหนอนตัวกะจ้อยร่อยพวกนั้นมีแต่จะทำให้ชาวบ้านขนลุกขนพอง นางไม่ชอบความรู้สึกเช่นนั้นเอาเสียเลย

ชิงซวงกะพริบตา นางมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างไร้เดียงสา “พวกมันน่ารักจะตายนะเจ้าคะ คนจากจวนตระกูลเซียวต้องถูกใจแน่”

หัวของหนิงเมิ่งเหยาเกือบทิ่มลงกับโต๊ะ นางหันไปมองหนานอวี่หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ “หนานอวี่ เอาชิงซวงที่แสนบริสุทธิ์ของข้าคืนมา เจ้าดูสิว่าหลังจากแต่งงานไปแล้ว นางกลายเป็นอย่างไร”

หนานอวี่มองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสายตาจริงจัง “ข้าคิดว่านางเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วขอรับ ไม่มีความจำเป็นใดต้องทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์กับเรื่องพรรค์นั้นขอรับ”

ร่างของหนิงเมิ่งเหยาเอียงไปด้านข้างจนเกือบพลัดตกจากเก้าอี้ หมอนี่ยังเป็นชายน่าเบื่อผู้ไม่ยอมพูดจาอยู่หรือเปล่า ไม่ใช่เมื่อครู่เขาเพิ่งพูดอะไรสักอย่างออกมาหรือ

ผู้เฒ่าเฮยมองหนานอวี่ด้วยความพอใจ “ข้าก็คิดว่าเสี่ยวชิงซวงเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

หนิงเมิ่งเหยามองคนทั้งสองอย่างอับจนคำพูด ไม่ใช่ว่านางแค่ชวนคุยเรื่องทั่วไปอยู่หรอกหรือ

ตั้งแต่รู้ว่าเซียวอี้หลินวางแผนจะบุกเข้ามาลักพาตัวนาง จวนแม่ทัพก็เตรียมพร้อมรับการบุกรุกอยู่เสมอ ทุกหนแห่งภายในจวนปกคลุมไปด้วยหมอกพิษ จวนแม่ทัพไม่ได้รับแขกอีกเลยนับตั้งแต่สองสามวันก่อน คนที่อยู่ในจวนต่างต้องกินยาแก้พิษที่ผู้เฒ่าเฮยเอาให้

กลางดึกคืนหนึ่ง ร่างหลายสิบร่างวิ่งตรงมายังจวนแม่ทัพ เฉียวเทียนช่างลืมตาขึ้น เขามองหนิงเมิ่งเหยาที่กำลังหลับสนิท

เพราะกลัวว่าหมอกพิษจะมีผลกระทบต่อเด็กในท้อง ภายในห้องของพวกเขาจึงไม่มีพิษใดๆ อยู่ แต่กลับแทนที่ด้วยกู่พิษหลายชนิด เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ พวกนั้นไม่มีพิษภัยใดๆ เพราะถูกราชากู่สะกดเอาไว้

ทว่าในคืนนี้ กู่พิษกลับเริ่มอยู่ไม่สุข

เฉียวเทียนช่างนั่งอยู่ข้างเตียง เขากำลังรอการปรากฏตัวของเซียวอี้หลิน หนานอวี่เองก็รีบดิ่งมาที่ห้องของพวกเขา

ได้ยินเสียงการปะทะกันดังอยู่ด้านนอก เฉียวเทียนช่างจึงรู้ว่าพวกมันเริ่มลงมือแล้ว

หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้นเพราะเสียงเอะอะวุ่นวายนั้น เมื่อเห็นเฉียวเทียนช่างที่นั่งอยู่ข้างเตียง นางก็ขยี้ตา “พวกมันมาถึงหรือยัง”

“มาแล้ว พวกมันอยู่ที่นี่”

“ในที่สุดก็มาถึงเสียที ในเมื่อพวกมันอุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว เช่นนั้นก็ไม่ควรหวังว่าจะได้กลับออกไป” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน

เฉียวเทียนช่างยิ้ม เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่สีหน้าบ่งบอกว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่หนิงเมิ่งเหยาเอ่ย ในเมื่อพวกมันอุตส่าห์มา ก็ไม่มีความจำเป็นอันใดให้พวกมันต้องกลับไป

หลังจากเข้ามาภายในจวนแม่ทัพ เซียวอี้หลินเร่งฝีเท้าตรงมายังห้องของพวกเขาในทันที

“ในเมื่อเซียวอ๋องมาแล้ว มีเหตุจำเป็นอันใดให้ต้องซ่อนตัวด้วยหรือ” เฉียวเทียนช่างเดินออกมา เขาเหยียดรอยยิ้มเย้ยหยันพลางเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเซียวอี้หลินซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง

สายตาของเซียวอี้หลินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ทว่าก่อนที่เขาจะได้เปิดปากพูด กลุ่มคนในชุดดำสองสามคนก็เข้ามาเสียก่อน

เมื่อเห็นคนเหล่านี้ เซียวอี้หลินก็รู้สึกโล่งใจ

เซียวอี้หลินปรากฏกายขึ้นและเข้าไปในห้อง ขณะที่เฉียวเทียนช่างกำลังง่วงอยู่กับคนในชุดดำ แต่ที่น่าแปลกใจคือบนเตียงกลับไร้ร่างผู้ใด มันว่างเปล่า

หนิงเมิ่งเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังประตูเดินออกมาและมองเซียวอี้หลิน “ข้าสงสัยเสียจริง ว่าเซียวอ๋องกำลังหาสิ่งใดอยู่ หาข้าอยู่หรือ”

เซียวอี้หลินหันหน้าไปในทันที เขามองหนิงเมิ่งเหยา ในดวงตาของเขาฉายประกายวาบ “ไปกับข้า ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่ตาย”

หนิงเมิ่งเหยารู้สึกเหมือนนางเพิ่งได้ยินเรื่องตลก นางมองเซียวอี้หลินแล้วเอ่ยประชดประชัน “รับประกันว่าข้าจะไม่ตายหรือ เซียวอี้หลิน ท่านกล้ากล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”

เซียวอี้หลินไม่ตอบหนิงเมิ่งเหยา แต่กลับก้าวเข้ามาแทน

ก่อนที่เซียวอี้หลินจะทันได้แตะต้องตัวหนิงเมิ่งเหยา เขาก็ถูกคนผู้หนึ่งเข้ามาขวาง คนผู้นั้นคือหนานอวี่นั่นเอง

“อยากจัดการกับพี่สะใภ้ของข้าหรือ เจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน” หนานอวี่ยืนขวางหน้าหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้ ก่อนหันหน้าไปบอกนางว่า “ท่านพี่สะใภ้ ท่านต้องระวังตัวนะขอรับ”

“อย่าห่วงไปเลย”

เซียวอี้หลินคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วย และคนผู้นั้นก็มีท่าทางไม่ชอบมาพากลเอาเสียเลย

ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง เซียวอี้หลินพุ่งตัวเข้าจู่โจมในทันที หากยังคุมเชิงกันต่อไปเช่นนี้ เห็นทีคงไม่เป็นผลดีกับเขาแน่ แต่เหตุใดจึงไม่มีคนจากด้านนอกเข้ามาสมทบกับเขาเลยสักคน เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น

หนานอวี่เห็นว่าเซียวอี้หลินกำลังเสียสมาธิในการต่อสู้ เขาหัวเราะหึ “ยังรอคนพวกนั้นอยู่หรือ น่าเสียดายที่ป่านนี้พวกมันคงตายกันหมดแล้ว”